19 กรกฎาคม 2552 13:24 น.

ถาม...

ละไมฝน

เราสู้เพื่อสิ่งใด
เพื่อสะใจของใครเล่า
เพื่อชาติหรือเพื่อเขา
ผู้ปลุกเร้าระดมพลัง


เราเชื่อในสิ่งใด
เชื่อด้วยใจหรือคลุ้มคลั่ง
ชูสองมือรวมพลัง
จากคำสั่งคนบางคน

ยอมเสียเลือดเพื่อใคร
เพราะอ่อนไหวหรือสับสน
ใครป่าเถื่อนใครอารยชน
ในเหตุผลความรุนแรง


เราเคยล้มระเนระนาด
เพราะรักชาติเกินเสแสร้ง
แต่สองกลุ่มยังขัดแย้ง
เพื่อแก่งแย่งเพื่อชิงชัย


คนสู้อยู่แถวหน้า
คนปากกล้าหลบอยู่ไหน
ปากตะโกนรักประชาธิปไตย
แต่หัวใจขลาดเหลือทน...
...................
ละไมฝน				
17 กรกฎาคม 2552 12:00 น.

ครกไม้ สลายฝัน

ละไมฝน

- ๑ -

เกิ๊ก  กะ เหลิ่ง  กึ๊ก    เกิ๊ก กะ เหลิ่ง   กึก....

เสียงครกมองกังวานแว่วไกล
ตื่นจากหลับใหล
กลับเลือนหายไป
หายไปไหนหนอ...เสียงครกมอง

                     - ๒-

กาพย์ยานี ๑๑

ดวงดาวดลสาวฝัน                 คืนเหมันต์รำพันหนาว
ตำข้าวเปลือกมิร้าว                อ่อนแรงเรี่ยวหรืออย่างไร
ครกมองหมองเหมือนเศร้า        เปลี่ยวเปล่าเหงาฤาไฉน
ร้องร่ำคล้ายช้ำใจ                  กะ เหลิ่ง กึ๊ก  กะเหลิ่ง กึ๊ก

กระด้งเดียวดายฝัน                ช้ำจาบัลย์คราฝันดึก
ฝัดลมราวรำลึก                     ถึงคืนวานที่ผ่านเลย
กระบุงบางว่างเปล่า               คอยข้าวขาวมาเอื้อนเอ่ย
เมื่อใดจะได้เชย                    ข้าวหอมใหม่ดังใจหวัง

                         - ๓ -


โคลงสี่สุภาพ

       ครกมองหมองอกร้าว           รำพึง
วันเก่ายังตราตรึง                       อกข้า
โรงสีใหญ่กระจายถึง                  ชนบท
ใครจักมาตำข้าว                       ครกไม้  สลายฝัน

หมายเหตุ :  ครกมอง  (ภาษาอีสาน) ครกตำข้าว (ภาษากลาง)  ครกที่ทำด้วยไม้ขุดใช้ตำข้าว				
14 กรกฎาคม 2552 07:17 น.

ป่าฤดูวสันต์

ละไมฝน

ยานี ๑๑

รุ่งรางยามสางสาย
มวลดอกไม้สดชุ่มฉ่ำ
น้ำค้างพร่างพรมพรำ
โชยกลิ่นป่าหอมหวนเหย

กลิ่นชื้นช่วงป่าเช้า
ดอกเห็ดหาวผาดผุดเผย
กางดอกงามงอกเงย
เกยแกมก่ายก้านกลีบกลม

หอยทากเลียบลากเปลือก
และเล็มเลือกกัดแทะถ่ม
ก้านเห็ดหวิ่นแหว่งล้ม
ลิ้มรสอันเฝื่อนฝาดเมา

กิ่งกือวเนจร
เตี้ยมไต่ขอนไม้ผุเน่า
เลาะผ่านน่านลำเนา
ข้ามร้อยป่าพันภูผา

ดูคล้ายรถไฟน้อย
แฝงฝากรอยรอนแรมป่า
จุดหมายมุ่งหมายมา 
เสาะแสวงหมายสิ่งใด

ฝูงปลวกแกร่งกลั่นกล้า
นึกเหนื่อยล้าสักคราไหม
ทั่วเถื่อนแถวแนวไพร
ขนดินหอมมาสร้างรัง

เป็นกลุ่มเป็นเกลียวนัก
มิผ่อนพักพรากเพียรพรั่ง
พลีแรงร่วมพลัง
ด้วยวาดหมายและดิ้นรน

มดดำขบคาบเหยื่อ
เก็บไว้เผื่อยามขัดสน
สะสมในรังตน
ก่อนผ่านผันวสันต์กาล

ผึ้งโฉบรอบรังรวง
คล้ายแหนหวงยวงน้ำหวาน
สะสมมาช้านาน
จากดอกไม้ราวชานไพร

ต่อกล้าเจ้าท้ารบ
ต่อสยบผู้ผ่านใกล้
พิษสงแห่งเหล็กใน
อาจถึงตายได้เช่นกัน

แมงมุมชักใยย้อง
แยบยลยองเส้นใยฝัน
เล่ห์เหลี่ยมแมงมุมนั้น
ชั้นเชิงเหนือกว่าแมลง

ผีเสื้อบินเริงร่า
ตามแนวป่าทุกหนแห่ง
จุมพิตดอกไม้แดง
ดอกไม้ขาวเจ้าห่มไห้

ปีกสวยแต่งแต้มสี
ทุกถิ่นที่ทั่วป่าใหญ่
เริงร่อนล้อดอกไม้
ด้วยสร้างสรรค์รักเสรี

แมลงปอบินร่ายรำ
เหนือแหล่งน้ำธารวิถี
ปีกบางหางยาวรี
ดวงตาเจ้าสดใสวาว

ยามบินโฉบกินเหยื่อ
รวดเร็วเหลือเกินจะกล่าว
ยุงริ้นเร้นหลีกราว
เจอนักล่าเชี่ยวชั้นเชิง

เยาว์วัยอยู่ใต้น้ำ
ว่ายดิ่งดำยามน้ำเจิ่ง
เชื่องช้าไม่ร่าเริง
คล้ายหวาดกลัวในหัวใจ

รูปร่างอัปลักษณ์
จนพร้อมพรักลอกคราบใหม่
เป็นแมลงเปรียวไว
พร้อมบินฝันสู่เสรี

สรรพสิ่งหากสมดุล
ย่อมเกื้อกูลทุกถิ่นที่
มวลแมลงเล็กเล็กนี้
คือห่วงโซ่แห่งไพรพง
.....................
ละไมฝน				
14 กรกฎาคม 2552 06:51 น.

รักเงียบของตุ๊กตาไม้

ละไมฝน

กะเลอ กะเลอ ตุ๊กตาไม้รมดำ
เขาคือชายหนุ่มชาวมูเซอดำ
ยืนบ่ไหว  บ่ติง อยู่ในร้านแม่อุ๊ยคำ
ท่าทีเงียบงำ ดูง่ายง่าย

.......................

กะเลอ กะเลอ ยืนถือหน้าไม้สีดำ
เฝ้ามองมั่นหมาย สาวเจ้าปะด่องคอยาว
บ่พูดจา บ่ทักทาย
สาวเจ้าปะด่องคอยาว...ย้าวยาว

.........................

กะเลอ กะเลอ ตุ๊กตาไม้มูเซอดำ
เฝ้าฝัน  เฟื้อแฝง...สาวเจ้า
ปะด่อง กะเหรี่ยงคอยาว...ย้าวยาว
สาวเจ้าบ่แลมองมา แม้เงา...ล้าลา

.......................

แล้วแลงหนึ่งแดดอ่อน มีชายเมืองใต้ตัวด้ำดำ
มาซื้อตุ๊กตากะเหรี่ยงคอยาว...ย้าวยาว
กะเลอ ยืนร่ำไห้
สาวเจ้าหายไปจากร้านแม่อุ๊ยคำ...ล้าลา

..........................

กะเลอ กะเลอ ตุ๊กตาไม้มูเซอดำ
วิงวอนกื่อซา...เทพเจ้าผู้สร้างโลก
นำสาวเจ้ากลับมา
คืนสู่ดอยสูงถิ่นเฮา...

....................
ละไมฝน				
12 กรกฎาคม 2552 12:24 น.

ดอกไม้งามดอกหนึ่ง...สมยอมกับมือมาร

ละไมฝน

ดอกไม้บนถนนราชดำเนินเคยพิสุทธิ์
เปรียบประดุจจิตวิญญาณเบ่งบานล้ำ
ชูดอกกล้าท้าอำนาจอันมืดดำ
ถูกเหยียบย่ำบนลานโศกให้โลกลือ


มวลดอกไม้พลีดอกลับลงกับดิน
หากมิสิ้นอุดมการณ์อันสัตย์ซื่อ
ต้านอำนาจอำมะหิตเพียงหยิบมือ
ลืมแล้วหรือชัยชนะแห่งดอกไม้


ดอกไม้งามวันนี้มีความคิด
เมื่อเศรษฐกิจขวิดล้มระงมไห้
เจ้าเหลียวหน้าแลหลังระวังภัย
เหมือนดอกไม้ไร้ดินเหนี่ยวเยียวยาฝัน


ท่ามกลางวิกฤตแห่งปัญหา
แสนอ่อนล้าเรี่ยวแรงจะแข็งขัน
หยัดยืนบนดินแล้งแห่งอธรรม์
ภู่ผึ้งหยันดอกไม้งามไร้หนามคม


ทิ้งกลีบขาวหอมละมุนให้สูญหาย
ใต้กรวดทรายละลายค่าน่าขื่นขม
มิเหลือกลิ่นหอมละไมให้ใครดม
เมื่อเจ้าก้มหัวให้ใครสั่งการ


เจ้าสมยอมกับมือที่มองไม่เห็น
จึงทนเร้นเป็นผู้นำสองมาตรฐาน
ดอกไม้งามชูไสวในมือมาร
แม้นเบ่งบานก็มิชอบระบอบธรรม
............................

ละไมฝน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละไมฝน
Lovings  ละไมฝน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละไมฝน
Lovings  ละไมฝน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละไมฝน
Lovings  ละไมฝน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงละไมฝน