21 มกราคม 2554 22:11 น.

๒…..เรือปู่

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.เลือดเลพ่อยังเข้มและเต็มสูบ
ควันจากธูปลอยคว้างแล้วจางหาย
คล้องผ้าแพรปิดทองเปลวประกาย
พ่อถวายบูชาแม่ย่านาง

เรือตังเกสีเทาเก่ากระเทาะ
คราบเพรียงเกาะจากหัวไปจรดหาง
เมื่อนาวาถึงบทปลดระวาง
การเดินทางฤๅหยุดสิ้นสุดลง

เคยท่องเลทารุณแต่รุ่นปู่
จอดฤดูวางไข่กับไต้ก๋ง
เลือดชาวเลเค็มคาวทั้งด้าวดง
ชาวประมงทุกผู้ย่อมรู้ดี

ฟังสิฟังทะเลซิเห่หวน
เพลงเรืออวนดังคลอดั่งซอสี
เสียงคำรามเครื่องยนต์คือดนตรี
คือวิถีชาวเรือเช่นเมื่อวาน

พ่อซ่อมเรือคร่ำคร่ากว่าอายุ
ต้องปะผุยกตั้งบนนั่งร้าน
เปลี่ยนเครื่องยนต์ สายไฟ ไม้กระดาน
เปลี่ยนสายพาน ใบพัด กำจัดเพรียง

แล้วเสริมน็อตใส่เพื่อว่าเรือวิ่ง
แหวนสปริงใส่เผื่อว่าเรือเหวี่ยง
เหล็กตัวไอใส่เผื่อว่าเรือเอียง
ลดความเสี่ยงเรือปู่ทุกลู่ทาง....


๒.ควันยาเส้นลอยเลื่อนดูเคลื่อนไหว
พ่อสูบยามวนใหญ่นั่งไขว้ห้าง
มองชีพเรือคืนกลับจากอับปาง
แม่ย่านางยามนี้คงดีใจ

จากท่ามกลางความคิดที่ขัดแย้ง
จะดื้อแพ่งซ่อมหรือจะซื้อใหม่
ด้วยเรือปู่เก่ากร่อนจนเกินไป
หาอะไหล่ก็ยากจะยืดเยื้อ

พ่อไม่เคยตอบคำแต่ค่ำหนึ่ง
พ่อพูดถึงเรื่องราวของดาวเหนือ
ดาวที่ปู่ให้ดูถ้าเดินเรือ
หรือหากเมื่อหลงทิศหรือผิดทาง

ดาวที่ทวดสอนปู่ให้ดูทิศ
จนชีวิตเข้มแข็งแกร่งกระด้าง
จนแม่นรู้สิ่งสรรพราวจับวาง
นำทุกอย่างที่เห็นมาเป็นครู

ปู่เขียนปูมเรือเหล็กไว้หลายเล่ม
ข้นและเข้มอบอุ่นบุ๋นและบู๊
แม้ไต้ฝุ่นถล่มจมฤดู
ฉีกเรือปู่เป็นซากเป็นเศษไม้

แทนการเลิกอำลาโยนผ้าหมอบ
ปู่ประกอบเรือกล้าขึ้นมาใหม่
เรือลำนี้เคยตายเคยหายใจ
จึงยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าคำว่าเรือ

เป็นตำนาน เป็นศักดิ์ศรี เป็นชีวิต
ปู่ลิขิตทั้งหมดจากหยดเหงื่อ
สอนพ่อแต่คลานคืบให้สืบเชื้อ
ทุกเลือดเนื้อขัดเกลาจากเฒ่าเล.


๓.ข้าพเจ้าลืมตาสะดุ้งตื่น
เรือถูกคลื่นโครมซัดจนปัดเป๋
แต่นาวาฝ่าคลื่นเป็นพื้นเพ
หัวยังเหสู่อ่าวท่ามดาวโจร

ตามหาเรือหลังซ่อมที่สูญหาย
ขโมยขายต่อไปจนไกลโพ้น
ไฟความแค้นปะทุจนคุโชน
เป็นเพลิงโพลนพร้อมเผาให้เพลาแค้น

เสียแรงแจ้งทางการไม่ขานรับ
จึงถูกพับเรื่องไว้ใส่ไม้แขวน
สบสายตาก็รู้ว่าดูแคลน
ต้องวางแผนตามเรือด้วยตัวเรา

พ่อรักเรือลำนี้เท่าชีวิต
ได้แง่คิดจากปู่เท่าภูเขา
ตราบยาเส้นยังมีควันสีเทา
ปู่จะเฝ้าคอยมองเราสองคน

โน่นเสียงเรือเสียงเครื่องไฟเหลืองเรื่อ
คงจากเรือของปู่ที่ถูกปล้น
ข้าพเจ้าคุ้นคุ้นเสียงเครื่องยนต์
ปืนทุกคนกระชับเตรียมสับไก

พ่อยิงขู่คำรามขึ้นสามนัด
เราเป็นโจรสลัดแล้วใช่ไหม
ตอบคำข้าเถิดดาวจากอ่าวไทย
หรือจะให้ถามฟ้าอันดามัน.


๔.เรายึดเรือคืนได้โดยไร้เหงื่อ
แต่ลูกเรือเขาเปลี้ยและเสียขวัญ
ทั้งต่างด้าวชาวไทยไม่ต่างกัน
เขาไม่ทันรู้เห็นความเป็นมา

มีคนโดดน้ำหนีที่ด้านหลัง
เขาคงหวังไปตายเอาดาบหน้า
ในความมืดคืนนั้นไร้จันทรา
ส่องไฟหาอย่างไรก็ไม่พบ

เขายังอยู่หรือตายหรือว่ายน้ำ
หรือจมดำดิ่งเร้นไม่เห็นศพ
คงเห็นเราเป็นสลัดที่บัดซบ
จึงเสี่ยงจบชีวิต..อนิจจา

พ่อส่งคนทุกคนขึ้นบนฝั่ง
คืนความหวังลูกเรือผู้โรยล้า
คืนทุกบาทที่ได้จากขายปลา
พ่อบอกว่าปล่อยเขาอย่าเอาความ..



๕.พ่อคีบมวนบุหรี่เคาะขี้เถ้า
ผูกเรือเก่าลำโตเอาโซ่ล่าม
โซ่ครูดพื้นครืนคล้ายคลื่นคำราม
กับคำถามอีกคำที่สำคัญ

ถ้าเมื่อคืนไม่ง่ายเหมือนใจคิด
ถ้าเขาแลกชีวิตและคิดสั้น
ถ้าเราเลือกตาต่อตาฟันต่อฟัน
ย่อมถลันสู่ขั้วอันชั่วร้าย

ที่อาจไม่มีวันได้หันกลับ
อาจถูกจับลงโทษตามกฏหมาย
อาจถูกยิงตกน้ำสู่ความตาย
จมลงสายน้ำชืดอันมืดมิด

พ่อฟังคำข้าพเจ้าผู้เยาว์กว่า
ทอดดวงตาสีถ่านดำสนิท
สองดวงตาอบอุ่นดูครุ่นคิด
มองอาทิตย์ลับทุ่นทะเลลง

แล้วว่า..การรู้คิดวินิจฉัย
ปู่เคยใช้สิ่งนี้เพื่อชี้บ่ง
ถึงความเป็นผู้นำเพื่อกำธง
เพื่อพร้อมเป็นไต้ก๋งคนต่อไป

ต้องพิสูจน์หัวใจกับไหวพริบ
ยิ่งคมกริบยิ่งนิ่งย่อมยิ่งใหญ่
จะเผชิญวิกฤตชนิดใด
ตัดสินใจฉับพลันได้ทันที

เมื่อเจ้าใหญ่เยี่ยงปู่จะรู้ว่า
เจตนาใช่หักกับศักดิ์ศรี
หากเจ้าเจตนาจะปราณี
ย่อมจะมีทางออกมาบอกทาง..


๖.ลมทะเลจากอ่าวกลิ่นคาวหมึก
ยังหอมลึกราวเปื้อนทั้งเรือนร่าง
อยู่ในคาวเลือดคล้ายไม่เคยจาง
เป็นตรายางประทับนานนับปี

พ่อเด็ดเดี่ยวเชี่ยวกรากมาจากไหน
ใครสอนให้ฉกรรจ์จนวันนี้
พ่อไม่ตอบแต่ตามองราตรี
มองไปที่เรือปู่ในอู่เรือ.

๙ มกราคม ๒๕๕๔				
21 มกราคม 2554 22:08 น.

๑….รอดตาย

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.ท้องทะเลในคืนที่คลื่นร้าง
ดูเวิ้งว้างไร้กรอบและขอบฟ้า
ผู้เหน็ดเหนื่อยมาจากอวนลากปลา
นั่งสูบยาผ่อนคลายอยู่ท้ายเรือ

เขามองดาวระยิบระยับโลก
อยากจะโบกบินหนีเหมือนผีเสื้อ
อยากจะหอบความฝันอันสั่นเครือ
ไปเติมเชื้อความหวังที่ฝั่งฟ้า

กระพือข้ามเกาะแก่งด้วยแรงปีก
บินไปอีก..ไปอีก หากปีกกล้า
หากความสุขมอดดับจะกลับมา   
ปรารถนาจากหนึ่งผู้ดึงอวน

เพราะดวงตากล้าคม..นั้นล่มล้า
เพราะฝันจ้าดุจจันทร์..นั้นปั่นป่วน
เพราะความฝันกว่าครึ่งถูกตรึงตรวน
อีกครึ่งส่วนตกแตกแต่แรกบาน

เมื่อถูกโลกขยี้ป่นด้วยส้นเท้า
แต่พระเจ้า..พระองค์ไม่สงสาร
ที่มีเลือดมีเนื้อเพราะเหงื่องาน
เพื่อไขลานวงล้อผู้รอคอย


๒.เปรี้ยง! เสียงปืนคำรามขึ้นสามนัด
เรือสลัดจอดจ่อถึงคอหอย
กลางอ่าวไทยไกลโพ้นดาวโจรลอย
กระสุนถ่อยเปล่งเปลวประกายไฟ

สติเขายังอยู่คว้าชูชีพ
สองตีนถีบสู่คลื่นกระเพื่อมไหว
หวังว่าเพื่อนคงรอดและปลอดภัย
ขออย่าให้เขารอดอยู่รายเดียว


๓.ลมบกลมทะเลยังเพพัด
เลสงัดก็อาจจะกราดเกรี้ยว
บางวันคลื่นครืนเกร็งเขม็งเกลียว
และเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างก็บางวัน

ฟังสิเลฮัมเพลงเป็นเพลิงเผา
สลับเสียงพระเจ้าที่เย้าหยัน
หรือทรงปรารถนาวิสามัญ
ผู้ที่หันหลังให้ไม่ขอพร

หลังคนแกร่งจึงไหม้จากไฟแดด
พระเจ้าแผดเสียงใส่เป็นไฟร้อน
เผาให้เลือดในอกตกตะกอน
เพื่อวิงวอนฟากฟ้าให้ปราณี


๔.ช่างนานนับหลับอยู่คาชูชีพ
แต่ละงีบตาโหยก็โรยหรี่
กี่วันแล้วที่เห็นรุ่งสุรีย์
กี่ราตรีที่เห็นแต่เพ็ญดาว

จะคลี่ปีกบินหนีหรือผีเสื้อ
จะบินเพื่อไปสู่ฤดูหนาว
ดูดอกไม้ดื่นดอยเป็นพลอยพราว
ดูเกล็ดขาวน้ำค้างบนบางใบ

แต่ปีกล้าแรงคลื่นนั้นชื้นช้ำ
จะลอยลำชีวิตไปทิศไหน
นั่น..หมู่บ้านชาวประมงกับธงไทย
เสียงหัวใจเต้นดังจะพังครืน

ไปเถิดหากที่หมายคือชายฝั่ง
หากกำลังไม่แพ้กระแสคลื่น
หากเห็นฝั่งหมู่บ้านแต่วานซืน
แรงจะฝืนเข้าฝั่งคงยังพอ

เพราะบัดนี้แดดจ้าเหมือนฟ้าดับ
แรงขยับกล้ามเนื้อไม่เหลือหลอ
พระเจ้าได้โอกาสก็ปาดคอ
เอาเถิดหนอกระหน่ำให้หนำใจ

แต่ฝากบอกที่บ้านให้ท่านรู้
ว่าลูกผู้โง่เขลาไม่เอาไหน
เขาพลัดหลงระหว่างเดินทางไกล
และยังไปไม่ถึงแม้ครึ่งทาง

ฟ้าดูเหงาดาวดับเดือนอับฟ้า
ภาวนาให้มีแสงสว่าง
ผีเสื้อหล่นลมฉีกสองปีกบาง
จมไม่ห่างชุมชนที่คนชุม
.

๔.หนังสือพิมพ์ครึ่งปกขายอกขาว
ดาราสาวตาคมและนมตุ้ม
ข่าวที่คนไม่อ่านอยู่ด้านมุม
เช่นชายหนุ่มนิรนามจมน้ำตาย

๒๑ มกราคม ๒๕๕๔				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง