18 พฤษภาคม 2548 14:21 น.
ลำน้ำน่าน
โคลงสี่สุภาพ
............ เจียระไนก่องแก้ว............เก็จสยาม
ปลุกเปล่งระเบงนาม......................นทฟ้า
สยามศิลป์บ่มลายคราม..................ขจรรุ่ง เรืองแฮ
เกียรติศักดิ์รัตน์ท้า........................ทบท้นอวสานฯ
............นพรัตน์แก่นเก้า................เกลียวทอง
ค่ามั่นควรครรลอง...........................รากเหง้า
อธิจิตลุปอง......................................พบเพชร กุศลนา
นำเหนี่ยวภพอะคร้าว......................รัดร้อยส่งสวรรค์ฯ
..............เจียระไนแว่นแคว้น..........นาคร
ยกย่องรัตน์บวร................................เก็จเก้า
ยอยศเพชรอาภรณ์.......................... พู่แต่ง ชนแฮ
ประดับเกียรติโคตรเหง้า...................เร่งเร้าชัยฉลองฯ
กาพย์ยานี ๑๑
.......... เจียระไนสยาม.....................สมบัติงามรัตน์บุรี
ก่อเกียรติโคตรราศี..........................อัญมณีวิจิตรา
.......... ประกายเพชรไพฑูรย์............ทิพย์จำรูญจรัสตา
เกียรติศักดิ์จักอยู่ท้า..........................ตราบสิ้นโลกนิรันดร์กาล
.......... เจียระไนไขธาตุต้น...............รัตนะลนบนเพลิงพาล
ห่อนเหี้ยนเพียรล้างผลาญ.................แกร่งตำนานเพชรมาณพ
.............เจียระไนเนาวรัตน์.............ค่าพิพัฒน์แดนสงบ
สยามพิรามรพ...................................ชั่วสยบทิพย์อาภรณ์
.............ประดับเกียรติบุปผา.............ระดาษฟ้าประภัสสร
เหง้าเพชรเก็จบวร............................เลื่อมรอนรอนฉลองชัย
กลอนสุภาพ
เจียระไนธาตุแผ่นดินศิลปะ
อารยะโบราณผ่านสมัย
สารัตถะประโยชน์โคตรเหง้าไทย
ก่อกำเนิดวันวัยอารยชน
สืบจากศูนย์เป็นหนึ่งถึงล้านแปด
ตากธาตุแดดจันทร์ดาวหนาวธาตุฝน
บ่มวิญญาณแผ่นดินวิญญูสกนธ์
ดอกผลอารยธรรมล้ำถิ่นทอง
บรรพชนใจเพชรจิตเด็ดเดี่ยว
เข้าขับเคี่ยวศึกรบศพสยอง
สุโขทัยอโยธยาเลือดตานอง
พลีปกป้องกรุงศรีมิแหลกลาญ
สีแดงดาษลิ่มเลือดปู่เชือดหลั่ง
ไหลลงคั่งปฐวีศรีวิศาล
เชือดด้วยดาบศัตรูผู้รุกราน
บ่มไฟกาลแปรทัศน์สู่รัตมณี
มรกตเขียวใบไม้พรายกิ่งทอง
คือครรลองพืชป่าพนาสี
แก้วมรกตปฏิมาวิลาสินี
คู่ปฐพีปัจเจกเอกอาราม
เมื่ออรุณเรืองรองส่องเจิมหล้า
ทอทิวนารวงทองครองสยาม
สุกสีเหลืองธัญชาติดื่นดาษนาม
ดั่งพลอยงามบุษราคัมร่ำมนต์รัก
สยามภูมิภาคจากเหนือใต้
ถักทอสายสัมพันธ์อัศจรรย์นัก
แดงโกเมทเดชไมตรีศรีจำหลัก
เอกลักษณ์จตุรทิศสถิตเดียว
อันดามันหมอกนทีคลี่เสน่ห์
ฝากจุมพิตทะเลสีครามเขียว
ห่มอ้อมหาดทรายทองละอองเพรียว
ครวญคลื่นเกรียวเกาะแก่งแหล่งมุกดา
อาบผืนน้ำพลบนั้นวัยวันสิ้น
รอนระรินสายัณห์ย่ำเคหา
ก่ำเพทายสลายแสงสนธยา
นวลนิศาสลัวจรโรยอ้อนรับ
แว่วหนึ่งนั้นยินเสียงจำเรียงมนต์
เวิ้งมณฑลหีนยานวิหารหับ
เทียนทอส่องพักตร์พุทธวิสุทธิ์วับ
สะท้อนจับพัสตร์สงฆ์รงค์ไพฑูรย์
ใต้ร่มฉัตรนพแสงแห่งสยาม
ราชนามวงศ์มณีตรีแสงสูรย์
ปลั่งชูเกียรติเผ่าไทยไท้จำรูญ
ลบอาดูรนิลดำระกำกา
เนาวรัตน์เลอค่ารัตนชาติ
ใช่เกลื่อนกลาดเก็บได้กลางทรายผา
แท้หัวใจแผ่นดินศิลป์เวลา
เฉกสมบัติเลอฟ้าอารยธรรม
เจียระไนเพชรอนันต์ศันสนีย์
ลบราคีฝูงชนปนสัตว์ส่ำ
ร่ายกวีคล้องคลอพ้อลำนำ
เพื่อตอกย้ำปึกชาติอย่าขลาดเกรง
มิกลัวมารช่วงชิงไปทิ้งเหยียบ
ทุรชนฤาอาจเทียบมาข่มเหง
เว้นหน่อเชื้อฆ่าฟันหั่นชาติเอง
จักเร้าเร่งหายนะมาครองเมือง
--------------------------
นพรัตน์ คือ แก้วเก้าประการจากธรรมชาติที่มนุษยชาติยกย่องแย่งชิง
เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม เพทาย ไพฑูรย์ มุกดา โกเมท นิล
สยามนพรัตน์ ดินแดนผองเราจึงอุปมาเหมือนสิ่งล้ำค่าหาได้ยากยิ่ง
จากบรรพชน สงคราม ทรัพยากรธรรมชาติ สู่อารยธรรมร่วมสมัย..
มีความเด็ดดวงอ่อนหวานและอ่อนโยนอยู่ในจิตวิญญาณ
ทั้งปวงนี้คืออัญมณีสยาม คือ นพรัตน์แห่งแดนแหลมทอง
ที่ชนชาติตะวันตกตะลึงและยกย่องในความเป็นเอเชีย
ในมุมมืดสยามวันนี้ เรามิกลัวทุรชนผองอื่นใดมาเหยียบย่ำทำลาย
หากแต่กลัวเชื้อชาติทลายด้วยน้ำมือไทยด้วยกันเอง
เขียนบทกวีแทนใจพี่น้องไทยทั้งหลายผู้โศกเศร้า อาดูร
จากการกระทำของผู้อกตัญญูแผ่นดิน จุดไฟบรรลัยกัลป์
อารยชนคนดีต้องพลีวิญญาณปกป้อง