14 พฤษภาคม 2546 15:40 น.
ลำน้ำน่าน
แว่วเสียงเพรียกจากใจในไพรลึก
ในยามดึกเพลงเหงาเงาความฝัน
เอื้อนเอ่ยถามความในใต้เงาจันทร์
จดจำนรรจ์น้ำตาพร่าพรายพราว
ความใฝ่ฝันเดินทางกาลเวลา
ปรารถนาอุ่นไอใต้ฟ้าหนาว
ยามนินทราฝันถึงใครในเงาดาว
เมื่อฟ้าพราวจะรอนร้าวอีกหรือไร
จันทร์กระจ่างกลางฟ้าสัญญาดับ
ช้ำแจ่มชัดรักสลายคลายสงสัย
หลงคอยดาวระยิบพร่างบนทางใจ
เดือนดวงใดเด่นด้าวจะก้าวมา
อธิษฐานฝากมากับฟ้าสาง
ฝันเดินทางรอวันรุ่งกรุ่นอุษา
อ้างแรมร้างอยู่เดี่ยวเปลี่ยวอุรา
มองนภาแล้วหลับตาเห็นฟ้าโพลน
จะเนิ่นนานอีกไหมใคร่อยากรู้
เห็นเดือนคู่ดาวปลั่งดั่งแดงโฉน
ปล่อยรักร้างคว้างไปให้เชยโชน
อาบฟ้าโพลนแล้วซ่อนร้าว...ไว้พราวพราย
..............................
มองดาวเด่นในคืนหนาวกายหนาวใจ...บ่อยครั้งที่รู้สึกอ้างว่างบนทางเปลี่ยว จุดหมายของชีวิตที่ลิขิตไว้...ยอมรับกับใจที่รานร้าว กับความหมายของหัวใจทีได้พานพบ สัญญาไว้จะปล่อยใจให้ว่างเปล่า.....ซ่อนความร้าวไว้ในเงาดาวที่พราวพราย...สุดแล้วแต่ดวงตาคู่ใดจะเห็นเช่น...ความจริง
กลับมาด้วยรักและคิดถึงทุกดวงใจไทยโพเอ็ม....ในวันนี้ที่ได้เรียนรู้ว่า..ความ.คิดถึงเดินผ่านแสงดาวและฟากฟ้าหนาว....อยู่เป็นนิรันดร์.. ได้รับบ้างไหมหนอดวงใจ..
9 พฤษภาคม 2546 00:27 น.
ลำน้ำน่าน
ท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปในวันนี้....
ครวญกวีพร่างพรายคล้ายเย้ยหยัน
เมื่อความรักพลันสลายตายจากกัน
ร้างสัมพันธ์ไร้ค่ากว่าใครใคร..
ทิ้งหาดทรายสายน้ำร้างสายลม
ดั่งสายฝนพัดทรายสลายไหล
เดินโดดเดี่ยวเชี่ยวกรากบนทางใจ
เป็นอย่างไร....ร้างไปใคร่ถามความ
น้ำทะเลสีระทมบนทางเปลี่ยว
รอจันทร์เสี้ยวคืนนี้เอ่ยคำถาม
ว่าเหตุใดความรักมาจรจาง
จะอ้างว้างอีกนานมั้ย..ในรอยทราย
ยามฝุ่นทรายฟายฟ่องล่องกับลม
พายุฝนเริ่มกระหน่ำย้ำความหมาย
อุ่นไอรักเคยประจักษ์ปรากฎกาย
ช้ำพราวพรายกับใจที่ไม่ลืม....
ตะวันลาปลายฟ้าเริ่มอ่อนแสง
หมดเรี่ยวแรงบทบาทที่อยากฝืน
ประทับรอยฝากไว้อยากได้คืน
ลมพัดครืนพร่ำฝังทราย...หมายว่ารอ
9 พฤษภาคม 2546 00:09 น.
ลำน้ำน่าน
หอมหวลนวลดอกน้อย
งามหยดย้อยคล้อยเคลื่อนมา
ช่อกลีบจีบภูษา
สิประภาค่าเสกสรรค์
ดวงดอกดั่งดวงใจ
ผ่องอำไพใคร่พิศพรรณ
หอมรุ่งกรุ่นสวรรค์
สืบเผ่าพันธุ์พุทธภูธร
พุดจีบกลีบกรีดกราย
หอมบ่วายกำจายจร
อบร่ำตามสนอง
ดั่งถูกครองต้องมนต์ไสย์
แตกช่อต่อตากิ่ง
ละอ่อนอิงซอกบ่วงใบ
เต้าตูมซุ่มดอกไว้
แดดรำไรจึ่งคลี่บาน
ซ้อนสอดดอกขาวพร่าง
หยดน้ำค้างแซมประสาน
ดั่งรักระบัดนาม
ทั่วเขตขามแดนดงใจ
พิสุทธิ์พิลาสเลิศ
รักประเสริฐเทิดทูลไว้
พุดจีบจีบกลางใจ
ตรึงตราไว้ในแดนดง
............................
ในตระกูลดอกพุด พุดจีบได้ชื่อว่า เป็นพันธุ์ที่บอบบาง และมักจะแทนค่าความรักที่สวยงามบริสุทธิ์...เป็นดอกไม้มีถิ่นกำเนิดในดินแดนพุทธภูมิ..งามล้ำ เลอค่าในอมตะแห่งรัก..เนิ่นนาน ต่างจากพุดซ้อนซ่อนรัก... หวังให้เบ่งบานกลางหัวใจเพื่อนรักนักกลอน ณ ดินแดงแห่งนี้...ด้วยหัวใจ
8 พฤษภาคม 2546 01:42 น.
ลำน้ำน่าน
เธอไต่ถามถึงความเหงาในราวป่า
ประปรายมาโปรยน้ำตามแตะแต้ม
จากเย็นย่ำค่ำคืนดื่นดึกแรม
จึงแรกแย้มผลิบานขานอรุณ
ระบัดใบใยชีวิตยามรุ่งเช้า
ผลิดอกโศกดอกเศร้าเคล้าแดดอุ่น
แตกใบเหงาเร้าโถมทุกข์ทารุณ
จวบดอกเจ้าเคียงคุ้นค่าความรัก
ดูดอกเหงาเคล้าบรรเลงเพลงดอกเหงา
ปล่อยทรวงปวงป่าเศร้าเปลี่ยวเปล่าหนัก
คู่ใบโศกสอดสานการผ่อนพัก
ใบดอกเจ้าจึงรู้จักดอกดวงใจ
ถ่องแท้เหงาดาษดื่นกลางผืนป่า
ต่างเผยผลิเพื่อพบพาค่าการให้
ในไพรรกโตรกธารลานแมกไม้
ล้วนเปี่ยมปริ่มอุ่นไอแห่งมวลมิตร
8 พฤษภาคม 2546 01:27 น.
ลำน้ำน่าน
เมื่อวันนั้นแปรผันเป็นวันนี้
ความรู้สึกดีดีที่เกิดก่อ
เป็นต้นไม้แตกฝันพลันแตกกอ
แตกต้นตอผลิฝันพรั่งเงาใจ
เงาตะวันเงาใดใคร่รู้จัก
เป็นเงารักอบอุ่นกว่าเงาไหน
ยัดหยัดอยู่สู้ท้ากว่าเงาใด
เป็นเงาใจแฝงฝังกับวันวาน
ดั่งดอกไม้เบ่งบานกลางขุนเขา
สะท้อนเงาดอกฝันอันไหวหวาน
เหมือนต้นกล้าเพาะไว้เพิ่งไม่นาน
ฤดูกาลผ่านมา...กล้าเติบโต
พร้อมตะวันระวีคลี่สาดส่อง
เป็นครรลองประกายให้ท้าโถม
ยังงามงดแม้อ่อนแสงแรงประโคม
อัสดงชมเงางาม....ว่าพร่างพราว...ราวตะวัน
------------------------
หลายวันที่ผ่านมานี้ ได้ไปเยี่ยมเยือนหมูบ้านห่างไกลแห่งหนึ่ง
ได้รู้จักหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ทำงานเพื่อสังคม เป็นดวงตะวันที่เฉิดฉาย
อยู่บนดอยไกล เหมือนดอกไม้ในป่าลึก ที่ใช้ปุ่ยแห่งอุดมกาณ์
หว่านรดลงไป ใช้เงาแห่งตะวันเพื่อเติบโตเป็นไม้ใหญ่
เบ่งบานกลางหัวใจ..หลายๆ คน