29 เมษายน 2546 23:45 น.
ลำน้ำน่าน
เรือนริมบึง......พุดพัดชา
เรือนริมบึงตรึงใจวิมานฝัน
บัวหลากพันธุ์บานชูช่อล้อแดดใส
จิก..ดอกหวานหว่านดอกลำธารไพร
นั่นต้นไทรไหวเอนลู่คู่นกกา..
ตะวันสีไพลชิงพลบหลบเงาเมฆ
ธรรมชาติเสกใจภิรมย์ชมมัจฉา
มีชานฝันอันรื่นรมย์ชมพนา
ตะวันลาโพล้เพล้เหว่ว้าใจ..
พายเรือน้อยลอยคว้างกลางสระกว้าง
นอนอ้างว้างมองดูดาวพราวสุกใส
โอ้ดาวน้อย ลอยเด่นดวง สุดแสนไกล
ราวสอนใจไม่มีวันฝันเป็นจริง..
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนฝัน
นวลแสงจันทร์ลอดโลมไล้ลืมทุกสิ่ง
เคียงหมอนขาวพราวดอกไม้หอมงามยิ่ง
หลับตานิ่งดิ่งหัวใจไม่ตรอมตรม...
พอยามดึกพงพฤกษ์ไพรไหวน้ำค้าง
ใจว่างว่างลืมโลกลืมโศกสม
เรือนหลังน้อยกับจิ้งหรีดร้องระงม
เนื้อใจบ่มเพาะฝันดีที่งอกงามยามเงียบงัน...
..................................
อยากให้จินตนาการภาพเป็นเรือนไทย สามสี่หลัง ปลูกรายเรียงกันริมบึงกว้าง ที่มีเรือน้อยลอยคว้างกับภาพหญิงสาวนอนนิ่งกลางลำเรือที่ดูอ้างว้างเดียวดาย ในท่ามกลางสระบัวที่มีดอกบัวบานลอยชูช่อรออรุณ และรอบริมบึงจะมีพันธุ์ไม้น้ำนานา ..ส่วนในห้องนั้นคงเป็นห้องแบบโบราณย้อนยุค..ลองใส่จินตนาการหวานๆเอาเองนะคะ..ด้วยรัก
บัวบังใบ.......ลำน้ำน่าน
แสงจันทร์คืนนี้นวลคล้ายชวนให้
ดอกไม้ไพรบานรื่นตื่นรับฝัน
ซุกกายหนาวร้าวใจใต้เงาจันทร์
ผ่องอำพันเย้ยหยันดั่งเงาใคร
ริมบึงบัวเรือนไทยในคืนนี้
มธุลีหอมชื่นรื่นแมกไม้
ดวงดอกบัวบานหวานกลางเรือนใจ
เงาไม้ใหญ่ฝั่งชลสุคนธ์ครวญ
จันทร์กระจ่างพร่างฟ้ามาเตือนตาม
สงบงามริมบึงดอกบัวสรวล
น้ำค้างรินกลิ่นรักอาบอบอวล
หอมเนื้อนวลกลีบบัวคลั่วแสงจันทร์
ลมราตรีโชยริ้วพลิ้วหวานไหว
ดั่งดวงใจไล้ลูบด้วยจูบหวาน
ล่องเรือรักพายน้อยคล้อยเนิ่นนาน
โศกสราญน้ำตาพาทรวงซม
คล้ายเงาน้ำสะท้อนย้อนยอกฝั่ง
ดิ่งเงาดำวูบไหวในใจถม
จับแสงจันทร์เงาน้ำร้างระทม
เป็นวังวนท้นธารกลางบึงใจ
ริมบึงบัวเรือนงามยามจันทร์แจ่ม
สกาวแสงผ่องผุดพิสุทธิ์ใส
พระจันทร์หวานกลางบึงบัวบังใบ
ฟื้นดวงใจให้งามดั่งดอกบัว
...........................
เรือนไทยงาม ณ คืนหนึ่งพระจันทร์พราวฟ้า ใครบางคนไม่อาจนอนซ่อนแสงจันทร์ที่พราวพร่างอยู่ในห้องเรือนไทยที่ตกแต่งเป็นห้องโบราณย้อนยุค ออกมาพายเรือชมจันทร์และบัวกลางบึง...กับอดีตรักที่เคยรุ่งโรจน์ และ ณ วันนี้ได้สยบซบซึมลง...เหลือเพียงแต่เรือนไทยหลังงาม บัวกลางบึง พระจันทร์กลางใจ......และเงาไม้ ฝั่งชล.....เดียวดาย
แสงจันทร์วันนี้นวล.... คล้ายชวนให้น้องเที่ยว
จะให้เหลียวไป..แห่งไหน
ชลใสดูในน้ำ ..เงาดั่งนั้นเงาใด
หอม....ไม้ริมฝั่งชล
สวยแจ่ม...แสงเดือน
หมู่ปลารื่น...ดูเป็นทิว
หันดม....ลมริ้ว...
จอดเรือ...อาศัยเงาไม้ฝั่งชล
26 เมษายน 2546 17:36 น.
ลำน้ำน่าน
โอ้ละเน้อ...บ้านหลังนี้ที่กลางทุ่ง
ห่างไกลกรุงเมืองสวรรค์ฉันเมินหนี
มาบ้านน้อยคอยฝันคำกวี
ตามวิถีมีผักปลาเอื้ออาทร
บ้านฉันนั้นไม่ร่ำและไม่รวย
มีธารสวยท้องทุ่งบึงคลองหนอง
ยอดผักบุ้งลอยล่องท่องเต็มคลอง
อยู่กันฉันพี่น้องเงินทองไม่สนใจ
ฉันตื่นก่อนไก่ขันเมื่อวันใหม่
เอาลอบไซดักปลามาขังไว้
แกงส้มแกงฟักแกงผักไพร
สบายใจบ้านฉันนั่งล้อมวง
ฉันไล่ต้อนวัวควายไปหากิน
หรีดหริ่งยินเสียงการะเริงหลง
เสียงดังแว่วแผ่วหวานกลางป่าดง
เป็นตัวตนบ้านนาภาษาใจ
ฉันชาวนาหน้าตาไม่ลุ่มหล่อ
สร้อยคล้องคอไม่มีเพชรเม็ดเท่าไข่
ใครจะฟังแร๊บฟังร๊อคก็ฟังไป
ฉันสนใจไทยลูกทุ่งตะลุงนา
ข้าวในนากอเขียวใบเรียวงาม
ฟ้าเดือนสามครามเข้มเมฆเต็มฟ้า
หอมแก้มใสเนียนแดดของสาวนา
หอมยิ่งกว่ามาสคาร่าของสาวกรุง
บ้านฉันรายลอบด้วยดอกไม้
หมากของยายปลูกไว้รายรอบทุ่ง
พอตกเย็นเก็บผักใส่กระบุง
กล่อมท้องทุ่งด้วยเสียงตำน้ำพริกไทย
เสียงตำถี่..ถี่ถ้วนชวนไหลหลง
คล้ายเสียงโพนแว่วมาจากวัดไหน
ได้ยินฟังดั่งแมงมุมขยุ้มใจ
โอ๊ย..ตำไทยเผ็ดสะดุ้งทุ่งสะเทือน
วันรุ่งพรุ่งนี้มีงานวัด
ทั้งรำโทนรำตัด เอ้า....หัดให้เหมือน
หากสาวร้างนางใดใคร่ออกเรือน
ตะวันเลือนนัดพบกันที่หลังงาน
นี่..เทอร์.เทอร์....อยากมาไหม
อยู่สบายแบบลุกทุ่งลุ่มอีสาน
ไม่มีหวยไม่มีแชร์แพ้พนัน
แสนสุขสันต์เริงร่ากว่าในกรุง
หากจะมาขอย้ำจำให้แม่น
มาหาแฟนบ้านฉันต้องใจถึง
หัดถือเคียวแบกไหหอบกระบุง
นุ่งผ้าถุงผ้าซิ่นกินปลาร้า
หัดเกี่ยวข้าวกลางนาให้ได้ก่อน
แม่งามงอนถอนกล้าได้บ้างไหม
หัดไปวัดไปวาบ้างเป็นไร
จับคันไถยิ่งได้ก็ยิ่งดี
สาวสาวกรุงคนใดหัวใจว่าง
เชิญน้องนางมาสมัครได้ที่นี่
คุณสมบัติดั่งว่าถ้าไม่มี
ตัวฉันนี้จะครองโสดให้เทอร์ดู... เอ้า..จริงๆ
................................
จริงๆ แล้วสาวนาบ้านฉัน สาวๆ ก็สวยเยอะแยะนะ ไม่อยากจะชวนสาวกรุงหรอก
แต่หนุ่มบ้านฉันเยอะก็เลยไม่พอ..กะสาวๆ ไม่ได้โม้.....
26 เมษายน 2546 01:16 น.
ลำน้ำน่าน
ใบไม้ที่ปลิดปลิว......พุดพัดชา
ใบไม้ปลิวคว้างร่วงหล่น
ให้กมลคิดตามจนหวั่นไหว
ชีวิตเราไม่นานคงจากไป
ฝากอาลัยอาวรณ์ซ่อนให้จำ
อยากกลับไปเป็นใบไม้ในราวป่า
ลบเหว่ว้าลบหัวใจไหวเจ็บช้ำ
อยากปลิดปลิวเงียบเหงาด้วยระกำ
ดีกว่าซ้ำย้ำเจ็บใจในเมืองลวง
ให้เงียบงามในราวป่าลบรอยเศร้า
ลบรอยร้าวเลิกรอใครให้ห่วงหวง
ลบรอยแผลเสียใจเล่ห์รักลวง
ค่อยค่อยร่วงปลิวคว้างอย่างอ้างว้างลงสู่ดิน!
ใบไม้ในกำมือ......ลำน้ำน่าน
เห็นใบไม้ร่ายลมกล่นเกลื่อนพื้น
ร่วงลงครืนบ่วงฝันอันสลาย
กลางลมฝนทนสู้อยู่เดียวดาย
หนาวเหน็บกายอ้างว้างที่กลางดง
จากใบอ่อนร่อนเรียงเคียงกิ่งก้าน
อันตรธานจากรอยเยาว์แล้วเน่าผง
ผลัดเปลี่ยนรุ่นสู่รุ่นหมุนกำกง
เจตจำนงเผยค่าลดาวัลย์
อิ่มเอิบงามตามแบบแตกกิ่งก่อ
ใบลออช่อสล้างเปิดทางฝัน
สืบตำนานสะท้านฟ้ามุ่งฝ่าฟัน
จุดไฟฝันโชติช่วงเมลืองมลาย
คือร่มไม้เรือนใจในสารทิศ
งามวิจิตรคุ้มหล้าค่าหลากหลาย
จวบวันคืนกลืนผ่านมลาญลาย
บ่วงใบไม้คลายเคลื่อนร่วงเปื้อนดิน
สังสารวัฏยืดหยัดพลัดพรากแล้ว
ใบไม้แก้วเหลืองแห้งแผ่วแรงสิ้น
เพลงชีวิตก้องดังกังวานยิน
ร่วงเป็นสินธุ์เรืองอุดมบ่มดินไพร
แผ่วกระซิบเพลงเศร้าร้าวอาบป่า
ย้ำศรัทธาเพลงกรรมดังไสว
แม้นงามล้ำฉ่ำค่ากว่าแดนใด
ยังปลิดไปจากต้นที่ตนครอง
บ่วงใบไม้ในมือหรือบ่วงฝัน
อาจด่วนพลันหล่นลงตรงสนอง
ดั่งชีวิตล่วงกรายอย่าหมายปอง
เป็นเจ้าของยั่งยืนทุกคืนวัน
เพียรสรรค์สร้างเส้นทางงามกุศล
อวลระคนผลบุญหนุนสวรรค์
หลั่งอาบทั่วสรรพสัตว์ทั้งสรรพางค์
บุญเบิกทางถือติดมือสู่คาลัย
..............................
จากใบอ่อนร่วงจนเติบงามสร้างสรรค์ประโยชน์นานับให้กับพงไพร
และวันนี้ที่ร่วงหล่นลง...ยังคงความอุดมเป็นปุ๋ยให้ผืนดิน..
ใบไม้ร่วงบ่งสัจธรรม ล้ำค่า..อนัจจังตระหนักรู้ ยึดติดชีวิตตีกลับ
ในทางตรงข้าม...กุศลผลบุญที่เพียรก่อ คือใบไม้ที่ใคร่ครอบครอง
เป็นเจ้าของได้..ด้วยใจอิ่มเอมและปลายทางสวรรค์อันวิไล...
23 เมษายน 2546 23:34 น.
ลำน้ำน่าน
(กาพย์ยานี ๑๑)
วสันต์พลันพร่างพรม หมอกม่านชมฝนฟองฝอย
โดดเดี่ยวเปลี่ยวใจคอย งามหยดย้อยร้อยรำเพย
วันใหม่กลายแล้วผ่าน อกร้าวรานเกินเฉลย
โอ้รักจักลาเลย ดอกทรามเชยเคยแนบนาง
อร่ามลานสวรรค์ บานชูชันหวั่นคำหวาน
เคยแนบแอบอกนาง จนสว่างพร่างคาตา
ดอกเด่นเด็ดมาร้อย มาลัยลอยร้อยบุปฝา
หอมรักอักอวลมา ทุกเวลาพาร้อนใจ
เป็นช่อแจ่มจรัส ยามลมพัดจับลมไหว
รำเพยเชยชื่นใจ เหตุไฉนไม่ส่างซา
ล้อลมแกล้งชมเล่น กลีบงามเด่นเช่นบุหงา
กลีบกรวยพวยแผ่มา มวลมาลาร้อยมาลัย
ทยอยพร้อยกลางฝน หนาวทุกข์ทนข่มฤาไหว
ภู่ผึ้งทั่วแดนใด ไม่มอบใจใคร่ดอมดม
อุบะอุบายเจ้า เสน่หพราวร้าวประสงค์
ซ่อนพิษจิตจำนงค์ ปลิดชีพคนผลผลิมา
ใบเรียวเกี่ยวรอบกิ่ง งามสะอิ้งพริ้งแพรหนา
หลายพงศ์ยลยินมา ลวงหลอกตาว่าวิไล
แท้จริงเพชรฆาต ยางขาวอาบหยาดหยดไหล
หักอกซบรำไพ รำเพยร้ายคล้ายรักลา
ดอกไม้ใช่แย้มบาน โรยราผ่านคร่ำครวญหา
พ่นพิษติดตรึงตรา จวนเจียนว่าจะขาดใจ
พิษรักจักระทม ช้ำระบมทนห่อนไหว
เล่หรักรำเพยไพร เปรียบเปรยไว้ร้ายใจคนฯ
..................................
รำเพยเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มียางสีขาวเป็นพิษ จะออกดอกในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว มีผลเป็นพิษ ถ้ารับประทานอาจจะทำให้มีอันตรายถึงชีวิต ใบเป็นใบเดี่ยวมีลักษณะใบแคบเรียวยาวแตกเวียนออกรอบกิ่งเป็นช่วงค่อนข้างถี่ ดอกออกเป็นช่อ แต่ทยอยกันบาน ดอกมีลักษณะเป็นกรวย มีกลีบ 5 กลีบเรียงซ้อนทับกัน โคนดอกเป็นหลอดมีสีอมเขียว มีกลีบเลี้ยง ยาวแหลม 5 กลีบเช่นกัน ดอกมีหลายสี เช่น สีเหลือง ส้ม ขาว เมื่อดอกโรยจะติดผล ผลมีลักษณะกลม การขยายพันธุ์ ใช้กิ่งปักชำ สรรพคุณทางด้านสมุนไพร เปลือกใช้รักษาไข้มาลาเรีย แก้ไข้ เป็นยาถ่าย เพิ่มความดันโลหิตให้สูง ใบและเมล็ดทำให้อาเจียน เป็นยาถ่ายและทำให้แท้งได้
22 เมษายน 2546 23:50 น.
ลำน้ำน่าน
หอมหวลเหมือนข้าวใหม่ กรุ่นกลิ่นไออัปสรสรวง
ข้าวทิพย์จิตรัญจวน อาบอบอวลยวนยั่วใจ
ร่อนร่ายกรายกรีดกลีบ ถ้วยปากจีบณีตอ่อนไหว
แดดเหลืองเรืองรำไร บานฤทัยในบัดดล
เลื้อยร้านงามชู่ช่อ อุ่นลออคลอหยาดฝน
อาบล้ำฉ่ำสุคนธ์ อนงค์ดลชมไล้โลม
กระจังดั่งขนบ เกสรซบหลบแสงโสม
หอมใดไม่เคยยล เย็นระคนล้นทรวงกาย
หุงอุ่นกรุ่นน้ำอบ หอมตลบอุษาสาย
อบร่ำขจรจาย ข้าวแช่ชายคล้ายกลิ่นไอ..
สอดแทรกแรกดอกหวาน งามตระการระบัดไหว
รอยร้าวหนาวบ่วงใบ ปลิดพรากไปให้โรยรา...
ดอมดมชมช่อนวล ห้อยเป็นพรวนระยับย้า
กลิ่นหวลเตือนตามมา ทุกเพลาพาตราตรึง...
ตะวันพลันด่วนจาก รอยพลัดพรากอาบซ่านถึง
หอมเอยเคยคะนึง ใคร่คลาคลึงจึ่งร้างลา...
ฝากฝันอันวิไล มอบแทนใจใคร่ห่วงหา
สุกปลั่งดั่งมนตรา ดาษดาค่าความงาม
ช่อเอยช่อชมนาด สวยผุดผาดฝันวาบหวาม
หอมหวลจวนสอางค์ อย่าด่วนจางร้างลาไป
........................................
ในบรรดาดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจแบบไทย ๆ และชวนให้หลงใหล เห็นจะไม่มีดอกอะไรหอมเกินดอกชมนาดเป็นเด็ดขาด เพราะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นข้าวใหม่ ผสมผสานกับกลิ่นใบเตย มีลักษณะดอกน่าพิศวงคล้ายผอบใส่เส้นผมของนางเอกในนิยายโบราณ ซึ่งถ้าเปรียบความงามกับหญิงสาวคงเป็นประเภทสาวชาวบ้านที่มีความสวยซึ้งแบบธรรมชาติ แต่แฝงไว้เสน่ห์รัญจวนใจ