29 มีนาคม 2552 20:54 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ปู่คอยสอนผมว่า ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ ทุกอย่างล้วนเป็นวัฏจักร
มีเริ่มต้น เจริญถึงขีดสุด ตกต่ำ สลายตัว แล้วก็กลับมาเริ่มใหม่
คุณเชื่อไหม ผมไม่เชื่อหรอก ดร.นาธานพูดขึ้นลอยๆ
สายตามองออกไปนอกผนังกระจกใส ดูโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
ที่อยู่ห่างไปราวครึ่งกิโลเมตร
คุณชอบแสงแดดยามเช้าไหม ผมชอบนะ ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง
ปู่ผมเล่าว่าเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นมนุษย์อาศัยอยู่บนผิวโลก
บรรพบุรุษของพวกเรามีความสุขกันมาก พวกเขาได้เห็นท้องฟ้า
เห็นดวงอาทิตย์ เห็นภูเขา แม่น้ำ รู้ว่าลมพัดเป็นยังไง
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเรารู้แต่ในหนังสือ แต่ไม่เคยรู้ว่าของจริงสวยงามแค่ไหน
เราเห็นกันแต่ของจำลองเท่านั้น
เราเกิดและตายใต้พื้นโลกมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
คุณอาจไม่สนใจก็ได้ เพราะคุณชินกับที่ที่คุณเกิด
พื้นที่ใต้โลกอาจกว้างสุดลูกหูลูกตาก็จริง แต่ทุกอย่างล้วนถูกสร้างโดย
รัฐบาลกลางเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ให้คงอยู่
เพื่อรอว่าวันหนึ่งจะได้กลับขึ้นไปอยู่บนผิวโลกอีกครั้ง
ดร.นาธาน ยังคงมองผู้คนที่ทะยอยเข้าโรงพยาบาลหลังนั้น
จำนวนผู้คนที่มากกว่าสัปดาห์ที่แล้วถึงสามเท่า
ดร.นาธานเป็นหัวหน้าโครงการสำรวจโลกใหม่ ที่ก่อตั้งโดยรัฐบาล
เพื่อศึกษาสภาพผิวโลกว่าเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของมนุษย์หรือไม่
ภาพนอกกระจกของอาคารทำการ นอกจากโรงพยาบาลแล้วก็เป็นป่าไม้
ลำธาร และอาคารสูงสี่ถึงห้าชั้นแทรกตัวอยู่เป็นระยะ
วิถีชีวิตอาจดูสงบเงียบขณะที่พื้นที่กำลังจะมีปัญหา
เพราะแคบเกินกว่าที่จะรองรับการขยายตัวในอนาคต
ที่นี่ถูกสร้างขึ้นหลังเกิดภาวะโลกร้อนเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว
สภาวะโลกเปลี่ยนแปลงไปหมด น้ำท่วมโลก พืชสัตว์ล้มตาย ขยะล้นโลก
สงครามศาสนา และมลภาวะ อากาศพิษที่ลุกลามไปทั่วโลก
จนผู้คนล้มตายไปมาก มากกว่าที่เราจะจินตนาการได้
พวกที่เหลือต่างแสวงหาที่อยู่ใหม่ โชคดีที่เราเจออุโมงค์ยักษ์แห่งนี้
เมื่อผู้คนเรือนแสนอพยพมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีใครได้ขึ้นไปข้างบนอีกเลย
ผิวโลกไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออีกแล้ว รัฐบาลกลางทำงานอย่างหนัก
เพื่อปรับปรุงอุโมงค์แห่งนี้ให้ใหญ่ขึ้น และมีสภาวะเดียวกับบนพื้นโลก
เพื่อให้เราอยู่กันได้และไม่กลายพันธุ์ ทุกๆปีเราจะส่งอาสาสมัคร
ขึ้นไปสำรวจผิวโลก แต่ไม่มีใครกลับลงมาเลยทุกคนตายหมด
เราจึงใช้อุปกรณ์สำรวจวัด แทนการส่งคนขึ้นไป แต่นั่นมันนานมาก
นานจนกระทั่งเราคิดว่าเครื่องสำรวจส่งสัญญาณเหล่านั้นพังหมดแล้ว
จึงไม่ส่งสัญญาณใดๆกลับลงมา เพราะจากการคำนวณของเรา
สภาพผิวโลกพร้อมให้เรากลับขึ้นไปอยู่ได้อีกครั้ง
กระบวนการเยียวยาตัวเองของโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว
ดร.นาธานหันกลับมาหาชายผู้อยู่ในชุดนักโทษ
ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ถูกขนาบด้วยผู้คุมร่างยักษ์สองนาย
ด็อกเตอร์ยื่นหน้ามาเกือบชิดใบหน้านักโทษชายผู้นั้น
เราต้องการทีมสำรวจฝีมือเยี่ยม เก่ง และมั่นใจได้ ว่าพวกเขา
จะนำข่าวดีกลับมาบอก ด็อกเตอร์เค้นเสียง
ฟังดูดีจังด็อกเตอร์ นักโทษชายกล่าวขึ้นอย่างประชดประชัน
ถ้าผมตอบรับอย่างนักวิทยาศาสตร์ก็ต้องบอกว่า..เป็นเกียรติอย่างสูงครับ
แต่ถ้าผมตอบอย่างนักโทษก็ต้องบอกว่า ..จะให้พวกผมไปตายห่าใช่ไหม
นักโทษหนุ่มตะโกนกับประโยคสุดท้าย
ใจเย็นนักโทษ A1
นี่คือโอกาสของพวกคุณ ถ้าพวกคุณทำงานสำเร็จ พวกคุณพ้นโทษ
พร้อมกับได้ทรัพย์สินคืน
แล้วถ้าพวกผมทำไม่สำเร็จ
ยังไงพวกคุณก็ต้องตาย ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกตายที่ไหน ถูกฉีดยาในห้องประหาร หรือขึ้นไปตายบนผิวโลก ซึ่งที่นั่นพวกคุณอาจไม่ตายก็ได้
ด็อกเตอร์กล่าวอย่างมีแต้มต่อ
นักโทษ A1และ A2 นิ่งเงียบ
ก่อนหน้าที่ทั้งสองจะได้หมายเลขดังกล่าวซึ่งเป็นหมายเลขของนักโทษอุกฉกรรจ์ รอการประหารชีวิต ทั้งสองเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์ฝีมือดี
ด้านสาธารณสุขของรัฐบาลกลาง จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว
พวกเขาและทีมงานอีกสามคนพบโดยบังเอิญว่า เชื้อไข้หวัดใหญ่
ที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วได้กลับมาระบาดอีก และเชื้อแช่แข็งในห้องเก็บเชื้อ ได้หายไป และเนื่องจากหน่วยงานสาธารณสุขก็เป็นอีกหน่วยงานที่
ดร.นาธานดูแลอยู่ และด็อกเตอร์ก็เป็นคนเดียวที่มีอำนาจอนุมัติ
การนำเชื้อเข้าออกจากห้องดังกล่าว และแน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน
โรงพยาบาลเอกชนที่กำลังจะขาดทุนของภรรยาด็อกเตอร์ก็กลับมีลูกค้า
ไม่ใช่ซิ ต้องเรียกว่าคนไข้มากขึ้นอย่างผิดสังเกต
ทุกคนเข้ามารักษาไข้หวัดใหญ่
เมื่อเขาและทีมงานสืบจนใกล้ถึงตัวผู้บงการ
คืนนั้นเจ้าหน้าที่ในทีมถูกสังหารสามคน โดยหลักฐานทั้งหมด
ชี้มาที่พวกเขาทั้งสองคน.และโทษที่พวกจะได้รับคือ ประหารชีวิต!
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ตัวเล็กๆสองคนต้องกลายเป็นแพะรับบาป
ก็คงไม่เลวนักหรอกสำหรับการที่อาจจะมีอิสรภาพอีกครั้ง
ตกลง พวกผมรับข้อเสนอ นักโทษ A1ตอบ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเย้ยหยันเบาๆของผู้ชนะ
และโปรดจดจำพวกผมในฐานะนักสำรวจ ไมใช่นักโทษ
..........................................................................................................
เก้า..แปด..เจ็ด..หก..ห้า..สี่..สาม..สอง...หนึ่ง..ศูนย์
สิ้นเสียงนับถอยหลัง ยานสำรวจหัวสว่านลำเล็กก็ถูกปล่อยขึ้นจาก
ลานกว้างหลังอาคารวิจัย
ช่องโลหะหนาของโครงสร้างหลังคาอุโมงค์ค่อยๆแยกตัวออกจากกัน
เป็นรูปวงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหกเมตร
ยานสำรวจทะยานขึ้นไป หัวสว่านเริ่มทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ
มันเจาะผ่านชั้นหินเหนือหลังคาอุโมงค์อย่างแช่มช้า
เศษหินและฝุ่นร้อนตกลงมามากมายที่พื้น เมื่อยานพ้นไปแล้ว
แผ่นช่องหลังคาก็ค่อยปิดตัวเองลงจนอยู่ในสภาพเดิม
ระยะทางหนึ่งกิโลเมตรจากอุโมงค์ถึงผิวโลก นานพอ
ที่เขาจะคิดอะไรต่อมิอะไรมากมายในสมองของเขา
อีกห้านาที ยานจะขึ้นสู่ผิวโลก เสียงอิเลคทรอนิคเตือน
เสียงหัวใจทั้งคู่เต้นระทึก
อีกสี่นาที.อีกสามนาที.อีกสองนาที.หัวใจเหมือนจะทะลุออกมา
..อีกหนึ่งนาทีอีกสิบวินาที เก้า..แปด..เจ็ด..หก..ห้า..สี่..สาม..สอง
หนึ่งศูนย์ ยานทะลุออกมาจอดนิ่งอยู่บนผิวโลก ทั้งคู่หลับตาปี๋
สักครู่จึงได้สติ กดปมเปิดประตูยาน ประตูค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ
ทั้งสองก้าวออกจากประตู หรี่ตาปรับให้เข้ากับแสงภายนอก
ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่
กวาง และสัตว์ป่าน้อยใหญ่และเล็มหญ้าอยู่ทั่วไป
มีบางตัวตกใจเสียงยานก็วิ่งเหยาะๆหนีไป
สัตว์ที่พวกเขาเคยเห็นจากในหนังสือ ได้ปรากฏภาพอยู่เบื้องหน้านี่แล้ว
ช่างน่าอัศจรรย์นัก สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าที่นี่ปลอดภัย
เขาฉุดมือภรรยาวิ่งออกไปกลางทุ่งหญ้า สายลมพัดมาเบาๆ
สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หัวเราะร่าอย่างมีความสุข
เราจะไม่กลับลงไปอีกแล้วใช่ไหมคะอดัม
แน่นอนจ๊ะเราจะอยู่บนนี้กันสองคนอีฟ
..................................................................................................................
ปู่คอยสอนผมว่า ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ
ทุกอย่างล้วนเป็นวัฏจักร มีเริ่มต้น เจริญถึงขีดสุด ตกต่ำ สลายตัว
แล้วก็กลับมาเริ่มใหม่ คุณเชื่อไหม ผมไม่เชื่อหรอก
ดร. นาธาน จอห์นสัน