20 ตุลาคม 2551 22:21 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
เงินทองที่น้อยทำงานได้ เธอส่งกลับมาให้พ่อกำนันเสมอ
(เลื่อนขั้นจากผู้ใหญ่เป็นกำนันแล้ว ) คุณพ่อก็แสนดี อุตส่าห์ไปสร้าง
บ้านพักชมวิวไว้บนเขาหลังหนึ่ง เอาให้ลูกสาวได้พักผ่อนตอนกลับมาบ้าน
ทางเดินอาจจะสูงชันไปนิดแต่ก็ดูเพลินตาด้วยต้นไม้สองข้างทาง
พื้นที่ตรงนั้นอยู่ติดกับวัดร้าง ลานดินที่แกอุตส่าห์ปลูกต้นไม้ดอกไม้
จนสะพรั่งไปหมด ก็เคยเป็นป่าช้าเก่า แต่ทำพิธีล้างป่าช้าไปนานแล้ว
จึงดูไม่น่ากลัวในสายตาแก มีคนถามว่าทำไมถึงไปสร้างบ้านในที่แบบนี้
น่ากลัวจะตาย คำตอบคือ
ลูกข้ามันไม่กลัวผี มันกลัวตุ๊กแก
แล้วพ่อกำนันมั่นใจได้ยังไงว่าข้างบนไม่มีตุ๊กแก
แน่นอน ไม่มีแน่ๆ ข้างบนงูเยอะ มันกินตุ๊กแกไม่เหลือซักตัว
..............................................................................................................
กริ้งงงง
พ่อกำนันคว้ามือถือรุ่นกระติกน้ำมาแนบหูพร้อมกับทำตาโต
น้อย ลูกจะกลับบ้านเหรอวันไหน .
พอแกวางโทรศัพท์เท่านั้นแหละ เสียงตีเกราะก็ลั่นหมู่บ้าน
สิ้นเสียง ชาวบ้านแตกฮือวิ่งกันอลหม่านราวบุกยึดทำเนียบ
มารวมกันที่ลานดินหน้าบ้านกำนัน
เกิดอะไรขึ้น พ่อกำนัน
ลูกข้าจะกลับบ้านวันมะรืน ข้าขอให้ทุกคนกำจัด ทำลาย ตุ๊กแกทุกตัว
ให้หมด
ชาวบ้านทุกคนรับปากอย่างว่าง่าย ก็คงเพราะไม่มีใครอยากตื่นมา
ฟังเสียงกรีดร้องกลางดึกหรอก
และแล้ววันที่น้อยกลับบ้านก็มาถึง เมื่อรถโตโยต้ายารีสสีชมพู
จอดที่หน้าบ้านพ่อกำนันที่กำลังก่อสร้างอาคารบางอย่างอยู่
เมื่อประตูเปิดออก สาวน้อยนางหนึ่งก็ปรากฎกายขึ้น
ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้พ่อ
อีหนู นี่แกไปทำอะไรมาถึงบวมขนาดนี้ แกพูดออกมาเหมือนอุทาน
เมื่อภาพลูกสาวที่สวยอรชรราวดาราเกาหลีคราวเมื่อกลับบ้าน
ครั้งที่แล้วกลายเป็น..เอ่อ แกรู้สึกเหมือนนั่งดูทีวี wide screen
ที่ตัวละครดูตัวกว้างๆ ป้อมๆ
หวัดดีค่ะพ่อ เธอยกมือไหว้ พ่อกำนันรับไหว้ทั้งที่ยังอ้าปากค้าง
บุหรี่มวนใบจากตกจากปาก ไฟแช็คแก๊สอันละสิบบาทตกจากง่ามนิ้ว
แหมพ่อ ก็หนูทำงานเป็นกุ๊กนี่คะ ต้องกินต้องชิมทั้งวัน
มันก็เลยอ้วนขึ้นนิดนึง เธอชูปลายนิ้วก้อย เอานิ้วโป้งแตะที่ข้อนิ้วก้อย
นี่ขนาดนิดของแกนะเนี่ย เอ้าๆ ไม่เป็นไรขึ้นเรือนก่อน
แกเดินนำหน้าลูกสาวก้าวข้ามคานคอนกรีต ที่กำลังสร้างสุขศาลา
ติดๆกับบ้านแก แว่บหนึ่งแกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
แกหันกลับมามองลูกสาว แล้วตะโกนเสียงหลง
อีหนู! เดินอ้อมมาทางนี้อย่าเดินขึ้นไปบนคาน ขึ้นคาน น่ะ
โบราณเขาถือ
น้อยซึ่งปรกติไม่เชื่อคำโบราณอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เชื่อฟังอย่างว่าง่าย
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน
สนทนากันประสาพ่อลูกที่บนเรือนสักครู่พ่อกำนันจึงถามขึ้น
นี่แกลาพักร้อนมารึไง
ก็ไม่เชิงหรอกจ๊ะพ่อ พูดพลางหยิบถั่วลิสงต้มที่พ่อกำนัน
เพิ่งยกมาตั้งแกะใส่ปากไม่หยุดมือ
ไหนบอกว่าช่วงนี้งานยุ่ง
ก็.เจ้านายเกาหลีเขาจัดเมนูพิสดารช่วงนี้ หนูก็เลยขอลาพัก
เมนูอะไร
ตุ๊กแกจ๊ะพ่อ เขาจัดพิเศษ ช่วงนี้ลูกค้านักท่องเที่ยว เกาหลี
ฮ่องกงเยอะ พ่อคิดดูซิ ให้เราจับตุ๊กแกมาทำอาหาร มันหยืย!!
เออๆ ไม่ต้องบอก พ่อรู้ แล้วเขายอมให้พักได้ยังไง ถ้ายุ่งขนาดนั้น
พ่อๆ แล้วที่พ่อบอกว่าจะมีเซอร์ไพร์สหนู อะไรเหรอพ่อ
น้อยเปลี่ยนเรื่อง
พ่อเก็บเงินที่ส่งให้พ่อ ปลูกบ้านให้แกหลังนึง อยู่บนเขาโน่นแน่ะ
อยากดูหรือเปล่าล่ะ เดี๋ยวพ่อจะพาไปดู
แล้วกำนันก็พาลูกสาวขึ้นปิคอัพโฟร์วีลไต่ขึ้นเขาอย่างช้าๆ
อากาศดีมาก เธอเปิดกระจกสูดอากาศเข้าเต็มปอด มองดู
ทางลาดชันที่เกินกำลังยารีสสีชมพูจะขึ้นไหว
จนกระทั่งรถมาจอดหน้าบ้านไม้หลังเล็กๆหลังหนึ่ง
เธอรีบเปิดประตูลงไปยืนที่ระเบียงมองออกไปเห็นทิวเขาลิบๆ
กับทะเลหมอก สวยจนนึกขำตัวเองที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นคุณค่า
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าบ้านเธอนี่แหละน่าอยู่ที่สุดในโลก
เปิดประตูระเบียงเข้าไปห้องนอน เตียงใหญ่หนานุ่มน่านอนมาก
อากาศเย็นโดยไม่ต้องเปิดพัดลม
นี่ถ้าไม่ติดว่ามากับพ่อเธอคงทิ้งตัวหลับไปแล้ว
เออๆ.. เป็นไง ชอบไหมล่ะ
ชอบมากเลยจ๊ะพ่อ น้อยโดดกอดพ่อโดยลืมกฎเรื่องโมเมนตัม
พ่อกำนันถึงกับเซไปติดข้างฝา
ขอบคุณมากค่ะ หนูรักพ่อที่สุดเลย พ่อกำนันลูบศีรษะลูกสาวอย่างเอ็นดู
น้อยเข้าใจมาตลอดว่าพ่อรักพี่ชายมากกว่าเธอ
และเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าพ่อรักเธอมากแค่ไหน พ่ออาจจะไม่เคยพูด
พ่อมักจะแสดงด้วยการกระทำเสมอ
พักผ่อนก่อนดีกว่า เดี๋ยวเย็นๆลงไปกินข้าวกับพ่อข้างล่าง
........................................................................................................
เย็นแล้ว น้อยอาบน้ำเสร็จ ก็แต่งตัวเดินลงเขาตามขั้นบันได
สองข้างเป็นดอกไม้และต้นไม้ สดชื่นมาก จนตั้งใจว่าขากลับจะเดินขึ้น
ไม่ให้พ่อขับมาส่งเด็ดขาด
อาหารมื้อนั้นอร่อยมาก เธอปลดตะขอกางเกง ก่อนกินจานที่สาม
และ เอ่อ..จานที่สี่ตามมา
พ่อ..พ่อ หนูไม่เห็นพี่แดงเลย ตอนลงมาก็แวะดูที่บ้าน เหมือนถูกไฟไหม้
ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกันเหรอ
พ่อกำนันมองหน้าลูกสาวนิดนึง
อยากรู้จริงๆเรอะ
อยากรู้สิพ่อ ตอนเด็กๆเราสนิทกันจะตายไป
นังแดงมันตายแล้ว ตายทั้งกลมด้วย ผัวมันเคยมาปลูกบ้านบนเขา
ให้พ่อเมื่อปีกลาย บ้านแกนั่นแหละ
มันเดินขึ้นเขาไปส่งข้าวให้ผัวทุกวัน วันหนึ่งพลาดตกบันไดลงมาตาย
มีคนเจอบ่อยๆ เฮี้ยนมาก แม่ผัวก็รักลูกสะใภ้เหลือเกิน รู้ข่าวก็วิ่งไปหา
พอเห็นศพนังแดง แกก็ช็อคหัวใจวายตายไปอีกคน เจ้าเข้มเสียใจ
ที่ทั้งเมียทั้งแม่ตายก็เลยเผาบ้านทิ้ง น่าเวทนาจริงๆ
พ่อถึงไม่อยากให้ลูกเดินขึ้นเขาคนเดียวยังไงล่ะ
น้อยอึ้ง ใช่เพื่อนเธอตายแล้ว อิ่มข้าวกะทันหัน
(สมควรอิ่มตั้งนานแล้ว) ไอ้เรื่องผีน่ะ เธอไม่กลัวหรอก
เพราะไม่เชื่อว่าผีมีจริง เธอจะต้องพิสูจน์ว่าผีไม่มีให้ได้
จะขึ้นบันไดคนเดียวให้ดู
..................................................................................................................
นี่แกจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่
แหม พ่อก็ หนูเพิ่งมาถึง จะรีบไล่เลยเหรอ
เปล่าๆ ก็เห็นว่าเจ้านายงานยุ่ง ลูกค้าเยอะ คงต้องการคนช่วย
แต่แกดันลากลับบ้านซะนี่
ก็หนู
ลูก..ฟังนะ เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ เราต้องแบ่งแยกระหว่าง
เรื่องที่ถูกใจกับเรื่องที่ถูกต้อง เรามักจะเลือกทำในเรื่องที่ถูกใจก่อน
บางทีอาจมาใช่เรื่องที่ถูกต้องก็ได้
อึ้งครับ น้อยอึ้ง โห..วันนี้พ่อพูดได้เฉียบคมมาก
เธอสอดส่ายสายตาหาหนังสือที่คิดว่าพ่อไปจำมา เจอแต่ขายหัวเราะ
กับ มวยโลก ไม่ใช่แน่ แต่ช่างเถอะไม่ว่าพ่อจะไปจำคำพูดของใครมา
แต่คำพูดนั้นก็เพียงพอที่จะสะกิดต่อมความคิดของเธอ
รักพ่อจังเลย เธอขยับจะเข้าไปกอดพ่อ แต่พ่อรู้ทันถอยหลังกรูด
เข็ดจากแรงปะทะเมื่อตอนกลางวัน
เธอคุยกับพ่ออีกพักใหญ่แล้วขอตัวขึ้นบ้าน
เดินผ่านบ้านเพื่อนที่ดำเป็นตอตะโก เผลอไปจับเสาอย่างไม่รู้ตัว
จนคราบถ่านเปรอะมือ เธอเดินชมดาวที่เห็นชัดเจนเต็มฟ้า
ยุงบินมาเกาะที่หน้า เผลอเอามือลูบหน้าจนดำเป็นแถบ
บันไดขึ้นเขาอยู่เบื้องหน้า แค่สองร้อยขั้นเท่านั้นเอง
สมัยเด็กๆเคยขึ้นไปทำบุญที่วัดบ่อยๆ ทางแค่นี้ บ่ยั่นดอก
สามสิบขั้นผ่านไป จึงรู้ตัวว่าเธอไม่ใช่ฉางน้อยหุ่นเพรียว
เหมือนเมื่อก่อนแล้ว น้ำหนักที่แบกไว้สองเท่าเริ่มส่งผล
แต่เรื่องยอมแพ้ไม่มีอยู่แล้ว
ร้อยขั้นผ่านไป
ที่ชานพักข้างหน้า เธอเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ ร่างนั้นยืนนิ่ง
เนื่องจากเป็นคืนเดือนเสี้ยว จึงมองไม่ถนัดนัก แต่เธอรู้ว่า
ร่างนั้น..เป็นผู้หญิงและกำลังจ้องมาที่เธอ ใจฉางน้อยเต้นระทึก
ทั้งเหนื่อยทั้ง.. กลัว ไม่ใช่ผีๆ ผีไม่มี เธอพยายามคิดเช่นนั้น
จนกระทั่ง.
เหวอ..ช่วยด้วยยยยยย.ผีหลอกๆ
เปล่า! ไม่ใช่เสียงน้อย แต่เป็นเสียงจากร่างนั้น
อ้าว! ป้าแม้น น้อยจำเสียงได้
โถ นึกว่าใคร ป้าแม้น นี่หนูเอง น้อยไงล่ะ
อ้าวนึกว่าผีเจ้าแดง ตายทั้งกลม เห็นบวมๆแบบนี้ นึกว่าใช่
ตุ๊บ! ลำแขนขนาดท่อนซุงฟาดเข้าที่ต้นคอป้าแม้น..
แกลงไปชักสลบเหมือด
เปล่า! ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ น้อยแค่คิดเล่นๆ
แล้วนี่กลับมาเยี่ยมพ่อกำนันเรอะ
จ๊ะ ป้า
เออ ดีๆ แล้วค่อยคุยกันตอนเช้านะ.เล่นอะไรก็ไม่รู้ใจหายหมดเลย
เอาสีทาหน้าซะดำปี๊ ใครจะไปจำได้ เสียงป้าแม้นเดินบ่นไปตลอดทาง
น้อยฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
ป้าแม้น..ป้าแม้นนี่เป็นแม่ของพี่เข้มนี่หว่า!
เท่านั้นแหละท่านผู้ชม อีกร้อยขั้นที่เหลือไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป
เธอมายืนหอบหมดสภาพ หน้าบ้านหลังงามของเธอ
แล้วค่อยๆเลื้อยขึ้นไปบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
เผลอหลับไปงีบหนึ่งก็สะดุ้งตื่นเดินไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้สบายก่อนเถอะ
เปิดฝักบัว คิดไปเรื่อยเปื่อย กลับบ้านครั้งนี้สนุกพิลึก
พรุ่งนี้กลับกรุงเทพฯ คงมีเรื่องมันๆเล่าให้เพื่อนฟัง
น้ำจากฝักบัวนั้นช่างเย็นนัก จนรู้สึกปวดท้อง ปัสสาวะที่กลั้นไว้นาน
ถูกปล่อยไหลไปกับน้ำจากฝักบัว เธอรู้สึกถึงความผิดสังเกต ว่าทำไมถึงอุ่นนัก
เธอสะดุ้งตื่น จึงรู้ว่าเผลอหลับฝันไป ฉลองเตียงใหม่ บ้านใหม่เข้าให้แล้ว!