29 มิถุนายน 2552 16:26 น.
ละไมฝน
กาลฤดีปรีวรรตระบัดไหว
หอบสายใยแสนพิสุทธิ์ดุจเพชรแก้ว
ฉานแสงฟ้าวาบประกายวับพรายแพรว
เสพสังวาสยวงเมฆแล้วโปรยปรายฝัน
พร่างวรุณละมุนฉ่ำระบำฟ้า
พรมจุมพิตพสุธาปลายคิมหันต์
ดั่งมธุรสชุบพฤกษาผกาวัลย์
มหัศจรรย์วสันต์ทิพย์กระซิบรัก
ธุลีดินถวิลหาประกาศิต
นฤมิตป่าเขาเฉลาฉลัก
ชอุ่มหล้าบุหงาหอมงามพร้อมพรัก
เมื่อป่าชัฏสมสู่ฤดูกาล
ฤดูใดฉ่ำเย็นเช่นวสันต์
เสกสวรรค์บนดินถวิลหวาน
วิลาศล้ำลำธารใสดอกไม้บาน
วสันต์กาลชำแรกนิทราวนาลัย
ปุยเมฆโอบยอดสิงขรชะอ้อนฝัน
กลิ่นสุคันธ์ปรุงวนาน่าหลงใหล
สุดถนอมห้อมห่มอารมณ์ใจ
ตราบฟ้าไร้เมฆอบร่ำกำซาบดิน
การจากลาของกาลฤดูหนึ่ง
หวนมาซึ่งฤดูสวรรค์วรรณศิลป์
มอบเมล็ดพันธุ์อักษราภาษาจินต์
สู่แดนดินฤดูฝัน...ละไมฝน
.............
ละไมฝน
(ท่านใดทราบวิธีแสดงความคิดเห็น กรุณาชี้แนะด้วย ขอบคุณอะ)
29 มิถุนายน 2552 12:07 น.
ละไมฝน
พริบพริบไหววับวับสลับสี
ดุจดรุณีดาริกาแต้มฟ้าสาง
ร่ายรำล่องละอองละมุนอรุณราง
พริ้งพริ้งพร่างพริ้วปีกฝันรังสรรค์ไป
ทิ้งรังรักถักทอหุ้มห่อหอม
จากพฤกษ์ไพรรายล้อมหวงห้อมไว้
ตามหารักบินสู่ฝันอันวิไล
วาดหวังใจอยู่มิวายความหมายนั้น
สาวผีเสื้อแสวงหาสารัตถ์รัก
แจ้งประจักษ์สามัญเมืองปลดเปลื้องฝัน
บินเกลือกกลั้วชั่วช้าสารพัน
ถิ่นถวัลถวิลหาลดามาลย์
ทนแบกรับระทมทุกข์แสนเทวษ
ทั่วแคว้นเขตอสรพิษเพ่นพลุกพล่าน
ถูกถาโถมโลมร่างอย่างสามานย์
ข่มวิญญาณแกร่งกล้าให้บ้าบอ
แรเงาเหงาเฉาช้ำระกำชัด
ผีเสื้อสาวเจ้าจรจัดเซซัดขอ
เพียงข้าวคำน้ำกลืนคลายฝื่นคอ
สานสืบต่อตำนานฝันอันวาววาม
ก่อกำเนิด โบยบิน แล้วสิ้นสุด
ชีวิตดุจน้ำค้างกลางแดดห่าม
ผีเสื้อสาวในสังคมแห่งคนทราม
ฝันแสนงามปีกหักพ่ายมลายรัก....
..................
ละไมฝน
29 มิถุนายน 2552 06:59 น.
ละไมฝน
ในยามเช้า...ที่ยาวนาน
ค่อยค่อยคลี่ดอกไม้บานริมรั้ว
พริบพริบพราวผีเสื้อสาวเจ้าลืมตัว
เผลอยิ้มหัวกับดอกไม้อ้อนสายลม
เจ้าเหน็บร้าวหนาวไหมในเช้าหม่น
บินร่อนบนทางทุกข์ราวสุขสม
นัยน์ตาใสซ่อนเศร้าเหงาอารมณ์
ดั่งขื่นขมถมถามานานนับ
หิวบ้างไหม ผีเสื้อสาว...ในเช้านี้
ในวันที่ผู้คนฟื้นตื่นจากหลับ
กลิ่นอาหารหอมอบอวลชวนซึมซับ
ยามเมื่อพระเดินรับบิณฑบาต
เหวย...หลีกไปไกลไกล...อีใบ้บ้า
เสียงหลวงตาเคร่งศีลพลิกลิ้นตวาด
ผีเสื้อสาว...เจ้ามิหวั่นมิไหววาด
คลี่แย้มยิ้มฟันสะอาดหัวเราะรื่น
ผีเสื้อสาวเจ้าอับอายไหมเช้านี้
ผู้ทรงธรรมย่ำยีทั้งที่ตื่น
ในห้วงหนึ่งหลับฝันงามยามค่ำคืน
แอบสะอื้นห่มไห้ไหมผีเสื้อ
เจ้าเดินทาง...ห่างบ้าน นานแค่ไหน
จากแดนไกลฟ้ากว้างทางดาวเหนือ
คงอุ่นในไยรักที่ถักเอื้อ
อบดวงใจเจ้าผีเสื้อให้สุขท้น
โลกของเจ้าคงงามดั่งดาริกา
จิตวิญญาณ์จึงไร้ทุกข์และหลุดพ้น
ถึงไร้บ้าน...ถูกประณามจากปวงชน
ริมถนน...ยังสุขได้เพราะใจว่าง
..................
ละไมฝน
28 มิถุนายน 2552 06:08 น.
ละไมฝน
เกล็ดแก้วแวววามยามเช้า
วับไหวใจเจ้าน้ำค้าง
ประดับรับรุ่งรางชาง
กระจ่างพร่างพราวมายา
หยาดร้อยสร้อยสายรายเพชร
พร่างแพร้วแก้วเก็จล้ำค่า
ไยรักถักใยพันธนา
ดักใจใครหนาใยกรรม
เผาะ..เผาะ..น้ำตาฟ้าสาง
หล่นรางพรางฝันลึกล้ำ
ค้างคาหยาดรายร่ายรำ
พลิ้วลมพรูน้ำหล่นเลือน
แสงสายลายรุ้งระยับ
ละลายความลับขับเคลื่อน
เส้นแบ่งคืนฝันวันเดือน
เสมือนหนึ่งไร้ตัวตน
ชีวิตดุจดังหยดน้ำ
ชุ่มฉ่ำไม่นานผ่านพ้น
วังวนแสนสั้นว่ายวน
บัดดลหายวับไร้รอย
............
ละไมฝน
27 มิถุนายน 2552 22:33 น.
ละไมฝน
ฉันจะอยู่อย่างไร...หากไร้รัก
น้ำตาร้อนรินร่ำทุกค่ำเช้า
เมื่อรักร้าวร้างเสน่ห์ระเหระหก
ดวงใจหนาวร้าวฉานสะท้านสะทก
โอ้ขวัญเอยขวัญอกมาหมกไหม้
เคยหนุนตักแทนหมอนนอนหลับฝัน
เธอจุมพิตแก้มฉันคืนจันทร์ใส
จิบเมรัยจอกเดียวกันพันผูกใจ
แล้วรักอันละไมก็อับปาง
เขาจากฉันกลางดึกของคืนหนึ่ง
ในคืนซึ่งฝนพรำจนย่ำสาง
เหลือเพียงความหอมกรุ่นอรุณราง
ไร้อ้อมแขนอกกว้างเคยแอบอิง
ฉันจะอยู่อย่างไรหากไร้รัก
เหมือนไร้หลักไร้สุขไร้ทุกสิ่ง
เหมือนสิ้นสูญขุนคีรีที่พักพิง
เมื่อความจริง...คือความช้ำระกำใจ
.............
ละไมฝน