22 พฤษภาคม 2566 15:19 น.

มนต์รักดอกจานร่วง (Spell of Summer Flower)

ลำน้ำน่าน

ทุ่งรกร้างฟางลอยสุดสร้อยเศร้า
หนาวกว่าหนาวยาวนานสะท้านไหว
ฟังเสียงนกรวดร้าวราวปวดใจ
แสนอาลัยกลีบจานที่รานโรย

ขนข้าวเปลือกขึ้นลานแต่วานซืน
ลมครางครืนหนาวลมมาห่มโหย
แล้งลาแล้งสะแบงหลวงใบร่วงโปรย
เพลงสงฟางแว่วโบยโชยอัตคัด

จากไปแล้วข่าวบอกดอกไม้ร่วง
สุดเหนี่ยวหน่วงยากแค้นแสนสาหัส
มนตร์สัมพันธ์ร้างรอยทยอยพลัด
ควายกำดัดโง่ขวิดลมอยู่ซมเซา

ลืมกิ่งจานจานเจือเมื่อครองคู่
ประดับทุ่งแต่งฤดูอยู่หงอยเหงา
ทิ้งใบเดี่ยวเดียวดายไร้ร่มเงา
เหมือนเร็งเร้าความหมายให้ตายสิ้น

คิดถึงพุ่มไมตรีกลีบสีแสด
พยับแดดโพยมแดนแสนถวิล
อุษาโยคโลกเคยฉ่ำน้ำค้างริน
ร่วงสายสิ้นอับจนย่ำสนธยา

แดงดอกจานชวาลากลางนาน้อย
ระยิบระยับหยดย้อยลอยเวหา
ทองเนื้อสิบต้นทองของเนื้อนา
จะถูกเด็ดกลีบพร่าร่วงลาไป

สักกี่เดือนเลื่อนลางจึงสร่างโศก
วิปโยคบ่สร่างซาจะหาไหน
แดงดอกจานบ่เคยสร่างจากทางใจ
บ่สร่างไข้ยามขาดช่อลอองาม

ริ้วลมหนาวบอกข่าวหนาวจะล่วง
แสนเป็นห่วงคนไกลอยากไต่ถาม
ฤาลืมสิ้นคิมหันต์สัญญายาม
ฝันฟันฝ่าฝากหนามตามรอยเท้า

สาวดอกเสี้ยวลมแล้งเตรียมแต่งต้น
แต่ดอกจานอับจนปนเหน็บหนาว
ไปบานเบ่งโทรมสภาพเปื้อนคราบคาว
กลางค่ำยาวดอกทองท่องราตรี

ทุ่งรกร้าวดงแดนแสนเศร้าสร้อย
คอยแล้วคอย..คอยรักคอยศักดิ์ศรี
เห็นดอกจานโรยระบมตรมสิ้นดี
ค่ำแต่นี้บ่มีเช้า....เจ้าดอกจาน!

---------------------------------------
เมื่อลมหนาวผ่อนลาฟ้า ลมแล้งก็หอบไอร้อนมาห่มไว้เหนือท้องทุ่ง
ทุ่งท้องนายามนี้กว้างนักกว้างหนา ดอกไม้เริ่มบานสะพรั่งรับคิมหันต์
คิดถึงดอกลมแล้ง  ดอกเสี้ยว ดอกจาน และทุ่งดอกงิ้ว
ดอกไม้ประจำถิ่นที่บานอยู่อย่างสามัญ แสนธรรมดาในสายตาคนเมือง
แต่สวยงามในแบบฉบับของอีสานและพายับ

คิดถึงดอกจานริมถนนสายฝัน ณ อุทยานแห่งชาติขุนแจ
คิดถึงถนนสายดอกงิ้ว ณ ดอยเชียงดาวที่เคยไปฝากฝันไว้
ข้าพเจ้าเปิดศักราชด้วยการไปเยือนดอยลังกาหลวง และดอยเชียงดาว
ดอยงามที่มีทิวเขาสลับซับซ้อน ป่าสน และทุ่งหญ้าสะวันนา
ณ วันนั้นถึงวันนี้ ความประทับใจก็ไม่เคยลบเลือน
และสุดคิดถึงดอยผ้าห่มปก ดอยสูงอันดับสองของไทย
คิดถึงทุ่งดอกหงอนนาค ลานสน ณ อช.ภูสอยดาว

ลมหนาวเริ่มลา ลมร้อนเริ่มแล้ว
หากลองมีเวลา หาโอกาสสักครั้งในชีวิตพเนจรไปตามถนนสายชนบท
แล้วเราจะพบว่า ดอกจาน กำลังบานเบ่งอวดสีแดงแสดสะพรั่ง
ต้อนรับการมาเยือนของนักแสวงหาทุกผู้ทุกนาม

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑ 



				
20 สิงหาคม 2550 21:42 น.

เบญจพรรณพนา (Mixed Deciduous Forest)

ลำน้ำน่าน

อนิจจา..พนาเปลี่ยวดูเดียวดาย
เกลื่อนกระจายผลัดใบในคิมหันต์
ทิ้งเครียวเครือพุ่มพงดงเถาวัลย์
เบญจพรรณบำราศขาดมนตรา

วเนจรนอนวนาสารทิศ
ชุบชีวิตแววชีวันอันเสน่หา
หวังวูบหนึ่งลืมภาพหยาบมายา
ลืมรอนเมืองม่านฟ้าฟุ้งควันไอ

สบวสันต์แควป่ามาปริ่มเปี่ยม
ได้เหยียบเยี่ยมเขาเขินเนินไศล
เบญจพรรณอรัญผสมพนมไพร
ผลิใบใหม่ยอดเยาว์ลำเนานวล

น้ำค้างป่าแปรแสงไพรรังสี
อวดสุนทรีย์เบญจพรรณอันสงวน
หวานดุเหว่าไก่ฟ้ามารัญจวน
กลิ่นอบอวลเอื้องครั่งดังมิ่งมนตร์

อิงอาบหมอกหยอกเหมยเคยพานพบ
สูงสงบไม้มะค่าเคียงป่าฝน
ไผ่สีสุกแทรกสานลานตำบล
ดั่งมณฑลทองทาบขนาบครอง

สร้อยดอกสักพวงพู่ดูสูงศักดิ์
ไม้รังรักษ์ศักดิ์ศรีบ่มีสอง
เมื่อเพลงฝนพราวไพรไล้ทำนอง
ดอกสักทองก็หล่นร่วงลงห้วงแดน

ค่าคบไม้โอบเอื้องกะเรกะร่อน
ดูกลีบกร่อนกลายเช้าเศร้าสร้อยแสน
ดอกไม้เอยพรานไพรใยดูแคลน
ฤามั่นแม้นใจฉกรรจ์นั้นฉันใด

ดอกประดู่กระดุมเหลืองลอยล่องหอม
ไม้ดอกห้อมห่มเนินเฟิร์นเกิดใหม่
ไร้เดียงสากระจิริดลมหายใจ
สมุนไพรพฤกษ์พรรลายลดาวัลย์

ตะแบกใหญ่แต่งต้นแตกตระหง่าน
ขรมขานกระแตไต่สายกระสัน
เอื้ออาศัยพึ่งพิงไม่ทิ้งกัน
เกษมสันต์รุกขเทวามาพร้อมพรัก

เพลงโหมโรงเขียดไพรพลีบรรเลง
เก้งกวางป่า..หมาไม้..ได้ประจักษ์
สกุณชาติมวลแมลงแสนน่ารัก
ชวนชี้ชักพำนักถิ่นดงดินแดน

ดูรา..เบญจพรรณนั้นเดียวดาย
หากทำลายย่อยยับนับแสบแสน
เร่งรักษ์ไว้เป็นป่าช้าอย่าขาดแคลน
เอาไม้แท่นไว้ตอกโลงเมื่อวันลา....

------------------------------------------------
ในวสันต์พรรษาของปีนี้ ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเดินป่าท่องไพรวนา
ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม และชมอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
แห่ง อ. น้ำยืน อุบลราชธานี  ทิวมหาบรรพต..พนมดงรัก
เขตรอยต่อผืนป่าอีสานใต้กับดินแดนเขมร

ป่าเบญจพรรณแห่งผืนป่ายอดโดม นำความบันดาลใจมาสู่
เป็นป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและไม้มีค่าหลากพันธุ์
ทั้งร่มไม้สายน้ำและเอื้องไพรนานาชนิดบานชูช่อสรมสลอน
ความงดงามแห่งป่าผืนนี้ยังคงจำติดตรึงใจมาจนวินาทีนี้

หากมีเวลาว่าง ลองหาโอกาสสักครั้งในชีวิตได้ท่องไพร
ศึกษาวิถีชีวิตที่มาจากธรรมชาติดิบเดิมดูบ้าง 
เราอาจจะค้นพบคติชีวิตที่น่าอัศจรรย์จากป่าเขาลำเนาไม้
และประสบการณ์การเดินทางยังทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น
เป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาญเฉพาะที่หาซื้อไม่ได้ในเมืองงาม


ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย - เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๐ 


				
1 มิถุนายน 2550 17:09 น.

วิปัสสนานิรันดร์ (Everlasting Meditation)

ลำน้ำน่าน

น้อมอารมณ์ดุจพรหมมาเนรมิต
ภาวนาเจิมจิตอธิษฐาน
บริกรรมจากปฐมบรมฌาน
ตราบรุ่งลานละวางสว่างไสว

สาลิกากล่อมป่าพณาสณฑ์
เหล่าอุบลชุบชื่นจิตตื่นใหม่
หอมวิเวกอุ่นอ่องละอองไพร
คลายครรไลลับว่างอยู่วังเวง

ทิ้งเกียรติศักดิ์จบไว้ใจกลางเมือง
สารพัดราวเรื่องร้าวข่มเหง
จิตรกเรื้อกิเลสรัดเส็งเคร็ง
นำบรรเลงคีย์ชีวิตผิดทำนอง

สู่วิมานใบไม้บรรณศาลา
มณฑลรุกขเทวาพฤกษาสนอง
กลางกลิ่นกรุ่นเสาวคันธ์วิรังรอง
ฟังแซร่ซ้องสกุณีตราบตรีกาล

อโณทัยจะแย้มแต้มลานโลก
อุษาโยคทินกรซ้อนแสงศานต์
โกกิลาครวญเสียงจำเรียงกาล
จิตฟุ้งซ่านกลับสงบภพอุรุ

เงียบสงัดเพียงครู่ก่อนกรูเกรียว
ในเถาวัลย์พันเกี่ยวเรียวไผ่ผุ
ดุเหว่าแว่วกระจาบจรอ้อนวายุ
เกลือกวาริพินทุน้ำดอกไม้

อิ่มอุดมสมบูรณ์เกื้อกูลผอง
วังวัฏฏะครรลองของป่าใหญ่
สารัตถะสัจจาปรมัตถ์ใจ
อสังขตธรรมอำไพไร้ปรุงแปลง

เมื่อแดดสายพรายยิ้มปริ่มผิวน้ำ
เรงเร้าพนารามอย่าย่ามแสง
เงาไม่เที่ยงหดตรงรงค์จำแลง
มิอาจแข่งไตรลักษณ์กฏจักรกาล

รอนสายัณห์ผันแปรแท้เหนื่อยนัก
หยุดพักริมฝั่งฟ้าอวสาน
เอกอุบัติเคล้าคลอมรณานต์
ผ่องผิวธารส่องสรวงยวงเมฆสลาย

จิรกาลสัทธรรมอันล้ำลึก
ตกผลึกเงียบว่างกระจ่างหมาย
ไม่มีบวกไม่มีลบไม่มีตาย
มีกระแสวาวผกายนฤพาน

วิศววนาลัยไพรพลันพลบ
ราตรีสงบพบอรูปกรรมฐาน
เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
วิเศษซ่านพรหมนิมิตจิตประพุทธ์

มิอาจกลับไปเกี่ยวเกียรติศักดิ์
ดับไฟรักโลภโกรธหลงปลงจุด
เพียรไปสู่ศิวโมกข์โลกวิมุตติ
สิ้นสุดวัฏฏะพบพระนิรพาณ

------------------------------
วันเวลาแห่งชีวิตมนุษย์นั้นสั้นลงทุกขณะ 
มิเว้นแม้เวลาแห่งชีวิตผู้รจนาธรรมกวีอย่างเราๆ ท่านๆ
ดังพระมิ่งมงกุฏพระประทีปแก้วตรัสไว้ว่า
มรณะมีอยู่คู่ลมหายใจเข้าออก

ภาพพระผู้แสวงหาวิมุตตินั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา
ซึ่งเหน็ดเหนื่อยจาริกรอนแรมมาจากชนบทแสนไกล
มาภาวนาอยู่กลางธรรมชาติวิสุทธิ์ เพิงผา และม่านไทร
ส่งเสริมให้เวไนยนิกรชนบทคามนิคม บังเกิดความศรัทธา 
หันหัวเรือชีวิตบ่ายหน้าสู่ธารพระธรรมกันจำนวนมาก
เหมือนพุทธวนจะที่ว่า *ดั่งพระมาลัยมาโปรด*
พยายามมีชีวิตงดงามอยู่ท่ามกลางความเสื่อมสลายทุนนิยม

พระท่านเพียรปิดอบาย แล้วยังดวงจิตให้จุติ ณ อรูปาวจรภูมิ
หรือ พรหมไม่มีรูป ซึ่งอาจแน่ใจได้ว่า กุศลกรรมอันอุกฤษ์นี้
จักไม่ชักนำไปบังเกิดในทุคติภูมิ ไม่ว่าในชาติหน้าหรือชาติไหน
ยังแต่จะบ่ายหน้าไปสู่ปรินิพพาน

อานิสงค์อันใดอันพึงมีจากการรจนาธรรมของข้าพเจ้านี้
ที่ยังจิตผู้อ่านให้สุขใจยามสดับกวีได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
ขออธิษฐานจิตให้บังเกิดกุศลแก่บิดามารดาและตัวข้าพเจ้า
พี่น้องร่วมท้องญาติสนิทมิตรสหายทางโลกและทางจิตวิญญาณ
และเวไนยนิกรทุกผู้ทุกนาม

-----------------------------------------------
***เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน***  
คือ อรูปฌานชั้นสูงสุดที่ชักนำผู้สำเร็จไปจุติ ณ อรูปาวจรภูมิ 
บนพรหมโลกชั้นสูงสุด

ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖


				
31 พฤษภาคม 2550 01:24 น.

วิสาขปุณณมีนิรันดร์ (Everlasting Enlightenment)

ลำน้ำน่าน

พรมธารายามอรุณด้วยกรุ่นกลิ่น
อาบผืนดินด้วยเกสรละอองป่า
หยาดน้ำค้างพร่างสายพรายดารา
ภาวนาอยู่ระวางวิมานพฤกษ์

ดุจริมฝั่งสายธารนิมานรดี
เมทินีสว่างสรวงแม้นห้วงดึก
รับบรรเลงมนต์ธรรมอันล้ำลึก
ผลผลึกอภิญญาณ-ฌานภิญโญ

เมื่ออาทิตย์อุทัยแรกแตกดอกวับ
พร้อมบทเพลงวิหคขับจับกิ่งโผ
บัลลังก์อาสน์ใต้ร่มบรมโพธิ์
มนต์พุทธโทแว่วผ่านวิมานไพร

ทิวาวันวิสาขปุณณมี
มะลุลีผลิรับจากหลับใหล
หยดน้ำค้างหยาดเย็นค่อยเป็นไป
ว่อนไหวเหล่ารุกขชาติดาษอัมพร

ริมธารธรรมสายน้ำยามรุ่งเช้า
ใต้ร่มเงาวนาวัลย์บรรจถรณ์
โพธิสัตว์แสงประทับจับจีวร
พนันดรก็บรรสารทุกธารพราย

มธุปายาสข้าวทิพย์วิจิตรสรร
กรุ่นสุคันธ์สุชาดามาถวาย
เครื่องพลีกรรมอวลกลิ่นมิสิ้นวาย
โลกบาลร่วมเรียงรายรับพิธี

รัตนบัลลังก์นั่งภาวนา
เมื่อทิพย์ทองส่องหล้าพระโพธิ์ศรี
ทินกรร่อนเริงเวิ้งวารี
บารมีคลี่อาบทาบไพรวัลย์

สัตยาอธิษฐานลงธารน้ำ
อรุณยามฤกษ์ล่วงดั่งสรวงสรรค์
ถาดทองทวนลอยย้อยสาครครัน
ทวนกระแสเนรัญฯ เป็นมรรคา

ปฐมยามราตรีค่อยหรี่ล่วง
ยามโสมสรวงเสวยแสงแหล่งเวหา
สมาบัติสำเร็จแจ้งแห่งวิญญาญ์
ซึ่งปุพเพนิวาสา-นุสสติญาณ

มัชฌิมกาลล่วงผ่านทวารสอง
องค์สัมมาลุครรลองจักษุสาส์น
นิรมิตทิพย-จักขุญาณ
สรรพสัตว์เพรงกาลมาวางวาย

ปัจฉิมยามกาลสมัยใกล้รุ่งฤทธิ์
หยั่งพินิจปัจจยาการมินานหมาย
อริยสัจรู้แจ้งสำแดงกาย
คลายซึ่งปฏิจจสมุปบาทอวิชชา

เมื่อแสงทองทอรับจับระบัด
โพธิสัตว์สดับแจ้งแรงตัญหา
ตรัสรู้ลุพระสัพพัญญุตา
ดับสูญสิ้นกิเลสกล้าอัตตามาร

มหัศจรรย์อุบัติซ้องมรรคผล
หมื่นปฐพีดลลั่นธาตุปราชญ์สถาน
ทศพลเปล่งสีหนาทปฐมทาน
ใต้ร่มโพธิญาณอุรุเวฬาฯ

ทิพย์ดนตรีบรรเลงเพลงอภิวาท
เอนกชาติสังสารังองค์คาถา
สัปบุรุษตรัสรู้แล้วแก้วสัมมาฯ
พุทธธาดาโลกนาถทุกชาติภพ

----------------------------------
ยามเช้าที่ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง 
 ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราฯ  อุรุเวฬาเสนานิคม
ไม่มีสรรพสิ่งไหนจะเงียบงามเท่ากับภิกษุนั่งบำเพ็ญภาวนา
สงบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายในและภายนอก
ในยามที่จิตประภัสสรนั้นย่อมได้มาซึ่งปัญญาญาณ

พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวไม่แจ่มฟ้า วิสาขาบูชากำลังจะมาถึง
ทำให้ข้าพเจ้านึกประหวัดไปถึงบรรยากาศริมฝั่งน้ำเนรัญชรา
ณ ตำบลอุรุเวฬาเสนานิคม ดินแดนพุทธคยา ครั้งสมัยพุทธกาล
พร้อมกับบทเพลงบรรเลงดนตรีสายธารธรรม อุรุเวฬาเสนานิคม
มหาอุบาสิกานามสุชาดา และเพลงบรรเลงพระโพธ์แก้ว
กำลังบรรเลงในยามนี้อย่างเงียบลึกในห้วงใจ

การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้เยี่ยงดวงหทัยขององค์พระสัมมาฯ 
 ตั้งแต่บำเพ็ญเพียรภาวนา ณ รัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ 
จวบจนลุวิสาขปุณณมีกาล 

มหาอุบาสิกานามสุชาได้นำข้าวมธุปายาสถวาย ทรงอธิฐานลอยถอดทอง
ลงห้วงน้ำเนรัญชรา ผจญหมู่มาร ตลอดจนตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์  
ความตอนหนึ่งในพุทธประวัติบรรยาย ณ เวลาตรัสรู้ในยามรุ่งอรุณไว้ว่า

"ในขณะนั้น  ก็พอเป็นเวลาที่แสงทองแห่งอรุณทอแสงขึ้นจับขอบฟ้า 
พระบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ  ดับสูญสิ้นกิเลสาสวะ
เป็นสมุจเฉทปหาน พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ หมื่นโลกธาตุบันลือลั่น
ด้วยการหวั่นไหวแห่งปฐพีดล  พระทศพลจึงเปล่งสีหนาทเป็นปฐมอุทาน
เยาะเย้ยตัณหาด้วยพระคาถาว่า อเนกชาติสํสารํ.."

การตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์บ่งนำถึงการตั้งมั่นของดวงหทัยที่เที่ยงแท้
ตลอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา 

-------------------------------------------------
ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
รจนาบูชาในวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖


				
23 พฤษภาคม 2550 14:43 น.

เบิกรุ่งพิกุลระบายหล้า (Virtue of Dawning Flower)

ลำน้ำน่าน

โคลงสี่สุภาพ
       (๑) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ..............รวีอรุณ
พุทธุปบาทกาลบุญ............................เบิกฟ้า
พุทธศาสนิกละมุน.............................พุทธชาด สยามนอ
พุทธบุตรโชติชวาลหล้า......................สว่างเพี้ยงพันแสงฯ

      (๒) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง.........พะไลทราย
พันพร่างธรรมทองพราย.....................พิจิตรฟ้า
กลีบหล่นร่วงโรยวาย..........................วัฏจักร
เบิกรุ่งบุญระบายหล้า.........................โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ

กาพย์ยานี ๑๑

อ่อนหวานแลอ่อนไหว
บานละไมในริ้วลม
ดอกไม้ไว้แย้มชม
กลิ่นชื่นสมมิสิ้นไป

ขจรร่อนขจาย
ร่วงลานทรายพรายบ่วงใบ
พรมเนินเพิ่งกวาดใหม่
หอมลมไล้ใกล้โบสถ์พุทธ

พิกุลบุญราศี
แทนความดีพลีพิสุทธิ์
ร่วงลงลานวิมุตติ
แทนสายหยุดหยุดสายลา

ดอกไม้สมุนไพร
โบราณไขแต่ใดมา
ปลูกไว้ในวัดวา
เกสรห้าเครื่องยาไทย

เหลืองนวลชวนให้หอม
ภู่ผึ้งตอมห่อนกรายไหน
เขียวแซมแย้มเรือนใบ
ดอกดวงใจก็แย้มตาม

มาลัยดอกพิกุล
ร้อยพวงบุญกรุ่นทุกยาม
คนเฒ่าเล่าลือนาม
ร้อยแสนงามพุทธบูชา

ดอกไม้คล้ายรูปจักร
ร่วงลงตักรักบ่ลา
ดอกตูมเต่งแตกตา
มินานช้าจักหล่นพราย

ผลิบานตระการต้น
ดอกอำพนบ่วางวาย
เหี่ยวแห้งแล้งเรือนกาย
หอมบ่หน่ายสนิทนาน

หอมธรรมแสนล้ำเลิศ
หอมประเสริฐเทิดผสาน
หอมกลิ่นอภิญญาณ
หอมนิพพานเคล้าพิกุล

พรรษาล่วงลาเลย
ดอกไม้เอยยังเกื้อหนุน
คล้องร้อยสร้อยบ่วงบุญ
คล้องค่าคุณไว้ด้วยกัน

ร่มไม้ในลานวัด
สงบสงัดมิแปรผัน
ระหงในวงศ์วรรณ
พิกุลพรรณพุทธผกา

-----------------------------
เมื่อลมฝนล่องไล้สวนรุกขชาติในวัดป่า
ดอกพิกุลต่างก็โปรยดอกลงแต่งแต้มลานทรายกวาดใหม่
กลิ่มหอมดอกพิกุลนั้น หอมร่ำ อบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ
แลเสียงขลุ่ยแว่วหวานดังมาในสายลมเมื่ออรุณเบิกฟ้า

ในมโนคติเนิ่นนานของข้าพเจ้านั้น 
ดอกพิกุลคือดอกไม้แห่งพุทธศาสนา
คนเฒ่าคนแก่โบราณมักใช้เวลาบั้นปลายชีวิตอยู่กับวัด
กวาดลานทรายและร้อยดอกพิกุลเพื่อเป็นมาลัยพุทธบูชา
ภาพหญิงชรานุ่งซิ่นนั่งเก็บดอกพิกุลในวัดป่าแห่งหนึ่ง
ยังคงงดงามตราตรึงอยู่ในความรู้สึก

ดอกไม้หอมที่แพทย์แผนโบราณไทยเราในสารบบ
เป็นเกสรทั้งห้า ได้แก่ ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี 
ดอกบุนนาค และ ดอกบัวหลวง

ห้วงพรรษาจะเวียนมาแล้ว ลองหาเวลาเดินไปตามวัดป่าต่างๆ
โชคดีเจอดอกพิกุล แล้วเราจะพบว่า ดอกพิกุลนั้น
กำลังบานพรายแต่งต้นงดงามอยู่ท่ามกลางวงล้อม
แห่งพุทธธรรมทั้งปวง

--------------------------------------------------------
ภาพดอกพิกุลบนใบสักทอง 
ถ่ายโดย ม.ล.ปรมาภรณ์ เทวกุล
สถานที่ วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน