21 สิงหาคม 2552 17:55 น.
ลำน้ำน่าน
เส้นทางเดินทอดย่างกลางฤดู
ยังหนาวอยู่ยามเช้าหนาวหมอกหนา
อุ่นอรุณหลับใหลใกล้จันทรา
ช้าอย่าช้ามาส่องห้องหัวใจ
ดุเหว่าเอยหวานแว่วมิแผ่วเสียง
ร้อยจำเรียงความรักพิทักษ์ไว้
รินน้ำคำรบเร้าเหน็บหนาวใน
อโณทัยรุ่งรางจึ่งร้างลา
หอมเอยหอมดอกไม้สายไพรพฤกษ์
ยิ่งยามดึกตรลบล้อมมาหอมหา
หอมอบอวลชวนดมบ่มนิทรา
ฝันกี่คราฝันถึงซึ่งสุนทรีย์
รอน้ำค้างรินร่วงรดบ่วงใจ
รอลมไล้แสงสาวเคล้าซิ่นสี
รอหริ่งรักกังสดาลขานสตรี
รอเดือนปีเพลาแต่งอาภรณ์
ทิวโสนท้องทุ่งจักรุ่งแก้ว
นกเจื้อยแจ้วป่าปกเสียงนกสอน
เสียงเดิมเดิมร้องสั่งจากรังนอน
เสียงอาทรเคล้าคู่อยู่นานนา
ภาพราวป่าเบื้องหน้าราวฟ้าแคบ
รักอิงแอบจากจบกลับพบหา
รินลำธารซ่านกระเซ็นอยู่เต็มตา
ปางฝนฟ้าซ่าซ่านสนานไพร
ความรักเอยอยู่ไหนใยเพรียกหา
ให้คืนมาหวานหวั่นเมื่อวันใหม่
จากยอดภูสู่ทุ่งลิบรุ่งไป
พบดวงใจคนคอยอยู่ดอยแดน
นกเอี้ยงหนุ่มเคล้าคลอล้อวัวควาย
ดั่งเพื่อนตายเคล้าคู่ดูหวงแหงน
คุ้งค่าวน้ำไผ่แผ่วแว่วเสียงแคน
สวยเหลือแสนสาวไพรในคำนึง
เช้าวันใหม่ใกล้รุ่งมุ่งออกนา
ห่อข้าวปลาแบกไถเพียรไปถึง
ฝ่าน้ำค้างย่างไปใจตราตรึง
เพราะพันธะฉุดดึงถึงต้องไป
ใยเสียงขลุ่ยกำสรวลครวญคร่ำนัก
แอกยังหนักหมายมั่นมิหวั่นไหว
ใจดวงแกร่งแตกเต้นเป็นยาใจ
แกร่งอยู่ในวิญญาณเนิ่นนานมา
ครั้นยามเช้าหมุนเวียนมาเปลี่ยนโลก
ประหนึ่งโศกเศร้าใดใจเพรียกหา
จักสลายลอยผ่านธารน้ำตา
เพื่อวันหวังล้ำค่าจะผลิใบ
ยามเช้าเอยรุ่งมากี่คราแล้ว
มิเคยแคล้วเคยพรากจากไปไหน
ซาบซึ้งนักครรลองของภายใน
ยามแดดเช้าส่องใจให้รุ่งราง
------------------------------------------
โกกิลาขับกล่อมกระท่อมทับ
เพลงไก่แก้วแซร่ศัพท์รับรุ่งสาง
สื่อสำเนียงเสียงซึ้งจากบึงบาง
ปลุกรอยทางจ่างรับจับเพลา
หยาดน้ำค้างสร่างโศกโลกริมรั้ว
แสงสลัวจ่างจางหว่างเวหา
คีตกะกล่อมคุ้งทิวทุ่งนา
พร่ำภาษาประเลงเพลงจนจน
หนาวยังหนาวน้ำค้างวางดอกร่วง
จับคอรวงเมล็ดข้าวหนาวอีกหน
แม้นหนักหน่วงโน้มคอลงคลอตน
ใบแซมปนบรรจถรณ์โอนอ่อนนัก
ช่อดอกข้าวเกล็ดหมอกแต้มดอกนั่น
ราวสีสันสะท้อนใจให้รู้จัก
ความเรียบง่ายถักทอกลางกอรัก
โอบรวงหนักไหวชื่นทุกคืนคราว
ตื่นเถิดหนอผละกอดยอดดวงใจ
มาสุมฟืนก่อไฟไล่ลมหนาว
ตื่นจากฝันภวังค์ของค่ำยาว
มาหุ่งข้าวกลิ่นหอมพร้อมสู่นา
เสียงกระดึงวัวส่ายควายตื่นแล้ว
ระฆังแก้วกรุ่งกริ่งกระดิ่งหนา
ระงมเสียงโนรีสาลิกา
เสียงสัญญาสัญญาณงานและคน
รองน้ำข้าวซาวเกลือเพื่อรองท้อง
เจียนใบตองรมไฟไล่เกล็ดฝน
ห่อก่องข้าวพริกปลาปิ้งมาปน
น้ำตาหล่นฟืนควันรุมรันตา
เจิมครรลองรุ่งเช้าเมื่อดาวเลื่อน
แบกไถเคลื่อนมุ่งไปในอุษา
ประกายพรึกพริบพรางกลางมรรคา
เกิดฝั่งฟ้าตะวันทอนั่นแล้ว
กระจาบจ้อยบินพรูสู่ดงดอน
ทิ้งคบคอนเดียวดายปลายตาลแถว
หนาวดอกจานร่วงลาห่มนาแนว
กลางเจื้อยแจ้วทำนองของอรุณ
นกกระยางบินลู่สู่หนองหน้า
บินข้ามป่าสุขโศกทุกโลกหมุน
ตะวันเช้าฉายรอพอเจือจุน
ธรรมชาติสมดุลเกื้อหนุนนั่น
สิ่งสามัญทอดทางกลางทุ่งทอง
ทอครรลองให้เห็นเป็นทุ่งฝัน
เมื่อยามเช้าปลุกตื่นทุกคืนวัน
สรรค์สวรรค์ท้องทุ่งจรุงมิตร
เช้าชื้นแล้วดวงใจใครรู้เห็น
ตรวนลำเค็ญโน้มหน่วงมัดดวงจิต
สาปสืบสายเทือกท้าวข้าวชีวิต
สู้ผลิตดอกเหงื่อเพื่อสิ่งใด!
-----------------------------------------
ยามเช้าคือเสรีภาพแห่งมวลชีวิตของมนุษย์
เหล่านกกาผกามาศต่างไหวชีวิตฟื้นตื่น
สาส์นแสงอรุณนำพาความหวังมาสู่ท้องทุ่ง
ผู้คนพากันตื่นจากหลับใหล ตื่นจากฝัน
ตื่นจากภวังค์แห่งค่ำยาว เป็นมาอย่างนี้
และจะเป็นอยู่อย่างนี้ตราบนานเท่านาน
ทุกครั้งที่ได้ท่องเที่ยวไปในถนนสายชนบท
ภาพงดงามของยามเช้ายังคงตราตรึงใจ
ฉากภาพท้องทุ่งรวงทองผ่องอำไพ
มองไปสุดลูกหูลูกตา มีแต่ทุ่งและทุ่ง
แหละในยามที่รถไฟพาใจไปรุ่งรางอยู่ที่
**อุทุมพรพิสัย**
วิถีครอบครัวชาวนาตั้งแต่บรรพบุรุษรากเหง้า
ของชาวไทยและผู้คนชนบทที่เรียบง่าย
ทำให้มียามเช้าที่งดงามในมโนคติของเรา
แหละยังคงงดงามอยู่นิรันดร์..อยู่อย่างนั้น
ศิลปินในดวงใจ คุณจำรัส เศวตาภรณ์
ให้นิยาม **ยามเช้า** ไว้งามอย่างจับจิตว่า
**ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน
ดั่งอาทิตย์ฉายฉานทุกอรุณ
วันคืนที่เลวร้ายได้ผ่านพ้น
ยังมีวันที่สดใสรออยู่ข้างหน้า
เป็นกำลังใจและศรัทธาของชีวิตอันมีค่า
เราจะดำรงอยู่เพื่อสรรสร้าง
และค้นหาความหมาย
ชีวิตไม่อาจตายได้
ตราบที่ใจเป็นของเรา...**
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
วันศุกร์ที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒