30 กรกฎาคม 2552 19:55 น.

แด่...ดอกไม้ในมวยผม

ละไมฝน

โอ้ว่าดวงดอกไม้สาว
พิสุทธิ์ราวดาวพร่างฟ้า
ผุดผาดวาดหวังแห่งประชา-
ธิปไตยแดนป่าเถื่อนสิ้น

เด็ดเดี่ยวโดดเด่นกลางป่า
งามสง่าไปทั่วแคว้นถิ่น
มิสมยอมในมือแห่งอริน
มิสิ้น...กลิ่นหอมแห่งสุมาลย์

ดอกไม้ในมวยผมหญิงแกร่ง
มิแห้งเหี่ยวเฉาอ่อนหวาน
เบ่งบานทุกเช้าทุกกาล
ตราบนานเท่านานผ่านไป

ควรคู่ผู้หญิงคนนั้น
ควรค่าคนฝันยิ่งใหญ่
สงบงามแม้นยามมีภัย
มิหวาดหวั่นไหวในแววตา

แม้นไร้ซึ่งแสงตะวัน
ไฟฝันสว่างอย่างกล้า
ในแดนมืดมนอนธการ์
ดอกไม้มิล้าโรยร่วง

เบ่งบานอยู่ในมวยผม
แม้ถูกครอบข่มหนักหน่วง
สดใสในใจชนทั้งปวง
แม้กาลผันล่วงช่วงชิง

โอ้ว่าดวงดอกไม้สาว
พิสุทธิ์ราวดวงดาวสกาวยิ่ง
จงหยัดยืนแกร่งกล้าอย่าประวิง
เธอคือหญิงกล้าแห่งประชาธิปไตย...

เขียนให้นางอองซาน  ซูจี    ขอให้เธอจงได้รับอิสระในวันพรุ่งนี้
 
ด้วยศรัทธา...
ละไมฝน				
28 กรกฎาคม 2552 12:24 น.

ตำนานเมืองสาเกต

ละไมฝน

- ๑ -

เมืองร้อยเอ็ด                  สิบเอ็ดประตู
มีคลองมีคู                       รอบเมืองโบราณ
นครสาเกต                     ขอบเขตไพศาล
ครั้งพุทธกาล                   สืบสร้างรุ่งเรือง

สิบเอ็ดเมืองขึ้น                พลิกฟื้นเมืองเก่า
รายรอบทางเข้า               สิบเอ็ดประตูเมือง
ศิลปวัฒนธรรม                เลิศล้ำฟูเฟื่อง
ต่อตำนานเมือง                สาเกตกว้างไกล

มิ่งเมืองสาเกต                 สิบเอ็ดถิ่นแคว้น
ผู้ครองดินแดน                เลื่องชื่อลือไกล
ท้าว " กุลุนทะ"                กษัตริย์ยิ่งใหญ่
ร้อยรักร้อยใจ                   ประชาร่มเย็น


                     - ๒ -

สมัยกรุงศรี-                    อโยธยา
ข้าศึกบีฑา                       ประชารำเค็ญ
ทำร้ายไพร่ฟ้า                  รีดนาทาเร้น
ถึงยุคยากเข็ญ                 อาณาจักรล่มพลัน

เมืองร้างอาเพศ                ทั่วเขตทั่วแดน
วังเวงเหลือแสน               เมืองไร้ราชัน
ต้นกุ่มเกิดก่าย                  มากมายเหมือนฝัน
ต่างเรียกขานกัน              " บ้านกุ่ม" ร้างคน


                     - ๓ -

ตำนานเล่าขาน                เล่าผ่านแผ่นดิน
สมเด็จตากสิน                 แผ่นดินกรุงธน
โปรดเกล้าแปงปูม            บ้านกุ่มร้างคน
เพื่อสืบเชื้อชน                  นามเมืองร้อยเอ็ด

แต่งตั้งท้าวทนต์              สืบชนเชื้อเจ้า
เรืองบุญเมืองข้าว             หอมไกลข้ามเขต
"ขัตติยะวงศา"                 ท้าวกล้าใจเพชร
เป็นเจ้าร้อยเอ็ด               สร้างบ้านแปงเมือง


                       - ๔ -

อีสานกว้างแสน               สองแดนมลฑล
ร้อยเอ็ดงามยล                มลฑลร่มเมือง
ขึ้นต่อลาวกาว                  ท้าวลาวหนุนเนื่อง
คู่มิ่งคู่เมือง                     "ฮุ่งเฮือง" เรืองรอง

สองสี่เจ็ดห้า                     ประชาหน้าใส
ปีประเทศไทย                 เปลี่ยนการปกครอง
มณฑลอิสาน                     ทุกย่านทั้งผอง
เปลี่ยนตามครรลอง         เป็นจังหวัดไทย...


                                              ละไมฝน / รจนา				
27 กรกฎาคม 2552 13:07 น.

วังเวียงเวียงวังนี้...นทีฝัน

ละไมฝน

วังเวียง...เวียงวังนี้ นทีฝัน



วังเวียงวิเศษซึ้ง..........วิสุทธิ์ฝัน
หอมป่าภูผาสวรรค์..........เสน่ห์ฟ้า
หอมทิพย์ธารกลิ่นสุคันธ์..........ใครนฤมิต
เศกไศลถวิลหล้า..........ยั่วฟ้า มาโอบขวัญ




สายน้ำซองทิพย์นที 
สุนทรีย์ระเรื่อยไหล
ระริกระรี้ระยับไพร 
ประทับใจชีวาธาร

ละเมอฝันถึงนางไม้ 
งามละไมเสน่ห์หวาน
ร่วงฟ้ามาท่องธาร 
คู่ขับขานคีตกวี

หอมบุปผาสองฟากฝั่ง 
หอมอวลดังแก้มมารศรี
มัจฉาเพ้อถวิลถึงกินรี 
ปวงปักษีสมสู่เสน่หา

ชะโงกเงื้อมวิเวกฝัน 
เมฆวสันต์ห่มขวัญผา
ผาตั้ง...ตั้งแต่ใดมา 
ตำนานฟ้าเทพนิมิตร


ละอองเหมยเฉลยว่า 
ยอดภูผาอันศักดิ์สิทธิ์
อัสดรทรงอิทธิฤทธิ์ 
สิงสถิตย์ตราบอัสดง

ถ้ำจัง...วิจิตรฝัน 
เทพเสกสรรค์สมประสงค์
หินย้อยระย้าระยับยรรยง 
พิศวงว่าทิพย์วิมาน

แอ่งธารพิสุทธิ์ดุจมรกต 
พราวหยาดหยดสดฉ่ำหวาน
รื่นรื่นรินรินกลิ่นสุคันธมาลย์ 
อบอวลธารผาถ้ำปูคำ 

จำหลักรอยพระพุทธบาท 
ธรรมวิลาศอันเลิศล้ำ
ประดิษฐานเป็นรูปธรรม 
ณ ถ้ำช้างสว่างกมล

งดงามล้ำถ้ำน้ำถ้ำหอย 
หยาดย้อยยวงหินชวนฉงน
วิจิตรฝันบันดาลดล 
ต้องมนต์นางฟ้ามาเวียงวัง 


สงบงามท่ามกลางเขา 
อ้อมลำเนาเคล้ามนต์ขลัง
พายเรือชมเวียงชุบพลัง 
บรรลุหวังฝั่งวิเวกอเนกกาล...


...................................... ละไมฝน /รจนา				
26 กรกฎาคม 2552 11:22 น.

แม่ผีเสื้อน้อยปลูกต้นหญ้าสีขาวบนศีรษะชายชรา

ละไมฝน

๑

นิ๊ง หน่อง...นิ๊ง หน่อง...นิ๊งหน่อง
เสียงกระดิ่งจักรยานกังวานมา
ชายชรากะพริบตาถี่ๆ
นั่นไง  ผีเสื้อน้อยกะพริบปีกบินมาในทรงจำ
ชายชราตาฝ้าฟาง  เหม่อมองด้วยแววหวัง  
ตั้งแตเช้า...สาย...บ่าย...ค่ำ...
เงียบเหงา   เฝ้ารอคอยเสียงกระดิ่งจักรยาน...นิ๊ง หน่อง นิ๊ง หน่อง..

๒

ร่องรอยรื่นรมย์ในวันวานผุดพรายขึ้นในความทรงจำชายชราอีกครา
ทุกๆเช้าเสียงกระดิ่งจักรยานกังวานแว่วมาแต่ไกล
ไม่นานนัก  ก็ปรากฏร่างเด็กหญิงผอมบางปั่นจักรยานเลี้ยวเข้ามาในร่มเงาชายคาบ้าน....
ดวงหน้าเธอซูบเซียว
แต่ประกายตาแจ่มกระจ่างกว่าดวงดาว
ปลายนิ้วมือเธอนั้นช่างวิเศษนัก
ยามเรียวนิ้วไล้สัมผัสเส้นผม
นุ่มนวล เงียบเบา ราวจุมพิตจากผีเสื้อ
นั่นละ...ชายชราถึงยอมทูนหัวมอบให้เธอ
เรียวนิ้วมือน้อยๆ ไล้เล่นผมบนศีรษะ  ชวนให้ง่วงหาว สับปะหงก
เอียงซ้าย เอียงขวา
คอพับบนเก้าอี้โยก...น้ำลายไหลรดตักเธอ
หากเด็กหญิงใบ้ก็ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ
พอชายชราเคลิ้มหลับบนเก้าโยก  แม่ผีเสื้อน้อยก็โบยบินจากไป

๓

ต้นหญ้าสีขาวถูกถอนหนึ่งต้น
พรุ่งนี้จะมีต้นหญ้าสีขาวต้นใหม่ ผุดพรายขึ้นมาแทนที่อีกนับสิบต้น
เพิ่มขึ้นทุกวันๆ
นั่นหมายถึงเงินค่าจ้าง เงินค่ายา และอาหารยาไส้แห้งกิ่วของสามชีวิต
แม่ป่วยไข้...ยายชรา เฝ้ารอคอยความหวังจากเด็กหญิงใบ้อยู่ทุกลมหายใจ

๔

นิ๊งหน่อง...นิ๊งหน่อง...นิ๊งหน่อง...
เสียงกระดิ่งจักรยานกังวานมา
ชายผมเปลี่ยนสี ตั้งแต่หนุ่มใหญ่ยันแก่กวักมือเรียกแม่ผีเสื้อน้อย 
มานี่ก่อนๆ...แม่ผีเสื้อน้อย...แม่ผีเสื้อน้อย
เพราะสัมผัสจากปลายนิ้วเธอนุ่มนวล แผ่วเบา  ราวจุมพิตของผีเสื้อ
แม่ผีเสื้อน้อย...แม่ผีเสื้อน้อย
ชายชราผู้ร่ำรวย  ร่ำเรียกหาเธอจากเช้าจรดเย็น

๕

ผมหงอกขาวที่ถูกถอนทิ้งหนึ่งเส้น
จะมีผมหงอกเส้นใหม่ผุดพรายขึ้นมาแทนไม่จบสิ้น
วันแล้ววันเล่า...
จนขาวโพลนทั้งศีรษะ  เหมือนดอกหญ้าสีขาวละลานตา
ประหนึ่งว่า แม่ผีเสื้อน้อยปลูกต้นหญ้าบนศีรษะชายชรา
แล้วโบยบินจากไป
เมื่อชายชราหลับใหล...

๖

เช้านี้  เสียงกระดิ่งจักรยานดัง  นิ๊งหน่อง...นิ๊งหน่อง  แว่วมาแต่ไกล
ชายชราลืมตาตื่น  เหม่อมองหาแม่ผีเสื้อน้อย
แต่ไม่เห็นแม้เงาของเธอ
ชายชราไม่รู้หรอกว่า  
เมื่อเย็นวานนี้  ขณะปั่นจักรยานกลับบ้าน  แม่ผีเสื้อน้อยถูกรถบรรทุกชนเสียชีวิตแล้ว
.....................
ละไมฝน				
25 กรกฎาคม 2552 00:39 น.

ผาหมอกมิวาย

ละไมฝน

๑

หยาดดาว...
วูบวาบผ่านสายตานกดุเหว่า
ขณะแววตาเจ้ายังโหยหาหยดน้ำค้าง
ประกายน้ำค้างพร่างพราว แต่เหน็บหนาว
แต้มดวงตานกดุเหว่าบนกิ่งสนบนลานผาหมอก

หมอกมิวายแม้ฟ้าเปิดแล้ว
ม่านหมอกนุ่มห่มคลุมลานผาหิน
ละมุนหมอกอ้อมโอบผาแกร่ง
กอดหินกระด้างให้อ่อนนุ่มเป็นเนื้อเดียวกัน


๒ 


ดวงตะวันผัดหน้าทาแก้มยิ้มแฉ่ง...เบิกฟ้า
หมอกฟ้อนคลื่นเหนือชะโงกเงื้อมหิน
โตรกผาหลับ ยังมิตื่นจากภวังค์ฝัน
เจ้าดุเหว่าชะเง้อมองดวงตะวันกลมโต
ร่ำร้อง...อยากกินผลแตงโมผ่าครึ่งซีกบนขอบฟ้า
นกเหงากระพือปีกพรึ่บพรั่บ ราวจะกรีดปีกบิน 
แต่แล้วพลันหุบปีกลงกอดร่างเช่นเดิม
เหนือลานผาหมอกนั้น 
หมอกหนาวยังมิวาย....

๓



ลมหนาวแห้งพัดโชยมาวูบหนึ่ง
หอบกลิ่นลำดวนหอมฝันมาห่มผากผา
ดวงใจหินผาเจ้าซ่อนเร้นอยู่ ณ ที่ใด
อยู่ต่ำใต้เพิงผา หรือ แผ่นน้ำใสสีน้ำฟ้า
แว่วยินเพียงเสียงออดอ้อนใยหมอกนวล...
ที่รัก...อย่าเพิ่งจากไปในเช้านี้

๔

นกดุเหว่าร้องคร่ำครวญ
เมื่อใดหมอกหนาวจะลาจากผา
รูปเงาเบื้องหลังยังหม่นมัว
เหล่านกใดจะร้องเพลงเบิกบาน
ปลุกดวงใจผากผาให้ฟื้นตื่น...

๕

ละอองหมอกคลุมห่มปก
กลบกลืนดงกล้วยป่าในหุบผา
กลืนกินแตงโมสีแดงผ่าครึ่งซีกของนกดุเหว่า
ความเงียบยะเยือกโอบกอดร่างเจ้านกป่า
ตราบจนบุปผาระรื่นกลิ่นขจรขจาย
หอมฟุ้งถึงผาน้ำทิพย์วิมาน
กลิ่นสุคันธมาลย์สักการะมหาเจดีย์บนเชิงผาอีกฟากของผาหมอก
เมื่อนั้น...แตงโมสีแดงบนขอบฟ้าจึงแย้มแสงอุ่น
สรรพสิ่งเริ่มขับเคลื่อนวิถีแห่งชีวิต
ในอาณาจักรแห่งละมุนหมอก...และขุนเขาเขียว

ละไมฝน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละไมฝน
Lovings  ละไมฝน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละไมฝน
Lovings  ละไมฝน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟละไมฝน
Lovings  ละไมฝน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงละไมฝน