30 กรกฎาคม 2550 01:14 น.

นกขมิ้นเหลืองอ่อน

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.แล้วผูกเปลเชือกป่านกับคานขื่อ
ด้วยสองมือสองไม้อันผ่ายผอม
มือที่ปัดริ้นไต่แหละไรตอม
ซักผ้าอ้อมมือเซียวมือเดียวกัน
นอนเถิดหนาอย่าซนนะคนเก่ง
แม่จะขับเพลงร้องเพื่อเรียกขวัญ
รอลูกตื่นก่อนฟ้าจะสายัณห์
นมจากถันยังรอให้ลูกกิน
 
๒.โอละเห่..สกุณาแห่งป่าเปลี่ยว
เจ้าบินเที่ยวชมโลกแหละโตรกหิน
ตะวันสีเลือดนกจวนตกดิน
นกขมิ้นพเนจรแต่อ่อนวัย
ในพฤกษ์ผืนคืนนี้มิมีขอน
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
หรือจะหลบแรงลมใต้ร่มไทร
อำพรางใจเปล่าเปลี่ยวใต้เคียวเดือน

๓.ยามราตรียินหริ่งสิยิ่งเหงา
พรุ่งนี้เช้าคงไปอย่างไร้เพื่อน
แต่คืนนี้ดวงตาอันล้าเลือน
กระตุกเตือน..พักก่อนผู้อ่อนแรง
พอดึกดื่นดวงดาวบนหาวโพ้น
ถูกเมฆโทนเทาทับจนอับแสง
แหละลมฝนพายุฤดูแล้ง
พัดกิ่งแห้งหักยับลงกับตา

๔.พลัน!..อสุนีบาตก็ฟาดเปรี้ยง
โลกมิได้ยินเสียงไร้เดียงสา
จวบฝนสร่าง..ตะวันรุ่งทิวา
อนิจจานกขมิ้น..เจ้าสิ้นใจ..

๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕				
22 กรกฎาคม 2550 12:44 น.

ตามทางเกวียน

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.เพลงกระพรวนจากคอของโคเฒ่า
เกวียนเล่มเก่าล้อกงยังคงหมุน
ชายชราบนเกวียนเปิดประทุน
สูบยาฉุนอ่อนอ่อนอย่างผ่อนคลาย
ล้อเกวียนหมุนอ้อเอียดละเลียดช้า
เคยแล่นฝ่าหลุมขวากมาหลากหลาย      
แลผิวน้ำแผ่พริ้วเป็นริ้วพราย
เพียงต้องสายลมเช้าอันเบาบาง
เกวียนโยกเยก..เนื้อเอ็นเต้นระริก
โยกกระติกน้ำแข็งจนแกว่งคว้าง
ละลายน้ำตาลสดจนรสจาง
บรรทุกฟางเหลืองแก่จนแปล้เกวียน

๒.พลันรถยนต์คันใหญ่ก็ไล่หลัง
บีบแตรดังตบมือกระหือเหี้ยน
อย่าชักช้าเป็นเต่าซิเฒ่าเพี้ยน
โลกมันเปลี่ยนเร็วไปหรือไงลุง..!
แล้วเหยียบคันเร่งแซงสุดแรงเท้า
ทิ้งเขม่าฝุ่นมืดเป็นหมอกฟุ้ง   
ตาเฒ่าปัดมือไกวดังไล่ยุง
เกรงฝุ่นคลุ้งเขม่าจะเข้าตา
  ผ่านเรื่องราวใหญ่น้อยเป็นร้อยเรื่อง
ฟางสีเหลืองยังนิ่งอหิงสา
เพราะมิเคยวิตกเสียงนกกา
การพูดจาต่อคำไม่จำเป็น

๓.สองข้างทางบ้างพร่องเป็นร่องลึก
แกรู้สึกด้วยใจมิใช่เห็น
เพราะรู้ทุกรอยขวากอันยากเย็น
จึงรั้งเส้นสนตะพายหลบได้พ้น
และแล้วภาพแปลกตาก็ปรากฏ
ภาพของรถพลัดลงหล่มถนน
แหละหนุ่มนั่นดูคล้ายละอายตน
นั่งคอยคนช่วยเหลืออยู่ริมทาง

๔.แกร้องยอยอยอ!..จนโคหยุด 
ว่า..ดินทรุดบางที่ก็มีบ้าง
ดินแถวนี้มันอ่อนไปค่อนบาง
เดี๋ยวส่งฟางเสร็จฉันจะช่วยดึง
จะรออยู่ก็ได้หรือไปด้วย
เลยดงกล้วยโน่นไปก็ใกล้ถึง
เพราะน้ำเสียงจริงใจไม่บึ้งตึง
หนุ่มนั้นจึงกล้าขึ้นไปนั่งเคียง

๕.ลุงไม่ขุ่นเคืองหรือกับคำเยาะ ?
แกหัวเราะคำโตมิโต้เถียง
โลกของลุงรู้รอรู้พอเพียง  
อยู่กับเสียงนกน้อยเป็นร้อยพัน   
โลกเธอคงคร่ำเคร่งและเร่งรีบ
อาจถูกบีบจนแกว่งจากแข่งขัน
จนลืมรสสัมผัสแสงตะวัน
และลืมความอัศจรรย์ของใบไม้
เธออาจฝันสวยงามในยามหลับ
เหมือนเหมือนกับผู้คนที่จนไร้
เหมือนคนที่เธอทะยานขับผ่านไป
เพียงทางใครเดินทางย่อมต่างกัน
ถ้าเธอดูรอยร่องทั้งสองฟาก
ใช่เกิดจากล้อเพลาเธอเท่านั้น
มีรอยล้อดาษดื่นเป็นหมื่นพัน
และรอยเท้านักฝันหลายพันรอย
พวกเขาเคยเดินผ่านมานานนัก
หลายคนแพ้กับดักก็จักผล็อย
หลายคนทนแรงดึงก็ถึงดอย
เธอหมายสอยสิ่งใดก็ใจเธอ

๖.กระติกน้ำที่ถือในมือเฒ่า
ที่หนุ่มเย้าหยอกคำว่าป้ำเป๋อ
น้ำแข็งคงสลายดั่งใจเกลอ   
ที่พล่อยเผลอสบประมาทปรามาสไว้   
 ชายหนุ่มรับมาชิมได้ลิ้มหวาน
รสน้ำตาลยังเหลือแม้เจือใส
หนุ่มผู้หลงในโลกศิวิไลซ์
จึงรู้ใจตนเยาว์กว่าเขานัก
 แล้วทอดตามองดอยในแดดเช้า  
บอกโพ้นเขาว่าลูกยังขลุกขลัก
แต่การได้หยุดจ้ำฟังคำทัก    
กลับได้พักพินิจจริตตน

๗.เธอคงหมายมุ่งสู่ยังภูใหญ่
มีดอกไม้แปลกตากว่าป่าฝน
ทั้งหลากหลายพันธุ์นกและวกวน
มีหลายคนตะลอนมานอนค้าง

เป็นจุดหมายที่ผมได้วางแผน
ให้รางวัลตอบแทนตัวเองบ้าง
คนเราต่างกันที่วิถีทาง
จึงเสาะหาบางอย่างที่ต่างกัน

๘.ชายชรายิ้มละไมสูบใบจาก
มองรอยลากล้อเกวียนอันเปลี่ยนผัน
บางรอยหายโดยไร้รูปพรรณ
ซึ่งรอยนั้นมิใช่จะไม่มี
สองมือเขาเข้มคล้ำและดำด้าน
ทำแต่งานจนหมองผมสองสี
มีความสุขอย่างพ่อผู้พอดี
เป็นช่วงที่วิเศษเสมอมา 
เธอวางแผนไปสู่สุดภูเขา
หรือตั้งเป้าไปสูงจนสุดฟ้า
เป็นเป้าหมายที่ไม่ธรรมดา
เป็นคุณค่ากำนัลให้วันวัย
ต่อให้เธอตั้งเป้าสูงเท่าฟ้า
จะต่างคนธรรมดาก็หาไม่
เพราะเป้าหมายของเธอหรือใครใคร
คือ..ความสุข...ใช่ไหมถามใจดู

๙.ชายหนุ่มนิ่งครู่หนึ่งแล้วจึงรับ
น้อมคำนับขอบคุณคนรุ่นปู่
สายลมพัดใบพร้าวมากราวกรู
ต้อนรับผู้มาเยือนจากแดนไกล

เพลงกระพรวนแผ่วพรายจากชายทุ่ง  
ดังกริ๊งกรุ๊งตามโคที่เคลื่อนไหว
ถ้าใครผ่านทางแยกคงแปลกใจ
เพราะดอกไม้ต่างสีได้คลี่บาน

๒๑ กันยายน ๒๕๕๕				
16 กรกฎาคม 2550 21:32 น.

วุ้นที่เปื้อนฝุ่น

ฤทธิ์ ศรีดวง

แม่หมดแรงเป็นลมล้มถลา
ถาด ตะกร้า คานไม้กระจายเกลื่อน
พยายามลืมตาอย่างพร่าเลือน
ขนมเปื้อนฝุ่นปนวุ้นหล่นดิน

ทุนสุดท้ายสลายไปพร้อมใจแม่
คงเหลือแค่ชีวีกับหนี้สิน
น้ำตาเอ่อเผลอไปจึงไหลริน
ข้าวจะกินพรุ่งนี้ไม่มีพอ

นั่งคิดถึงลูกสาวคราวเหนื่อยอ่อน
เคยกอดนอนปลอบใจตอนไร้พ่อ
ช่วยงานแม่ทุกทีไม่รีรอ
ไม่เคยท้อขายของกันสองคน

วันที่ลูกหนีไปกับชายหนุ่ม
แม่ตาชุ่มร้องไห้เหมือนสายฝน
ขอให้ลูกมีสุขอย่าทุกข์จน
แม่จะทนได้แค่ไหนยังไม่รู้				
12 กรกฎาคม 2550 07:40 น.

นา

ฤทธิ์ ศรีดวง

ฝนตั้งเค้าครึ้มวันเข้าพรรษา
น้ำเนืองนองในนาในหน้าฝน
ทางเดินข้างคันคูร้างผู้คน
ยางยืนต้นท้าลมระดมซัด

ลูกยางเคว้งคว้างควงร่วงละลิ่ว
ปลิดปลายปลิวปูพรมเพราะลมจัด
พอตกต้องละอองฉ่ำเมื่อน้ำพัด
จะแย้มยอดยืนหยัดเป็นต้นยาง

พลันฝนพรูพร่างผ่านใบมะพร้าว
ก่อนกรูกราวสาดซ่าในนากว้าง
พรรณพืชมืดมัวมิดทุกทิศทาง
คล้ายรอคอยแสงสว่างเพียงอย่างเดียว

จนแสงส่องฝนซาจากนาข้าว
ฝอยฝนขาวฝากฝนโคนข้าวเขียว
พราวสะพรั่งระลอกลมล้อรวงเรียว
คอยคันเคียวเกี่ยวก่อนจะรอนโรย				
8 กรกฎาคม 2550 16:24 น.

ร้านกาแฟคนแซ่หลี

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.ควันกาแฟลอยคลุ้งจากถุงผ้า
จับแผ่นฝ้ากระดานเป็นป้านคล้ำ
แผ่นกระดานเคลือบด้วยน้ำมันดำ
เป็นจ้ำน้ำตาลไหม้มาหลายปี
ถุงกาแฟแช่รอในหม้อต้ม
รสกล่อมกลมละมุนสกุลหลี
เพราะกาแฟคัดสรรแต่พันธุ์ดี
สุนทรีเวลาดื่มกาแฟ
จากทักษะชายชราที่หน้าร้าน      
สืบทอดงานละไมสมัยแม่
จากสมัยสามล้อยังจอแจ
กลายเป็นแพรถยนต์แทบล้นเลน

๒.ประตูเฟี้ยมหน้าร้านสีด้านด่าง
สีหน้าต่างแตกร้าวเป็นลายเส้น 
ป้ายชื่อร้านหน้าระเบียงก็เอียงเอน
เกือบถูกเวนคืนที่หลายทีแล้ว
เขาสร้างชื่อเสียงร้านมานานช้า
จนลูกค้าบางคราวต้องเข้าแถว
จนสองฝั่งรถจองทั้งสองแนว
เพียงหนึ่งแก้วกาแฟก็แค่นั้น!!....


๓.ฤดูหนาว..เช้าวันอาทิตย์!
ล้านชีวิตผู้คนยังกรนฝัน
รอกลับมาวุ่นวายในวันจันทร์
มาสูดควันสีหม่นของคนเมือง
ข้าพเจ้าเดินย่ำบนฟุตบาท
สูดอากาศอึมครึมอย่างซึมเซื่อง
ยังไม่มีควันให้ระคายเคือง
จากรถเครื่องควันดำอันจำเจ     
สกุลหลีเปิดร้านแต่รุ่งเช้า
เสื้อขาวเก่าคอกลมปัดผมเป๋
เจ้าของร้านยกถุงกาแฟเท
กะคะเนสัดส่วนอันชวนชิม

๔.อีกสักครู่คงหลากด้วยลูกค้า
ที่เวียนมาไม่น้อยด้วยรอยยิ้ม
ข้าพเจ้าเลือกโต๊ะหนังสือพิมพ์
รอจะลิ้มกาแฟสักแก้วโต
ถ้วยกาแฟยกมา..ถ้วยตราไก่
ในถาดใส่แป้งทอดปาท่องโก๋
ลูกค้าเริ่มเข้ามารุ่นอาโก
อาวุโสรวมกันสักพันปี

๕.สตาร์บัคตรงข้ามกับสามแยก
มีแต่แขกหล่อสวยทั้งหมวยตี๋
ถือไอโฟนฟังเพลงอาร์แอนด์บี
คือวิถีที่เห็นที่เป็นไป

๖.สกุลหลีรุ่นปู่เคยฟูเฟื่อง
ความรุ่งเรื่องที่ผ่านพ้นสมัย
ความคร่ำคร่ากี่คนจะสนใจ
คนรุ่นใหม่หันหาสตาร์บัค
ภาพรถยนต์จอดรอจะเข้าร้าน
อันตรธานเหลือฝากแต่ซากปรัก
เพลงในร้านเล่าเอยก็เชยนัก
รอป้ายปักขึ้นทะเบียนว่าโบราณ
แต่รอยยิ้มทักทายจากชายเฒ่า
ดวงตาเศร้าสีหมองที่มองร้าน
บอกถึงความผูกพันกับวันวาน
กิจการกาแฟที่แม่รัก

๗.เพลงแว่วเบาเศร้าแสนจากแผ่นเสียง
เพลงนกเอี้ยงของคุณทนงศักดิ์
เหมือนถูกรื้อห้วงจินต์จากลิ้นชัก
ย้อนเฟืองจักรเวลาอันพร่าเลือน
ภาพทุ่งข้าวสีทองริมคลองใหญ่
ลำคลองใสโดดคลองกับผองเพื่อน
เคยตกปลา ตีไก่ จับไส้เดือน
ตัวที่เปื้อนด้วยดินและกลิ่นโคลน
นานจนลืมเสียงนกลืมรกราก
สวมหน้ากากครอบตัวด้วยหัวโขน
เข้าสู่ยุคสมัยแห่งไอโฟน
โลกถูกโยนเข้าแผ่นสัมผัสพิมพ์
เป็นความวูบวาบอันฉาบฉวย
อาจจะช่วยย่อโลกให้เล็กหลิม
ย่อหัวใจแคระแกร็นเท่าแผ่นซิม
ย่อรอยยิ้มกำบีบจนลีบแบน


๙.เมื่อบทเพลงนกเอี้ยงได้เสียงสิ้น
เพลงชรินทร์..แสนแสบ ว่าแสบแสน
ก็ล่องลอยหวานแหววมาแว่วแทน
ใจก็แล่นลอยล่องสู่ท้องธาร

วันที่เราเหนื่อยมาจนหน้าซีด
ยิ่งโหยหาอดีตอันหอมหวาน
สิ่งที่เหลือแต่จินตนาการ
ที่ลูกหลานบางคราวไม่เข้าใจ

๑ ธันวาคม ๒๕๕๕				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง