22 กรกฎาคม 2550 15:31 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ค่ำคืนที่แสนมืดมิด ลมพัดมาอ่อนๆ ท้องฟ้าที่มืดสนิทเต็มไปด้วยแสงดาว บนเนินหญ้า เด็กชายสองคนนอนหงาย เอามือวางรองศีรษะ มองดูดาวอย่างมีความสุข
โต..นายว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่บนนั้นไหม อ้นถามขึ้น
เราว่ามีนะ ก็ทีโลกเรายังมีคนอยู่เลยแล้วทำไมที่อื่นจะมีมั่งไม่ได้ โตตอบพลางยันตัวขึ้นนั่งเอามือยันพื้นไว้ด้านหลัง มองเห็นแผลเป็นรอยไหม้ที่แขนจางๆ
นายว่ามนุษย์ต่างดาวหน้าตาเหมือนเอเลี่ยนในหนังหรือเปล่า
ไม่รู้ซิอ้น แต่เราว่าน่าจะคล้ายๆคนมั้ง
อ้นลุกขึ้นนั่งยันตัวเลียนแบบโต
อ้าวงั้นถ้าพวกนี้มาอยู่กับคนก็ดูไม่ออกซิ อ้นยังสงสัย
ไม่รู้ซิ โตพูดพลางลุกขึ้นดึงแขนอ้นให้ลุกตามเพื่อกลับบ้าน
เราเคยอ่านการ์ตูน...มนุษย์ต่างดาวจะหัวกลมๆ ตารีๆใหญ่ๆ ตัวสีเขียว อ้นว่า
การ์ตูนอะไร โตสงสัย
ขายหัวเราะ อ้นตอบ
นักเขียนการ์ตูนไม่เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆหรอก โตสรุป
แต่เราว่ามันเจ๋งนะโต..พวกตัวเขียวเขียวนี่ มันมีจมูกอยู่ที่หัว เวลามันเซ็ง มันจะพ่นขี้มูกออกมาทางหัว
แหวะ...มันเจ๋งตรงไหนอ้น งี้ขี้มูกก็เต็มหัวซิ
เด็กทั้งสองเดินลงเนินไปจนลับตา คุยกันหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
อ้น เป็นลูกโทนคนเดียวของผู้หมวดธนา อ้นไม่มีแม่ และพ่อก็ไม่ค่อยอยู่บ้านติดราชการบ่อย อ้นจึงต้องอยู่กับพี่เลี้ยงที่พ่อจ้างเป็นพิเศษไปเช้าเย็นกลับ อ้นเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.2 โชคดีที่บ้านอยู่ชานเมือง บรรยากาศเงียบๆไม่วุ่นวาย แม้ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ แต่ด้วยสำนึกดีของเด็กจึงไม่ข้องแวะกับอบายมุขทั้งปวง
แม้อ้นจะมีเพื่อนที่โรงเรียนมากมาย แต่คนเดียวที่เขาสนิทจริงๆก็คือ โต ซึ่งสนิทจนเหมือนเป็นพี่น้องกัน
เมื่อปีแล้วมีเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านหลังหนึ่ง หมวดธนาผ่านไปพบเข้าพอดีขณะที่ไล่ล่าไอ้ทองโจรปล้นฆ่าขโมยพระค่าหัวเรือนแสน แกตัดสินใจเข้าช่วยชีวิตโตไว้ทำให้ไอ้ทองรอดไปได้ ส่วนพ่อแม่โตเสียชีวิตในกองเพลิง โตจึงมีรอยแผลไหม้อยู่ที่แขน ด้วยความสงสารหมวดธนาจึงรับโตมาอยู่ด้วย โดยผู้หมวดหวังว่าจะให้โตเป็นเพื่อนเล่นกับลูกชาย และเขาเองก็กำลังหาทางช่วยให้โตได้เรียนหนังสือเหมือนกับอ้น
โต....อ้นกลับมาแล้ว เด็กชายร้องอย่างดีใจที่ได้กลับถึงบ้าน
เกิดอะไรขึ้น โตถามขึ้นด้วยเห็นอาการผิดปรกติของเพื่อน
อาทิตย์หน้า โรงเรียนปิดเทอม ครูให้นักเรียนทำรายงานส่งตอนเปิดเทอม ให้เลือกหัวข้อเองได้ด้วย...รู้เปล่าเราเลือกเรื่องอะไร
มนุษย์ต่างดาว โตตอบโดยไม่ต้องคิด
ว้า...นายรู้ได้ไง
อ้าว...ก็เมื่อคืนไง...นายตื่นเต้นซะขนาดนั้น เป็นใครก็เดาได้....แล้วนายจะเริ่มยังไง
ไม่ต้องห่วงเรามีแผนแล้ว ดูท่าอ้นเชื่อมั่นมาก
แล้วช่วงเวลาปิดเทอมก็มาถึง
อ้นพาโตเดินมาเกือบถึงท้ายซอย
มีอะไรเหรอ โตสงสัย เมื่ออ้นพาโตมาหยุดลงที่บ้านร้างหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงราว 1 เมตร รอบๆบ้านมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ต้นหญ้าด้านหลังบ้านแห้งกรอบเหมือนถูกความร้อนเผา
นี่ไงโต เมื่อเดือนที่แล้วเราเห็นเหมือนลูกไฟตกลงหลังบ้าน อ้นบอกโตขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ใต้ต้นไม้ฝั่งตรงข้ามของบ้านร้าง
นายก็เลยนึกว่ามีมนุษย์ต่างดาวอยู่ในบ้าน...บ้านร้างไม่มีคนอยู่ ทำไมเราไม่เข้าดูตั้งแต่เห็นดาวตก
ตอนนั้นเราจะเข้าไปดูแล้ว แต่เราเห็นบ้านเปิดไฟ แปลว่ามีคนอยู่..... เราเลยยืนดูบ้านร้างที่ระเบียงบ้านเรา เห็นมีไฟเปิดทุกคืน ตั้งแต่ดาวตก
แล้วตอนนี้ยังเปิดไฟอยู่หรือเปล่า
ไม่เปิดมา 5 คืนแล้ว
งั้นเราเข้าไปดูกันเลยดีกว่า โตพูดพร้อมกับจะเดินข้ามฟากไปที่บ้านร้าง อ้นดึงมือไว้
เอาไว้คืนนี้ดีกว่า... กลัวใครมาเห็นเข้า
แล้วเวลาปฏิบัติการก็มาถึง ทั้งสองเตรียมของที่คิดว่าต้องใช้ใส่กระเป๋าสะพายมาเต็มที่ รอเวลาเกือบเที่ยงคืนเมื่อไม่เห็นมีใคร และในบ้านร้างเงียบสนิท อ้นจึงเปิดประตูรั้วผุๆเข้าไป ช้าๆ ระวังไม่ให้มีเสียง ทั้งสองฉายไฟฉายเดินไปรอบๆบ้านจนถึงจุดที่หญ้าไหม้ ตรงนั้นปรากฏเป็นหลุมขนาดเส้าผ่านศูนย์กลางเกือบ 2 เมตร มีรอยไหม้รอบๆหลุม แม้กระทั่งฝาบ้านก็ไหม้ไปแถบหนึ่ง แต่ไม่มีวัตถุใดๆที่ก้นหลุม โตหยิบกล้องดิจิตอลออกมาถ่ายรูป
เห็นไหมโตมนุษย์ต่างดาวมาจริงๆ อ้นดูตื่นเต้นมาก
โตถ่ายรูปเสร็จแล้วมองหน้าเพื่อน
อ้น...เราว่ามันเป็นแค่ดาวตกไม่น่ามีมนุษย์ต่างดาว โตพูดจบก็มีเสียงกุกกักในบ้าน ทั้งสองรีบดับไฟฉายแล้วนั่งลงหลบอยู่ใต้ถุนบ้าน ใจเต้นแรงทั้งคู่ เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ สักพักก็มีอะไรบางอย่างมุดลอดออกมาจากผนังที่ทะลุจากรอยไหม้
หมา! ทั้งคู่อุทานพร้อมกันอย่างโล่งอก มองดูสุนัขผอมโซตัวนั้นวิ่งเหยาะๆออกไปนอกรั้วบ้าน
มาเริ่มกันใหม่ ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดไม้ 3 ขั้นมาหยุดที่ประตูบ้าน ประตูไม่ได้ล็อค ที่จริงมันเก่าชำรุดจนล็อคไม่ได้ต่างหาก อ้นดันประตูเข้าไปในบ้าน ภายในมืดมาก ทั้งสองฉายไฟสาดไปทั่ว เห็นโต๊ะ 1 ตัวกับเก้าอี้เก่าๆอยู่กลางบ้านเท่านั้น นอกนั้นเป็นพื้นไม้โล่งๆ แต่มีรอยรองเท้าใหม่ๆเต็มไปหมด แสดงว่าที่นี่มีคนอยู่ โตสังเกตเห็นตะเกียงวางอยู่บนโต๊ะ
อ้น..สงสัยเรามาเสียเที่ยว มีแต่รอยรองเท้า กับลูกหมา 4 ตัวตรงโน้น โตเอ่ยกับเพื่อน อ้นมีสีหน้าผิดหวัง
โต..เรากลับกันเถอะ อ้นหันหลังทำท่าจะเดินกลับ
เดี๋ยวก่อนอ้น เราเห็นอะไรบางอย่างใต้โต๊ะ โตเดินไปนั่งลงใกล้ๆโต๊ะเอื้อมมือไปจับอะไรบางอย่าง
กุญแจ....มันใหม่มาก แปลว่าพื้นใต้โต๊ะเป็นที่เก็บของ มันถึงใส่กุญแจไว้ โตพูดกับอ้นที่รีบมาสมทบ ทั้งสองมองหน้ากันเหมือนตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง อ้นหยิบฆ้อนออกมาจากกระเป๋า แล้วค่อยๆงัดพื้นไม้ขึ้นมา ไม้เริ่มผุแล้วจึงหลุดขึ้นมาอย่างง่ายดาย งัดได้ 3 แผ่นก็หยุด โตส่องไฟฉายไปใต้พื้น ภายในเป็นลังไม้มีเศษฟางปูเต็มไปหมดเหมือนไว้กันกระแทก มีรูปปั้น และวัตถุโบราณที่ประเมินค่ามิได้หลายสิบชิ้นอยู่ข้างใน แต่มีวัตถุสี่เหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือสีเงินวาววางอยู่ด้วย โตหยิบวัตถุดังกล่าวขึ้นมาดู แล้วเอาใส่กระเป๋าไว้ ทันใดก็มีเสียงตึงตังที่หน้าประตู
ไอ้เด็กหัวขโมย! ชายร่างใหญ่ในชุดดำ หน้าดุดันเดินตรงมาที่คนทั้งสอง ในมือถือปืน เด็กทั้งสองตกใจทำอะไรไม่ถูก ร่างนั้นใกล้เข้ามาจวนถึงตัวทั้งคู่ มันยกปืนขึ้นทำท่าจะฟาดเด็กทั้งคู่ให้สลบ
ตุ้บ เสียงทุบหนักๆเข้าที่ท้ายทอยชายร่างใหญ่ มันล้มลงทั้งยืน หมวดธนานั่นเองที่เป็นคนจัดการ แล้วตำรวจสี่ห้านายก็กรูเข้ามาหิ้วตัวไอ้ทองออกไป
จบเรื่องซะที กว่าจะหาตัวเจอ...ไอ้ทองไอ้โจรขโมยพระ หมวดพึมพำ ขณะนั่งลงดูเด็กทั้งสอง
อ้าว..ลูกมาทำอะไรที่นี่....แล้วบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
อ้นกอดพ่อร้องไห้ดีใจที่พ่อมาช่วยทันเวลา
จากจุดวุ่นวายด้วยรถตำรวจหลายคันที่หน้าบ้านร้าง พื้นที่ถูกปิดล้อม แสงไฟสาดสว่าง หมวดธนา เดินหลบออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง
เข้าไปทำอะไรกันข้างใน นี่ดีนะที่พ่อมาทัน
อ้นก้มหน้านิ่งอย่างกลัวความผิด โตจึงต้องตอบแทน
เราเห็นดาวตกที่บ้านนั้นก็เลยเข้าไปดู.....ไม่รู้จริงๆว่ามีคนอยู่
พ่อครับ..อ้นต้องทำรายงานเรื่องมนุษย์ต่างดาว เห็นดาวตกที่นั่นก็นึกว่ามีมนุษย์ต่างดาวมา ก็เลยเข้าไปดู อ้นเริ่มกล้าบอกความจริงพ่อ
คราวนี้อ้นคงไม่รู้ว่าจะไปหาเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่ไหนมาเขียนรายงาน
ไม่เป็นไรลูก ค้นเรื่องในอินเตอร์เนตเอาไปเขียนก็ได้นี่นา ผู้หมวดปลอบใจลูกชาย
โตหยุดเดินดึงมือทั้งสองพ่อลูกไว้
ผู้หมวดจำตอนที่ไฟไหม้เมื่อปีที่แล้วได้ไหมครับ
จำได้...มีอะไรหรือเปล่า
ที่จริงไฟไหม้เพราะจานบินตกใส่บ้านนั้น ไม่มีใครรอดนอกจากผมคนเดียว โตหยิบวัตถุแท่งสีเงินออกจากกระเป๋า
ผมเก็บแท่งนี้ได้ที่บ้านร้าง ที่เห็นดาวตก...จริงๆแล้วไม่ใช่ดาวตกหรอก เขาส่งของชิ้นนี้มาให้ผม...มารับผมกลับ โตใช้นิ้วกดแท่งนั้นเบาๆ มันเลื่อนออก เห็นปุ่มด้านใน 1 ปุ่ม เขากดปุ่มนั้นแล้วเอามันไปวางข้างหน้า มีแสงพุ่งออกจากแท่งสีเงินเป็นวงกลม เมื่อแสงจางลงก็ปรากฏเป็นจานบินอยู่ตรงนั้น หมวดธนากับลูกชายอยู่ในอาการตกตะลึงกับภาพที่เห็น
อ้น...เราว่านายมีเรื่องเขียนรายงานแล้วล่ะ....และที่เราเคยบอกว่า มนุษย์ต่างดาวก็เหมือนคนบนโลก เห็นไหมล่ะว่าเหมือนจริงๆ สำหรับผู้หมวด ผมต้องขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตผมไว้ ผมจะไม่ลืมบุญคุณเลยชั่วชีวิต......ลาก่อนครับ
ขาดคำร่างของโตก็ลอยหายเข้าไปในยาน แล้วจานบินก็ค่อยๆลอยตัวขึ้น แล้วพุ่งหายไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
สองพ่อลูก แหงนมองฟ้า เรื่องราวมันเกิดขึ้นรวดเร็วมากเกินจะรับได้ทัน ไม่ทันแม้กระทั่งจะพูดจากับโตสักคำ
พ่อครับเกิดอะไรขึ้น...แล้วผมจะเขียนรายงาน...เรื่องชีวิตชาวโลกที่ผมอยู่ด้วย..ได้ยังไง....ผมนึกว่าเขาเป็นคนจริงๆ
ไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวพ่อหาคนใหม่ให้
แปลว่าเราต้องอยู่บนโลกนี้อีก 1 ปี ใช่ไหมพ่อ...เพื่อนๆที่ดาวนาบูคงเรียนจบก่อนผม
เซ็งจริงๆ ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมๆกัน แล้วต่างก็ดึงผมตัวเองจนหน้ากากหัวคนหลุดออก เห็นเป็นศีรษะกลมสีเขียว มีดวงตาใหญ่เป็นวงรี กลางศีรษะมีรอยแยก แล้วทั้งคู่ก็สั่งน้ำมูกออกมาจากกลางศีรษะพร้อมๆกัน....