2 ตุลาคม 2552 00:23 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ฝนค้างใบไม้ค่อยทยอยหยด
เอาจิตจรดใจจับสดับเสียง
ทุกกระทบธารน้ำเกิดสำเนียง
ถึงแผ่วเพียงสัมผัสแต่ชัดเจน
ในค่ำคืนชื้นน้ำและฉ่ำฝน
มาฝึกตนในพฤกษ์อันลึกเร้น
ท่ามกลางแสงรางเลือนจากเดือนเพ็ญ
สงบเย็นเพลิดเพลินอยู่เนิ่นนาน
สมณะพระธุงค์ผู้ทรงศีล
ผู้ป่ายปีนข้ามวงวัฏฏ์สงสาร
ผู้ถือธรรมศรัทธาภิกขาจาร
หมายนิพพานเบื้องหน้าเป็นอารมณ์
ศีล ปัญญา สมาธิ สติตั้ง
มีจิตหยั่งรู้ทุกข์แลสุขสม
ปฏิบัติธุดงค์เดินจงกรม
และรู้ลมหายใจในกายตัว
ยิ่งเจริญในธรรมกรรมฐาน
ยิ่งตัดมารกิเลสและเหตุชั่ว
ยิ่งตัดเมาเขลาขลาดและหวาดกลัว
เป็นดอกบัวพ้นน้ำในยามนี้
มาปักกลดภาวนากลางป่าชัฏ
ท่ามกลางสัตว์เสือสิงห์กระทิงหมี
ทั้งเย็นเยียบเงียบจัดสงัดดี
ทั้งไม่มีผู้คนมาสนใจ
พอรุ่งเช้าดาวจางน้ำค้างหยาด
บิณฑบาตใต้โคนต้นไม้ใหญ่
เหลือกิเลสเท่าเล็บเท่าเห็บไร
กับวินัยเคร่งครัดวิปัสสนา
เหตุนี้เทพเทวาเทพารักษ์
จึงพร้อมพรักสักการะแก่พระป่า
ใส่ข้าวเหลืองในบาตรเพื่อบูชา
เป็นภัตตาหารทิพย์เท่าหยิบมือ
พระซึ่งตัดโอชาแห่งอาหาร
ความต้องการฉันขอแค่พอมื้อ
ใช่อวดฤทธิ์ร่ายมนตร์ให้คนลือ
จะขึ้นชื่ออุตริผิดวินัย
ฌานโลกีย์มีอิทธิฤทธิ์เดช
ก่อกิเลสลุ่มเหลิงดุจเพลิงไหม้
เพราะน้อมนำดำรัสพระตรัสไตร
ให้ฝึกใจใช่ติดในฤทธิ์ฌาน
จึงตั้งจิตภาวนาใต้คาคบ
จิตสงบ..สุขใจจึงไพศาล
เห็นภาพปวงเทวาสาธุการ
เห็นสังขารมากมายเกิดตายลง
หูได้ยินทุกเสียงแม้แสนห่าง
เห็นทุกอย่างแจ่มใสแม้ไรผง
เห็นภาพตนเวียนว่ายยิ่งหน่ายปลง
สิ่งยืนยงใดใดล้วนไม่มี
จึงยินเสียงจากสรวงสู่ดวงจิต
ท่านหมดกิจแล้วหนอต่อแต่นี้
ทราบว่าเสียงพระมุนินทร์ก็ยินดี
รัศมีแห่งกายจึงพรายพลัน
เกิดปิติในธรรมอันล้ำลึก
ซึ่งรู้สึกเฉพาะพระอรหันต์
ขณะที่เมฆเกลื่อนกลบเลือนจันทร์
ขณะนั้นภิกษุบรรลุแล้ว
พระธุดงค์กลางป่าจึงปราโมทย์
ในนิโรธสมาบัติดุจฉัตรแก้ว
หลายอรุณอุ่นอ้าวจวบดาวแวว
ยังนิ่งแน่วเสวยสุขหมดทุกข์กรรม
แม้มิฉันอาหารมานานนัก
แต่รูปลักษณ์พักตร์พริ้มดูอิ่มหนำ
อิ่มในสมาธิปิติธรรม
พร้อมชี้นำส่ำสัตว์..ณ บัดนี้
๒๖ กันยายน ๒๕๕๒
17 กันยายน 2552 21:13 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ดาวตกจากฟากฟ้านอกหน้าต่าง
ม่านผืนบางลมลูบก็วูบไหว
ตื่นจากเตียงเดียวดายยังหายใจ
ไม่มีใครเคียงข้างเหมือนอย่างเคย
สุดปลายตาป่าไหวจึงใจหวั่น
ดวงตะวันดวงน้อยค่อยค่อยเผย
ต้นไม้ใหม่ให้ดอก..การงอกเงย
การระเหยแห้งของละอองน้ำ
เห็นมาชั่วชีวันอันน้อยนิด
เห็นชีวิตขึ้นสุดและจุดต่ำ
เห็นผมขาวขึ้นปรกแทนดกดำ
เห็นรอยร่ำลมพัดไม้ผลัดใบ
เห็นฤดูเหมันต์ที่ผันผวน
เห็นการหวนกลับมาของใบไม้
เห็นคนที่รักมากตายจากไป
กับความในอยากเล่าให้เจ้ารู้
ว่ามิได้หมายแขชะแง้หาว
หรือหมายดาวที่จุดไกลสุดกู่
รอสองตาเธอเลี้ยวมาเหลียวดู
สำหรับผู้กลับมาอย่างปราชัย
ผู้ไม่เคยเอ่ยหลอกหรือบอกว่า
โค้งขอบฟ้าจบลงที่ตรงไหน
ท้องทะเลราตรีสีอะไร
หรือดอกไม้กี่กลีบที่ลีบโรย
เป็นแค่คนป่วยไข้ที่ใกล้ฝั่ง
ที่ใกล้ฝังร่างแห้งเมื่อแรงโหย
ที่เพียงสัมผัสคมแห่งลมโชย
แทบปลิวโปรยแหลกสลายกลางสายลม
ชายชราอาภัพได้กลับบ้าน
จะสงสารหรือว่าจะสาสม
จบการเผชิญโชคบนโลกกลม
มานอนซมซบพื้นเมื่อคืนเรือน
จับมือเขาสักหนเถิดคนยาก
เขาไม่อยากจากไปอย่างไร้เพื่อน
นับแต่ต่อวันนี้ไม่กี่เดือน
ก็คงเหมือนเป็นเงาที่เบาบาง
ดวงตะวันคลายแสงอ่อนแรงถอย
เขายังคอยใครมาที่หน้าต่าง
หรือภาพชายมั่นคงผู้หลงทาง
จะจืดจางลืมไปจากใจแล้ว
๑๖ กันยายน ๒๕๕๒
6 กรกฎาคม 2552 09:24 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
กำเนิด
๑.จ้อย..จำคำพ่อไปไว้ใช้เถิด
เมื่อเราเกิดเป็นชาย..แม้ภายหน้า
ต้องรู้คุณบิดาและมารดา
รู้รักษาท้องถิ่นแผ่นดินไทย
๒.ลูกแปดขวบปีนี้ควรมีหลัก
สมควรจักศึกษาวิชาไว้
ที่วัดมหาธาตุเมืองพิชัย
จะฝากให้พระครูท่านดูแล
๓.เจ้าชอบชกมวยไทยจำไว้ลูก
ยึดทางถูกคุณธรรมตามคำแม่
คอยช่วยผู้เดือดร้อนและอ่อนแอ
อย่ารังแกอวดเบ่งนักเลงโต
๔.จ้อยฟังคำพ่อสอนแต่ตอนเช้า
ความหงอยเหงาจับใจแต่ไก่โห่
เอ่ยอำลานาเถียงเคยเลี้ยงโค
อย่าเศร้าโศกานักจงหักใจ
๕.ล้อเกวียนหมุนฝุ่นฝอยก็ลอยฟุ้ง
พ่อมองทุ่งรวงทองและร่องไถ
นึกถึงสามลูกชายต้องตายไป
เพราะถูกไข้ทรพิษปลิดชีวัน
๖.เหลือเพียง..จ้อย คนเดียวถึงเดี๋ยวนี้
พอฝากผีฝากไข้ได้เท่านั้น
จงเล่าเรียนเผื่อใหญ่วัยฉกรรจ์
จะเท่าทันพวกหยามประณามคน
๗.เมื่อถึงวัดจัดการกราบกรานพระ
เป็นธุระช่วยเข็ญให้เห็นผล
ขอฝากลูกชาวนาประสาจน
หมั่นฝึกฝนเถิดจ้อยตามถ้อยครู
๘.ร่างพ่อคล้อยเคลื่อนไปจนไกลห่าง
ความอ้างว้างจับใจเกินใครรู้
ข้าฯจะไม่ย่อท้อให้พ่อดู
จะเป็นผู้องอาจอย่างชาติชาย
๙.จึงตั้งใจเล่าเรียนทั้งเขียนอ่าน
ช่วยการงานครันครบไม่หลบหาย
เด็กวัดกลับมองว่ามาท้าทาย
ต่างมุ่งหมายกำจัดจ้อย..ศัตรู!
๑๐.มาท้าจ้อยต่อยตีที่หลังวัด
พอบอกปัดออกไปว่าไม่สู้
กลับเยาะเย้ยไยไพว่าใจปู
พูดลบหลู่แม่พ่อหัวร่อกัน
๑๑.เห็นเป็นตัวตลกกันยกใหญ่
เมื่อหัวใจเต้นตีบถูกบีบคั้น
จ้อยมองจ้องเด็กวัดแล้วกัดฟัน
ไล่ตะบันชี้หน้าเข้าท้าชน
๑๒.เพราะเจนจัดหมัดเข่าทั้งเท้าศอก
ไม่เคยบอกพลพรรคเลยสักหน
เด็กวัดเจอคนจริงต้องวิ่งวน
เจ็บใจปนอับอายเพราะพ่ายแพ้
๑๓.จะเนิ่นนานด้านร้ายใช่หายขาด
ความอาฆาตยังเร้นเหมือนเป็นแผล
เด็กวัดยังคงหวังจะรังแก
รอวันแก้แค้นกันให้บรรลัย
๑๔.จนจ้อยเติบโตใหญ่วัยสิบสี่
ถึงวันที่เกินต้านพวกพาลไพร่
วันที่เจ้าผู้ครองเมืองพิชัย
นำลูกวัยรุ่นกรายสู่ชายคา
๑๕.ชื่อคุณเจิดเชิดท่าสารพัด
เข้ามาวัดเรียนลึกเรื่องศึกษา
ให้พระครูสอนจำแต่ตำรา
มีขี้ข้าติดตามมาสามคน
๑๖.เด็กวัดมาออดอ้อนยอมอ่อนข้อ
ทำสอพลอลูบหลังอย่างหวังผล
ให้คุณเจิดถือหวายเป็นนายตน
แล้วเสี้ยมจนท้าจ้อยมาต่อยกัน
๑๗.เห็นความเขลาอันเขื่องอยู่เบื้องหน้า
โชคชะตาอาภัพยามคับขัน
เกรงพ่อถูกลูกหลงโดนลงทัณฑ์
ด้วยอัดอั้นอึดอัดต้องตัดไฟ
๑๘.จึงหลบออกจากวัดแล้วลัดเลี้ยว
เส้นทางเปลี่ยวเวิ้งว้างเลือกทางไหน
เคยยินชื่อ..ครูเมฆ..ยอดมวยไทย
จึงมุ่งไปเสาะหาวิชามวย
๑๙.เมื่อค่ำลงราตรีนอนที่วัด
ถูกยุงกัดล้มหมอนแทบนอนป่วย
ประสบเคราะห์ซ้ำกรรมไม่อำนวย
พระก็ช่วยทุกคราวพร้อมข้าวปลา
หัดมวย
๒๐.ถึงวัดหนึ่งใกล้พลบขอหลบพัก
เห็นมวยซ้อมคึกคัก..ไม่ชักช้า
พบ..ครูเที่ยง เป็นคนสอนวิชา
นำมวยมาที่วัดเพื่อหัดซ้อม
๒๑.เข้าไปลานต่อสู้กราบครูเที่ยง
แต่ต้องเลี่ยงชื่อไว้เพราะไม่หอม
ใช้..ทองดี ทื่อๆเป็นชื่อปลอม
ครูก็ยอมรับไว้อย่างใจดี
๒๒.ทองดีฝึกมวยไทยด้วยใจรัก
ฝึกอย่างหนักหมกหมุ่นกว่ารุ่นพี่
จึงก้าวล้ำเกินหน้าเชิงชาตรี
ทั้งยังมีกตัญญูต่อครูบาฯ
๒๓.เชิงรับรุกทุกส่วนกระบวนบู๊
ต้องตาครูแต่ศิษย์เขาอิจฉา
จึงกลั่นแกล้งเพื่อที่จะบรีฑา
ร้องทายท้าอย่านิ่งเป็นกิ้งกือ
๒๔.ทองดีจำต่อสู้เพื่อกู้หน้า
ดับความอหังการ์กระเหี้ยนหือ
จนชื่อเสียงกระเดื่องเลื่องลือ
ว่าฝีมือครบเครื่องเป็นเรื่องราว
๒๕.ความไม่ชอบเคี้ยวหมากให้ปากหมอง
จึงฉายานายทองดีฟันขาว
รำคาญศิษย์คิดเคืองยืดเรื่องยาว
จึงต้องก้าวกราบลาท่านอาจารย์
๒๖.ด้วยหมายไปเรียนรู้จากครูเมฆ
เป็นศิษย์เอกเขาคงจะสงสาร
คอยเวลาหลุดพ้นจากคนพาล
จะเนิ่นนานยิ่งนักก็จักคอย
๒๗.ถึงคราจัดนมัสการศิลาอาสน์
เมื่อโอกาสนั้นบึ่งมาถึงจ้อย
เมื่อสงฆ์ชวนร่วมตามเดินข้ามดอย
เพื่อใช้สอยกลางทางระหว่างไพร
๒๘.เผื่อเจ็บไข้ได้ป่วยพอช่วยเหลือ
ปะสิงห์เสือขึ้นมาพออาศัย
ทองดีรีบขาบรับอย่างฉับไว
เพื่อหลบไปให้พ้นจากคนชัง
๒๙.ผ่านคืนค่ำย่ำย่างหลายสางตรู่
จนย่างสู่อาวาสดังคาดหวัง
พอว่างปลีกจากอารามตามลำพัง
เพราะเสียงดังเหง่งหง่างจากข้างวัด
๓๐.ยิ่งเข้าใกล้ไฟส่องยิ่งมองเห็น
การละเล่นเสื้อผ้าแปลกตาจัด
เห็นงิ้วจีนปีนป่ายรำร่ายชัด
จึงขนัดแน่นดูด้วยผู้คน
๓๑.ตีลังกาแคล่วคล่องกระบองยุทธ
ทองดีหยุดมองนิ่งเพราะยิ่งสน
แอบจดจำลีลาและท่ากล
แล้วฝึกฝนตีลังกาอย่างท่างิ้ว
๓๒.สำเร็จแล้วจึงมากราบลาพระ
สัมภาระใส่ย่ามไว้ยามหิว
มุ่งท่าเสา..เช้าใสแลไผ่ทิว
จะลอยลิ่วตามฝันแม้วันร้าย
๓๓.พบครูเมฆเร็วไวกว่าใจคิด
ได้เป็นศิษย์มวยไทยสมใจหมาย
เรียนแม่ไม้มากหมวดรู้ลวดลาย
เหงื่อโชกกายทุกหยดคืออดทน
๓๔.จึงตั้งหน้าตั้งตาชกอาชีพ
ต่อยแตะถีบจะแจ้งทุกแห่งหน
ความกำชัยมาพร้อมกับถ่อมตน
ทุกตำบลเลื่องลือจนชื่อดัง
๓๕.ในวัยสิบแปดปี..ราตรีนั้น
ในคอกกั้นควายงานที่ด้านหลัง
เมื่อครูเมฆหลับไหลไม่ระวัง
โจรเข้ายังคอกพักแล้วลักควาย
๓๖.นายทองดีรู้ข่าวแต่เช้าตรู่
จึงเร่งรีบช่วยครูจับผู้ร้าย
พบโจรไพรชั่วช้าจึงฆ่าตาย
อีกหนึ่งนายโดนจับเอากลับมา
๓๗.สร้างวีรกรรมดีจึงมีผล
นายตำบลตบรางวัลกำนัลค่า
ประกาศกิตติคุณชื่อให้ลือชา
ให้เงินห้าตำลึงอย่างซึ้งคุณ
......................................
สร้างชื่อ
๓๘.งานพระแท่นศิลาฯมาอีกครั้ง
ทองดีหวังครั้งนี้จะมีลุ้น
ได้ชกมวยหน้าประธานในงานบุญ
โดยเทียบรุ่นนักสู้ของครูนิล
๓๙.ชื่อนายถึก..ฝึกบู๊กับครูเฒ่า
เจอหมัดเข่าเข้าไปแทบไส้ปลิ้น
จะเตะตัดหมัดใดไม่ได้กิน
ลงนอนดิ้นนับสิบเพียงพริบตา
๔๐.ครูนิลมองดูศิษย์ชกผิดแผน
จะแก้แค้นด้วยความถูกหยามหน้า
ขึ้นเวทีแล้วขอต่อเวลา
ลองกับข้าสักหน่อยอย่าถอยไป
๔๑.ทองดีกราบบาทาขมาโทษ
เรื่องเคืองโกรธข้าฯนี้หามีไม่
หากมีพลาดมีพลั้งไม่ตั้งใจ
ขออภัยครูนิลใช่หมิ่นครู
๔๒.เสียงระฆังกังวานบอกการชก
ครูนิลเริ่มต้นยกเตะกกหู
ทองดีหลบได้ทันแล้วพันตู
ทำคนดูรู้สึกระทึกนัก
๔๓.ผลัดกันรับผลัดกันรุกทุกทุกยก
ทองดีชกครูนิลปัดหลบหมัดหนัก
ทองดีบี้เข้าใส่ไม่ให้พัก
ครูนิลชักหมดแรงยกแข้งช้า
๔๔.เจอชุดใหญ่ใช่แค่แต่แม่ไม้
ฟันศอกใส่เตะกวาดครูพลาดท่า
อาศัยคล่องทองดีตีลังกา
ตวัดขาลงฟาดแต้มขาดลอย
๔๕.ครูนิลพ่ายแพ้ทางอย่างราบคาบ
ทองดีกราบเท้าครูอย่างผู้น้อย
ครูนิลเอื้อมมือก้มลูบผมปอย
น้ำตาพลอยรินเทลงเวที
๔๖.เอ็งเก่งมากรู้ไหมลูกชายเอ๋ย
ข้าไม่เคยพบเห็นคนเช่นนี้
ทั้งนิสัยใจงามมีความดี
โอกาสมีจงแทนคุณแผ่นดิน
๔๗.จึงไร้มวยไหนโวมาโอหัง
จากทุ่งยั้ง ลับแล ยอมแพ้สิ้น
มวยเมืองฝางบางไหนถ้าได้ยิน
ไม่กล้าหมิ่นหมายลองสู้ทองดี
๔๘.จนสามเดือนเลื่อนผ่านไม่นานนัก
พระชวนชักเสี่ยงดวงตามหลวงพี่
จะพาไปสวรรคโลกเผื่อโชคมี
พบครูที่สอนวิชาศาสตราวุธ
๔๙.เมื่อแรมรอนร้อนรุ่มเหงื่อชุ่มโชก
รับลมโบกเหนื่อยนักก็พักหยุด
พบครูผู้แก่กล้าวิชายุทธ
ซึ่งฝึกบุตรเจ้าเมืองผู้เรืองนาม
๕๐.ทองดีไหว้อาจารย์ก้มกรานกราบ
ฝึกฟันดาบกันหมู่ศัตรูหยาม
ทุกสรรพวิชาพยายาม
จนครบสามเดือนเสร็จเคล็ดวิชา
๕๑.ด้วยความคิดจิตใจชอบใฝ่รู้
จะนั่งอยู่ไปไยช่างไร้ค่า
จึงกราบครูอีกครั้งหันหลังลา
แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่สุโขทัย
๕๒.ถึงสำนักมวยแท้จีนแต้จิ๋ว
นึกถึงงิ้วเคยฝึกก็ฝึกไหว
จึงสมัครเป็นศิษย์ด้วยติดใจ
เป็นของใหม่แปลกตาที่น่าลอง
๕๓.หมัดตั๊กแตน หมัดงูและหมัดเสือ
ทั้งมวยเหนือมวยใต้ฝึกได้คล่อง
หมัดกระเรียนร่ายรำได้ช่ำชอง
ไม่เป็นสองรองใครในวงการ
๕๔.ครูเห็นท่าทางเก่งจึงเร่งรัด
การออกหมัดการยืนมีพื้นฐาน
เร็วกว่าเพื่อนเดือนเดียวจึงเชี่ยวชาญ
ทำอาจารย์แต้จิ๋วยกนิ้วมือ
๕๕.ฝ่ายบุญเกิดกำพร้าผู้อาภัพ
ชมชอบกับท่วงท่าประสาซื่อ
เห็นการสู้รู้สึกอยากฝึกปรือ
ทั้งนับถือทองดีเหมือนพี่ชาย
๕๖.จึงฝากตัวตามติดเป็นศิษย์วัด
ฝึกต่อยหมัดเตะขาคิดว่าง่าย
มันปวดเหน็บเจ็บแปลบเหนื่อยแทบตาย
คงอับอายถ้าหยุดแค่จุดนั้น
๕๗.อาศัยวัดธานีเป็นที่หลับ
คอยดูแลสำรับสำหรับฉัน
ออกตามพระบิณฑบาตไม่ขาดวัน
ต่างแข็งขันช่วยงานชาวบ้านรัก
๕๘.จนหกเดือนผ่านไวเหมือนสายฟ้า
มีพ่อค้าเมืองตากผู้มากศักดิ์
เห็นทองดีฝีมือสมชื่อนัก
จึงชวนชักไปตากเพื่อฝากตัว
๕๙.ว่าท่านพระยาตากนั้นอยากได้
คนหัวใจกล้าตายถวายหัว
ทั้งเดินทางกลางป่านั้นน่ากลัว
พวกสัตว์ชั่วสิงห์เสือมากเหลือเกิน
๖๐.ถ้าได้ท่านร่วมทางไปกลางเถื่อน
พอเป็นเพื่อนช่วยเราข้ามเขาเขิน
ช่วยระวังเสือซุ่มเมื่อดุ่มเดิน
เราขอเชิญทั้งสองจงตรองดู
๖๑.ฝ่ายทองดีรับปากไปตากด้วย
วิชามวยไม่พอจะต่อสู้
ถ้าเจอะเสือสารพัดหรือศัตรู
ใช้ดาบคู่มีดคมระดมแทง
๖๒.แล้วกองเกวียนน้อยน้อยก็คล้อยเคลื่อน
มีดาวเดือนรำไรพอให้แสง
น้ำค้างกลางคืนค่ำก็ฉ่ำแรง
เสียงแมลงจักจั่นสนั่นดง
๖๓.คืนนั้นจันทร์สีทองงามผ่องใส
สุมฟืนไฟแผดเผาเป็นเถ้าผง
เมื่อเหนื่อยล้าตาหลับไฟดับลง
เงาหนึ่งตรงออกมาจากป่าลึก
๖๔.มันย่องย่างเหยียบหญ้ามองหาเหยื่อ
คือแม่เสือตัวใหญ่จากไพรพฤกษ์
ทุกคนหลับคุดคู้ไม่รู้สึก
มิระทึกมัจจุราชลายพาดกลอน
๖๕.กัดฝังเขี้ยวจมแข้งออกแรงลาก
ฉุดกระชากถึงกระดูกเพื่อลูกอ่อน
ร่างบุญเกิดเลือดสาดแทบขาดรอน
ปลุกคนนอนตกใจเสียงใครกัน
๖๖.ทองดีตื่นลืมตาแล้วคว้าดาบ
คมมีดปลาบเปลือยปลายมือไม้สั่น
เห็นคราบเลือดเดือดแดงจากแสงจันทร์
กูจะหั่นหัวมึงให้ถึงตาย
๖๗.โถมทะยานว่องไววิ่งไล่เสือ
เลือดและเนื้อน้องข้ามึงอย่าหมาย
วิ่งเร่งไล่ใกล้ติดประชิดกาย
แม่เสือคายน้อง..มองแต่ทองดี
๖๘.มันพุ่งร่างเข้าแลกแล้วแยกเขี้ยว
มุ่งจะเคี้ยวขบเอ็นให้เป็นผี
ปลายดาบแหลมเลือกแทงเข้าทันที
เลือดเสือสีเข้มคลักทะลักล้น
๖๙.เสือร้ายสิ้นศักดิ์ศรีหนีเตลิด
แต่บุญเกิดแผลฉกรรจ์ไขมันข้น
ทองดีหาผ้ากดจงอดทน
พอข้ามพ้นป่าเราก็เข้าเมือง
๗๐.ฝ่ายพ่อค้าตระหนกตกใจมาก
เร่งเข้าตากก่อนแจ้งจะแสงเหลือง
ถึง วัดใหญ่ ไก่ขันตะวันเรือง
รักษาเบื้องต้นก่อนคงผ่อนเบา
๗๑.ทองดีรีบเข้าหาเจ้าอาวาส
น้องข้าฯอาจตายแน่ถ้าแผลเน่า
โปรดเถิดหนอขอแค่แผลทุเลา
รักษาเขาได้ไหมเหมือนให้ทาน
๗๒.พระเห็นแผลแย่หนักช่วยรักษา
ด้วยตัวยาสมุนไพรหลายขนาน
ค่อยดีขึ้นช้าช้าตามอาการ
เนื้อสมานหมดหนองก็สองเดือน
๗๓.ส่วนทองดีรับใช้อยู่ในวัด
ช่วยพระจัดล้างจานกวาดลานเปื้อน
บุญเกิดมองพี่มาน้ำตาเยือน
พี่คือเพื่อนทุกทียามมีภัย
๗๔.ข้ากำพร้าพ่อแม่เหมือนแพแตก
ถึงทางแยกแปลกเปลี่ยวจะเลี้ยวไหน
พอมีพี่เหมือนพ่อคอยหล่อใจ
ได้เกิดใหม่บนถนนของคนดี
๗๕.จะลำบากยากแค้นแสนสาหัส
พี่ไม่ตัดช่องน้อยแล้วถอยหนี
ทุกครั้งที่ตัวข้าถูกราวี
มีเพียงพี่วิ่งถลำเข้ากำบัง
๗๖.เมื่อคราถูกเสือใหญ่ลากไปเคี้ยว
พี่คนเดียวเข้าประจัญไม่หันหลัง
เห็นพี่ทุกข์ตรากตรำเกินกำลัง
ข้าเกินรั้งน้ำตารินบ่ารด
๗๗.แม้ข้าไปไม่ถึงเท่าครึ่งพี่
แต่ความดีของข้าจะปรากฏ
ถ้าพี่ล้าจาบัลย์หรือรันทด
ชีพบุญเกิดทั้งหมดขอทดแทน
๗๘.ข้าเจ็บเพียงพิษแผลที่ผ้าผูก
แต่กระดูก สมองและสองแขน
ไม่ยอมให้ใครหลู่หรือดูแคลน
ยังหนักแน่นเข้มข้นเช่นคนไทย..
..............................................
ฝากตัว
๗๙.งานถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
ถึงเวลาจึงจัดที่วัดใหญ่
พระยาตากอยากเพิ่มเฉลิมชัย
ท่านชอบใจเรื่องหมัดจึงจัดมวย
๘๐.ฝ่ายทองดีเดินผ่านงานฉลอง
สงสารน้องแต่หลังที่ยังป่วย
ถ้าข้าหาเงินได้แม้ไม่รวย
ก็พอช่วยเหลือน้องซื้อของกิน
๘๑.มาคัดตัวมัวมองนายกองนั่ง
คนอีกฝั่งสง่ามากคง..ตากสิน
ข้าวิ่งตามความหวังอย่าพังภินท์
ขอฟ้าดินช่วยข้าโปรดปราณี
........................................
๘๒.มากมวยจัดผลัดเปลี่ยนขึ้นเวียนชก
แต่ละยกต่อสู้อย่างคู่คี่
คราวโฆษกประกาศก้องชื่อ..ทองดี
ทั้งเวทีเงียบกริบในพริบตา
๘๓.พระยาตากขยับจ้องแล้วจึงกล่าว
เรียกครูห้าวขึ้นตีจะดีกว่า
กูยินชื่อเล่าขานมึงนานมา
เมื่อพบหน้าวันนี้ยินดีนัก
๘๔.ฝ่ายครูห้าววันทาพระยาตาก
ใจก็อยากประลองกับของหนัก
ได่ฆ่าหมูรู้สึกว่าคึกคัก
ร่างราวยักษ์แน่นตันจึงมั่นใจ
๘๕. สวรรคโลกนั่นเอ็งอาจเก่งมาก
แต่มวยตากเมืองนี้ใช่ขี้ไก่
เข้ามาเถิดกูจะช่วยสอนมวยไทย
ให้กลับไปฟ้องแม่ว่าแพ้กู
๘๖.ระฆังดังยกแรกจะแลกหมัด
ทองดีถัดถอยไปเหมือนไม่สู้
ครูห้าวหมายเข้าชนอวดคนดู
ทองดีรู้หลบฉากไม่อยากทำ
๘๗.ครูห้าวก้าวเท้าใส่ถีบให้ร่วง
เจอหักงวงไอยราจนหน้าคว่ำ
โดดข้ามหัวตัวเบาเอาเข่าตำ
หยดเลือดกำเดาเลอะไหลเปรอะพื้น
๘๘.ลุกขึ้นมึนราวว่าไก่ตาแตก
หนังหัวแยกเลือดนองแต่ต้องฝืน
จุกเหน็บเจ็บจมูกเหมือนถูกปืน
ล้มทั้งยืนเปะปะต้องประคอง
๘๙.ทองดีกราบหมายว่าขมาโทษ
มิเคยโกรธแม้หลู่ข้าผู้น้อง
ถ้าวันหน้าพบก็ขอปรองดอง
อย่าได้จองเวรเคืองแค้นเรื่องเรา
๙๐.เสียงปรบมืออึกทึกดังกึกก้อง
ยิ่งยกย่องศรัทธามวยท่าเสา
พระยาตากว่าไอ้นี่ไม่เบา
ดังคำเขาแซ่ซ้องว่าของจริง
๙๑. กูจะให้มึงสู้กับครูหมึก
ผู้รู้ลึกแม่ไม้และใจสิงห์
ถ้ากำชัยเหนือครูสมคู่ชิง
กูจะยิ่งใจกว้างตบรางวัล
๙๒.ครูหมึกไม่ประมาทเกรงพลาดท่า
กราบพระยาตาก..ใจมิได้หวั่น
คนดูไม่กล้าเพิ่มวางเดิมพัน
ต่างใจสั่นเหงื่อออกตามซอกมือ
๙๓.ครูหมึกก้าวขึ้นมาทำหน้าที่
ฝ่ายทองดีไหว้กลับยอมนับถือ
ครูหมึกยกขาย่างคนครางฮือ
ร้องเสียงอื้ออึงมี่ต่อลีลา
๙๔.สาดแม่ไม้มวยไทยกันไม่หยุด
ออกอาวุธหนักแน่นดังแผ่นผา
เข้าห้ำหั่นฟันต่อฟันตาต่อตา
คนหนึ่งล่าคนหนึ่งรับสลับตัว
๙๕.ครูหมึกหมายกำจัดด้วยหมัดต่อย
ทองดีลอยเท้าตามโดดข้ามหัว
ฟันศอกหลังข้างเอวอย่างเร็วรัว
ครูหมึกมัวหันช้าเสียอาการ
๙๖.แล้วโดดตีลังกาเอาขาฟาด
ครูหมึกพลาดล้มลงน่าสงสาร
ต้องพายุเข่าคมจนล้มคลาน
พิสดารผิดตำรา..โยนผ้าแพ้
๙๗.พระยาตากหัวร่ออย่างพออก
ดูการชกของเอ็งน่ะเก่งแน่
เถอะมาอยู่กับกูจะดูแล
จนมึงแก่มึงเฒ่าเป็นเจ้าคน
๙๘.ทองดีกราบวันทาพระยาตาก
ข้าฯข้ามขวากหนามชะตาโกลาหล
ข้ากับน้องท่องมาประสาจน
ขอฝากตนรับใช้เป็นไพร่เลว
๙๙.แล้วกราบเท้าครูหมึกหลังศึกสู้
ขอบคุณครูไม่ส่งข้าลงเหว
ข้าได้ครูช่วยส่งขึ้นองค์เอว
คงแหลกเหลวถ้าท่านไม่อั้นเท้า
๑๐๐. ทองดีเอ๋ย..ถ่อมตนเถิดคนกล้า
ข้าสิปราชัยแน่เพราะแพ้เจ้า
ฝีมือคือเหล็กใส่อยู่ในเตา
อยู่ที่เบ้าเลือกหล่อเป็นรูปใด
๑๐๑.เมื่ออาสาช่วยชาติอย่าขลาดเขลา
ดาบของเจ้าอยู่ในฝักรู้จักใช้
มีศรัทธาสติและวินัย
ดำรงไว้ซึ่งธรรมนั้นจำเป็น
............................................
๑๐๒.เพราะเดินทางปางตายมาหลายครั้ง
คว้าความหวังแห่งไหนมองไม่เห็น
เคยท้องอิ่มท้องอดเช้าจรดเย็น
ความแร้นเข็ญคงอยู่ดั่งคู่ครอง
๑๐๓.ข้าไม่เคยหมายมาดวาสนา
โชคชะตาข้าสร้างด้วยมือสอง
กี่หยดเหงื่ออดทนที่หล่นนอง
ไม่เคยร้องให้ค่อนว่าอ่อนแอ
๑๐๔.พรสวรรค์บันดาลจากงานหนัก
ข้าหลงรักมวยมากรองจากแม่
จะลำบากพากเพียรไม่เปลี่ยนแปร
รอวันแค่ออกดอกและงอกเงย
๑๐๕.วันนี้ข้าขึ้นฝั่งได้ดังคาด
รับใช้ชาติบ้านเกิดอย่างเปิดเผย
จะคืนเรือนหลังอุ่นที่คุ้นเคย
แม้วันเลยคืนค่ำยังคำนึง
............................................
๑๐๖.ทองดีน้อมกายนอบยังหมอบกราบ
ความซึ้งซาบรินล้นจากก้นบึ้ง
เงินรางวัลรับมาห้าตำลึง
ไม่เทียบถึงรางวัลฐานันดร
๑๐๗.ได้ทำงานรับใช้อย่างใกล้ชิด
เรื่องถูกผิดท่านยังเฝ้าสั่งสอน
ไม่ถือมีดรีดนาประชากร
ราษฎรรักท่านอย่างมั่นคง
๑๐๘.จนทองดีอายุยี่สิบเอ็ด
ท่านบวชให้สำเร็จเป็นพระสงฆ์
นอกจากศึกษาธรรมให้ดำรง
ยังชี้บ่งถึงวัยเติบใหญ่แล้ว
๑๐๙.พอครบหนึ่งพรรษาก็ลาสึก
ในส่วนลึกเมตตาและกล้าแกล้ว
เมื่อมีธรรมนำชี้ก็มีแนว
จ้ำเรือแจวชีวิตไม่ผิดทาง
๑๑๐.เยือนเคหาพระยาตากหลังจากนั้น
อกไหวหวั่นสะเทือนทั้งเรือนร่าง
เมื่อเห็นนางหนึ่งทรงเอวองค์บาง
รับใช้ข้างเมียนายชะม้ายมอง
๑๑๑.ทั้งรูปหน้างามแปลกเมื่อแรกพบ
พอได้สบตานางเหมือนกวางจ้อง
เพียงเดินผ่านพาลให้หัวใจพอง
มิอยากดองดอกสาวแม่บ่าวนาย
๑๑๒.แค่หัวใจข้านั้นมันประหม่า
ได้กินยาสักหม้อเดี๋ยวก็หาย
ด้วยชีวิตนักสู้ลูกผู้ชาย
มิเคยพ่ายอารมณ์ต่อคมตา
๑๑๓.เสียงคนเรียกดังดังอีกฝั่งฟาก
พระยาตากนายใหญ่ท่านให้หา
จึงเดินเลี่ยงเบี่ยงบ่ายหลบชายคา
มิรู้ว่านารีแอบมีใจ..
๑๑๔.ขณะนั่งคุยงานอยู่ด้านหนึ่ง
ใจกลับบึ่งถึงบ่าวแม่สาวใช้
หรือเทพท่านนั้นเล่นพิเรนใด
มาแกล้งให้ตัวข้าอุราคลอน..
๑๑๕.พอค่ำคืนตื่นตานิจจาเอ๋ย
ไฉนเลยอกหนุ่มจึงรุ่มร้อน
ข้าร่อนเร่ซัดเซพเนจร
มีเรือนนอนคุ้มกะลานับว่าบุญ
๑๑๖.จะหมายน้าวสาวใช้มาใกล้ชิด
เกรงจะผิดเป็นไพร่ใจสถุน
จะอกตัญญูไม่รู้คุณ
กินข้าวอุ่นขี้พังบนหลังคา
๑๑๗.จึงตัดใจไม่คิดให้ผิดผี
ทำหน้าที่ราชการไม่นานช้า
ก็ได้รั้งยศหนักศักดินา
เป็นหลวงพิชัยอาสาจอมชาตรี
๑๑๘.จะเลือกสรรภรรยาก็หายาก
พระยาตากอาสาทำหน้าที่
เห็นสนใจศาสตรากว่านารี
ไม่นานนี้ถึงศกต้องตกลง
๑๑๙.วันหนึ่งเรียกทองดีมาที่บ้าน
ท่านต้องการให้ทำตามประสงค์
กูจะยกนางบ่าวสาวรำยง
ให้มึงจงจัดแจงเร่งแต่งงาน
๑๒๐.พวกมึงปิดบังใครเขาไม่รู้
แต่ตากูแค่มองไม่ต้องอ่าน
เห็นมึงสบสายตากันมานาน
กูน่ะผ่านมามากไม่อยากเดา
๑๒๑.หลวงพิชัยอาสาน้ำตาอาบ
จึงก้มกราบท่านพระยาฯแทบฝ่าเท้า
ท่านเข้าใจไม่มองข้ามสองเรา
ท่านคือเจ้าชีวิตไม่ผิดแล้ว.
..........................................
ยามศึก
๑๒๒.ลมแห่งความสุขสงัดได้พัดผ่าน
บ้านสู่บ้านยินเพียงแต่เสียงแผ่ว
อโยธยาฟ้าพราวและดาวแพรว
จงคลาดแคล้วจากเหตุอาเพศภัย
๑๒๓.ข่าวพม่าเตรียมการจากสาส์นลับ
จัดกองทัพแกร่งฉกาจน่าหวาดไหว
จะเข้าบดขยี้ธานีไทย
ให้บรรลัยแหลกลาญทั้งบ้านเมือง
๑๒๔.หรือเหตุนี้นกกาจึงลาคบ
อพยพหลบภัยเหมือนไม่เชื่อง
หรือเหตุนี้สีโสมเคยโคมเรือง
จากสีเหลืองจึงเดือดดุจเลือดนอง
๑๒๕.แหละปรากฏโบสถ์ร่อยมีรอยแยก
เสียงนกแซกกลางดึกดังกึกก้อง
ดวงเนตรพระปฏิมาดุจทาทอง
กลับเกิดร่องรอยฉ่ำแห่งน้ำตา
๑๒๖.เป็นลางร้ายร้ายแรงทุกแห่งหน
เมื่อผู้คนอกสั่นขวัญผวา
ขอผู้ครองปฐพีจงปรีชา
นำนาวาถูกทิศไม่ผิดทาง
...........................................
๑๒๗.พระยาตากตั้งสติไม่วิตก
ความสะทกไพรีอาจมีบ้าง
อโยธยาไร้เกราะจึงเปราะบาง
ทั้งเพิ่งสร่างศึกเส้าของเจ้านาย
๑๒๘.ทองดีเอ๋ยจงนั่งแล้วฟังข้า
อโยธยาเมืองทิพย์ใกล้ฉิบหาย
พ่ออยู่หัวสวรรคตจึงหมดลาย
ทั้งเรื่องร้ายแรงสุมรุมประดัง
๑๒๙.เมื่อเจ้าฟ้าอุทุมพรทรงร้อนฉัตร
เป็นกษัตริย์สิ้นศักดิ์ถูกหักหลัง
ขุนขี้เรื้อนเชษฐาผู้น่าชัง
แย่งบัลลังก์ผู้น้องเข้าครองเมือง
๑๓๐.ทรงกริ้วโกรธเชษฐาก็หาไม่
เพราะพระทัยศรัทธาในผ้าเหลือง
จึงสละเวียงวังบัลลังก์เรือง
ละทิ้งเรื่องทางโลกเพื่อโมกธรรม
๑๓๑.ทุกแควคุ้งกรุงศรียามนี้เอย
ถูกละเลยปล่อยปละล้วนระส่ำ
ไทยรันทดหดหู่ร้างผู้นำ
เหล่าไพร่ฟ้าตาดำดำจึงลำเค็ญ
๑๓๒.ถ้ามิเชื่อคำกูคอยดูเถิด
ว่าจะเกิดแร้นแค้นจนแสนเข็ญ
หากหัวเมืองบริวารซ่านกระเซ็น
จะแยกเป็นอิสระให้ระวัง
๑๓๓.แหละถ้าพม่ากรีฑาทัพ
ใครจะรับร่วมรบตลบหลัง
ใครจะส่งคนเสริมเติมกำลัง
กรุงจะพังพินาศอนาถนัก
๑๓๔.ทั้งขุนนางใหญ่น้อยก็ถ่อยเหลือ
รีดนาเถือชาวบ้านเป็นการหนัก
พวกสอพลอเข้ามาสวามิภักดิ์
ไม่เหลือหลักเมตตาธรรมาบาล
๑๓๕.มเหสีราชายังสามารถ
มีอำนาจถึงขั้นสั่งประหาร
จะหาใครคอยอุ้มคุ้มกบาล
กูสงสารผู้คนที่ทนทุกข์
๑๓๖.กูได้ข่าวกำนันฉกรรจ์กล้า
ผู้ปกครองประชาอย่างผาสุก
คงเห็นโพยภัยพาลที่รานรุก
จึงปลอบปลุกชาวบ้านร่วมต้านภัย
๑๓๗.ไปตั้งค่ายบางระจันที่ชั้นนอก
เตรียมดาบหอกปืนผาและหน้าไม้
กูซาบซึ้งเลือดข้นของคนไทย
กูร้องไห้เมื่อหูของกูยิน
๑๓๘.เขาทิ้งบ้านร้านช่องไร้กองทัพ
มีมือกับใจแกร่งดุจแท่งหิน
มีความรักหวงแหนผืนแผ่นดิน
แหละมีวิญญาณไทยที่ไม่แพ้
๑๓๙.มึงจงหมั่นฝึกซ้อมให้พร้อมรบ
เราคงพบศึกมหันต์เร็ววันแน่
จงตามกูให้ติดประชิดแจ
และบอกแม่รำยงให้จงรู้
..........................................
๑๔๐.ในสวนครึ้มไม้เขียวร้างเรียวหญ้า
กระดังงาหอมจัดเมื่อทัดหู
หลวงพิชัยฯสวมกอดยอดพธู
ยืนเคียงคู่ข้างเนินอย่างเนิ่นนาน
๑๔๑.รำยงเอ๋ยยามนี้กลียุค
เราฤๅสุขสองคนอยู่บนบ้าน
พี่เป็นข้ารองบาทราชการ
ต้องกล้าหาญใช่อยู่อย่างดูดาย
๑๔๒.ต้องติดตามพระยาตากต่อจากนี้
โถน้องพี่จากกันคงขวัญหาย
ห่วงแต่เจ้าบุญปลูกกับลูกชาย
ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะย้อนคืน
๑๔๓.รำยงยั้งน้ำตาจงอย่าไหล
ซ่อนเก็บไว้แม้เพียงเสียงสะอื้น
ทั้งความชอกความช้ำนางกล้ำกลืน
เงยหน้าฝืนทำเฉยแล้วเอ่ยคำ
๑๔๔.อย่าห่วงหลัง..ตั้งใจเพื่อไทยเถิด
แผ่นดินเกิดถ้ามีไพรีย่ำ
คงกุดหัวตีกรอบเข้าครอบงำ
เราต้องทำทุกทางเพื่อขวางมัน
๑๔๕.กระดังงาดอกนี้น้องพลีให้
พี่เก็บไว้แทนน้องต่างของขวัญ
น้องจะคอยพี่กลับคอยนับวัน
เป็นคำมั่นมอบให้จากใจน้อง
..............................................
๑๔๖.พระยาตากรีบมุ่งเข้ากรุงศรีฯ
มิคิดลี้บอกปัดหรือขัดข้อง
มีรับสั่งเข้าเฝ้าทูลละอองฯ
รับสนองพระราชโองการ
๑๔๗.ให้ครอง กำแพงเพชร สมเด็จสั่ง
โดยแต่งตั้งยศศักดิ้เป็นหลักฐาน
เป็นพระยาวชิรปราการ
เพื่อช่วยงานต้านพม่าสู่ธานี
๑๔๘.หลวงพิชัยอาสามาสมทบ
หวังช่วยรบพม่าเต็มหน้าที่
จนวันพม่าโหมเข้าโจมตี
ปฐพีสะเทือนเมื่อเคลื่อนทัพ
๑๔๙.ตีหัวเมืองแหลกลาญจากด้านเหนือ
พลีเลือดเนื้อไทยเซ่นตายเป็นตับ
ที่ไร้กองกำลังจะตั้งรับ
เกรงย่อยยับต้องยอมประนอมความ
๑๕๐.คงมีเพียงบางระจันที่ขันสู้
พวกศัตรูทั้งกองกลับมองข้าม
จึงแพ้ง่ายพ่ายพลาดประมาทนาม
พม่าย่ามใจนักก็ชักเกรง
...............................................
๑๕๑.อีกพวกพร้อมรบพุ่งล้อมกรุงศรีฯ
มุขมนตรีขุนพลและคนเก่ง
เข้าสั่งไพร่รี้พลด้วยตนเอง
ใช่ร้องเพลงเฉิดฉายอยู่ในวัง
๑๕๒.ยิงปืนใส่ข้าศึกดังกึกก้อง
แต่เสียงร้องสนมนางที่ข้างหลัง
ทำให้องค์ราชาละล้าละลัง
จึงรับสั่งทั้งหมดให้ลดปืน
๑๕๓.เป็นคำสั่งราชาใครกล้าขัด
จะถูกตัดหัวฝังถ้ายังขืน
ทหารกล้ากำยำต้องกล้ำกลืน
ที่ยิ้มชื่นมีเพียงพวกสอพลอ
๑๕๔.หลวงพิชัยอาสา พระยาตาก
เหมือนเป็นหมากไร้แรงจะแข็งข้อ
เหลียวไปไหนไพร่ฟ้าน้ำตาคลอ
ราวนั่งรอปัจจามิตรอนิจจา
๑๕๕.พระยาตากจาบัลย์จนรันทด
เลือดทุกหยดของเราถึงเจ้าฟ้า
ควรพลีเพื่อชีวิตชาวประชา
และแผ่นดินอโยธยาที่ข้ารัก
๑๕๖.เมื่อบ้านเมืองถึงกาลจะลาญแหลก
พระยาตากตีแหวกยอมแตกหัก
รวมนายกองทั้งหลายแล้วบ่ายพักตร์
ไปตั้งหลักก่อนกลับมากู้กรุง
๑๕๗.ขณะที่อโยธยาฟ้าพิโรธ
พม่าโฉดเผาผลาญจนควันคลุ้ง
จากวังวัดเคยงามยามบำรุง
จนฉางยุ้งแหลกเหลวกลางเปลวไฟ
๑๕๘.ร่ำเสียงร้องรวดร้าวปนคาวเลือด
แผ่นดินเดือดคลุ้มคลั่งกว่าครั้งไหน
เพราะเคียดแค้นชิงชังคนฝั่งไทย
จะไม่ให้กลับคืนมาฟื้นตัว
๑๕๙.ทุกหย่อมหญ้าท่าคลองเป็นกองศพ
ใครจะกลบฝังเร้นไม่เห็นหัว
แม้องค์พระพิสุทธิ์ดุจดอกบัว
ยังหม่นมัวด้วยเขม่าจากเถ้าเพลิง
๑๖๐.หลวงพิชัยอาสาเพลานั้น
บ่ายหน้าหันมองมาน้ำตาเจิ่ง
วันนี้กูผู้น้อยยังด้อยเชิง
มึงอย่าเหลิงได้ใจพวกไพรี
๑๖๑.แผ่นดินนี้กูอยู่แต่ปู่ย่า
กูบูชาแทบเท้าทุกเถ้าผี
ที่น้ำใสรินและดินดี
ทวดกูพลีร่างยุ่ยเป็นปุ๋ยดิน
๑๖๒.จะเปลวไฟไหม้โหมถึงโดมฟ้า
ใช่หมายว่าวิญญาณไทยลาญสิ้น
ต่อให้มึงสับปีกกูฉีกกิน
กูจะดิ้นจากสรวงมาทวงแค้น
๑๖๓.กองทหารอาสา พระยาตาก
จำใจจากเมืองหลวงที่หวงแหน
รอวันกลับคืนถิ่นทวงดินแดน
จึงวางแผนกอบกู้และสู้ตาย
๑๖๔.ต้องรวบรวมคนดีหาที่มั่น
มีเมืองจันทบุรีเป็นที่หมาย
ไม่มีแบบแยบยลกลอุบาย
นอกจากกาย ใจ สมอง กับสองมือ
๑๖๕.พวกพี่น้องแห่งกูและผู้กล้า
ทางข้างหน้าตีบตันกระนั้นหรือ
จงตีฝ่าหักเอาให้เล่าลือ
ว่าเราคือวีรชนแห่งคนไทย
๑๖๖.เราคนน้อยด้อยแรงแต่แกร่งกว่า
เมื่อท้องฟ้ามืดดับเดือนหลับไหล
ใช้สองตีนปีนป่ายเข้าภายใน
แล้วกำชัยเมืองจันท์ในทันที
๑๖๗.จงทำลายหม้อดินหลังกินข้าว
พอห้วงหาวเช้ารุ่งวันพรุ่งนี้
ไปกินข้าวให้เอมให้เปรมปรีดิ์
ในเมืองจันทบุรีเถิดพี่น้อง
๑๖๘.พระยาตากเรียกขวัญอย่างขันแข็ง
เรียกเรี่ยวแรงกำลังคนทั้งผอง
เหล่าขุนศึกขวาซ้ายและนายกอง
ต่างโห่ร้องขนลุกกันทุกคน
๑๖๙.ตีเมืองจันท์ได้เสบียงพอเลี้ยงทัพ
หอกดาบกับปืนผาใส่บ่าขน
ยกกองเรือกลับหลังตีฝั่งธน
สัมฤทธิ์ผลสมจิตพิชิตชัย
๑๗๐.ฝ่ายสุกี้นายกองของพม่า
ข่าวพระยาตากนั้นทำหวั่นไหว
อยู่รักษากรุงศรีฯธานีไทย
จึงสั่งให้ มองหย่า ตั้งท่ารับ
๑๗๑.มาตั้งค่ายบ้านพะเนียดอย่างเคียดแค้น
แต่เจอแผนราวีถูกตีกลับ
หลวงพิชัยฯควบม้านำหน้าทัพ
มองหย่ายับย่อยแหลกแตกกระเจิง
๑๗๒.แล้วบุกต่อตีค่ายโพธิ์สามต้น
สุกี้จนทางไปหมดไฟเหลิง
จะตีหลวงพิชัยฯให้เปิดเปิง
ถูกสอนเชิงตีกลับต้องอับอาย
๑๗๓.เหยียบแผงอกยืนค้ำมือกำดาบ
หลังจากปราบสุกี้ไพรีพ่าย
ส่งนายกองใจทรามสู่ความตาย
จบสิ้นค่ายพม่าแต่ครานั้น
๑๗๔.เชิญพระยาตากมุ่งกลับกรุงฟ้า
อโยธยาเคยงามในความฝัน
แต่บัดนี้เหลือฝากเป็นซากควัน
ใช่สวรรค์นครดังก่อนมา
๑๗๕.พระยาตากเศร้าสลดแสนหดหู่
จะกลับกู้สร้างใหม่ดูไร้ค่า
เหลือทรัพย์น้อยหน่อยเดียวเกินเยียวยา
ทั้งพาราอาพาธและขาดแคลน
๑๗๖.ธนบุรีเหมาะกับจะรับช่วง
เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของไทยแคว้น
จึงแต่งตั้งสถาปนาขึ้นมาแทน
สร้างปึกแผ่นทุกผู้ได้อยู่กิน
๑๗๗.แล้วปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์
อัตคัตอาภัพทั้งทรัพย์สิน
ยืมเงินจีนสำเภาเพื่อด้าวดิน
พระภูมินทร์ทรงทำอย่างจำเป็น
๑๗๘.ใครจะรู้ความในพระทัยท่าน
เมื่อในบ้านเมืองแมนนั้นแสนเข็ญ
ชาวประชาทุกหมู่ต้องอยู่เย็น
ทรงซ่อนเร้นข่มจิตจำปิดบัง
..............................................
๑๗๙.ตั้งหลวงพิชัยอาสาผู้สามารถ
เป็นจมื่นไวยวรนาถเกินคาดหวัง
ตำแหน่งเอกองครักษ์พิทักษ์วัง
คุมกำลังทหารชำนาญรบ
๑๘๐.มีบุญเกิดติดตามในยามศึก
ร่วมผนึกแว่นแคว้นในแผ่นภพ
ปราบหัวเมืองใหญ่น้อยค่อยสงบ
มาสยบใต้ธนบุรีฟ้า
๑๘๑.เพื่อร่มเย็นทั้งเขตเศวตฉัตร
ราษฎร์และรัฐยิ้มหัวกันทั่วหล้า
จหมื่นไวยฯเลื่อนชั้นขึ้นทันตา
เป็น พระยาสีหราชเดโช
...........................................
ปราบก๊กเจ้าพระฝาง
๑๘๒.เจ้าพระฝางก๊กใหญ่เป็นภัยเหลือ
อยู่ภาคเหนือหมายหักยากอักโข
มีทหารมากมายทัพใหญ่โต
ทั้งยโสศักดิ์ศรีและฝีมือ
๑๘๓.พระเจ้าตากทรงคิดพิชิตศึก
อย่างแยบลึกจัดทัพน่านับถือ
วางกำลังขุนศึกเคยฝึกปรือ
เพื่อไว้ชื่อเกียรติยศให้งดงาม
๑๘๔.แล้วเคลื่อนทัพเดินทางไปกลางทุ่ง
ผ่านคลองคุ้งโคกเนินต้องเดินข้าม
นอนกลางดินกลางป่าและอาราม
ไม่ครั่นคร้ามลำเค็ญทั้งเย็นร้อน
๑๘๕.คืนนั้นจันทร์เหลืองเข้มโตเต็มฟ้า
กระดังงารวยรินส่งกลิ่นอ่อน
เจ้าพระยาสีหราชฯยังวาดกลอน
ถึงบังอรรำยงที่ยังไกล
๑๘๖. กระดังงากลีบฝ่อในห่อพก
พี่แนบอกซ้ายอยู่เจ้ารู้ไหม
นอนกอดดาบสาบเสื้อเป็นเหงื่อไคล
มีเพียงใจคอยนับวันกลับเรือน
๑๘๗.จากตากยังกรุงธนใช่พ้นเคราะห์
อาจเป็นเพราะชะตายังป่าเถื่อน
จะกรำศึกไพรีกี่ปีเดือน
จะได้เยือนกรุงธนหาคนงาม
๑๘๘.จงบอกลูกเถิดอย่าลืมหน้าพ่อ
เคยขี่คอถามคำร้อยคำถาม
พี่เคยตอบเจ้าหนูให้รู้ความ
พอถึงยามห่างเจ้าจึงเหงานัก
......................................................
๑๘๙.แล้วรอนแรมลานร้างถึงทางโล่ง
ผ่านป่าโปร่งทุ่งหญ้าถึงป่าสัก
เข้าเมืองฝางถึงจุดต้องหยุดพัก
เสียงคึกคักก้องกู่อยู่ไกลไกล
๑๙๐.เจ้าพระฝางย่างทัพขยับเคลื่อน
ดินสะเทือนฝุ่นกระจายใบไม้ไหว
ฝ่ายเสือหมอบแมวเซาส่งข่าวไว
ว่าโพยภัยในหลืบเริ่มคืบคลาน
๑๙๑.เจ้าฝางคงรู้ข่าวพระเจ้าตาก
จะถอนรากถอนโคนถึงโหลนหลาน
จึงทัพใหญ่หมายมั่นประจัญบาน
ณ ทุ่งลานโล่งแล้งและแห้งเกรียม
๑๙๒.ชักม้าศึกตีกลองแล้วร้องโห่
แล้วตั้งโล่ห์บังตาสีหน้าเหี้ยม
พระเจ้าตากรู้จังหวะทรงตระเตรียม
หลาวไม้เสี้ยมแหลมเปี้ยบจะเสียบซ้ำ
๑๙๓.พลธนูบังหลาวแล้วน้าวศร
ลูกดอกร่อนเร็วถลาจนคราคร่ำ
ทหารฝางต้องคมล้มคะมำ
เลือดสีคล้ำข้นคลั่กทะลักริน
๑๙๔.เจ้าพระฝางเสียทีจะตีโต้
ขนาดโลห์กั้นยาวยังด่าวดิ้น
สั่งทหารยิงธนูให้กูยิน
กูจะกินเลือดไทยทุกไพร่พล
๑๙๕.จึงปล่อยสายส่งธนูขึ้นสู่หาว
ลูกศรพราวมืดฟ้าราวห่าฝน
อีกฝ่ายกั้นโล่ห์รอบคลุมครอบตน
จึงรอดพ้นศรลิ่มที่ทิ่มแทง
๑๙๖.เจ้าพระฝางหมางจิตที่ผิดพลาด
ความเกรี้ยวกราดล้นเอ่อจนเผลอแผลง
สั่งพลม้าบุกกระหน่ำจะสำแดง
ความเข้มแข็งลำพองทุกกองกรม
๑๙๗.ทหารม้าวิ่งห้อกระเหี้ยนหื่น
ถูกพลปืนยิงสวนขบวนล้ม
ที่รอดปืนฝืนเร่งแรงระดม
กลับถูกคมหลาวไม้เสียบตายคา
๑๙๘.แล้วรี้พลเดินเท้าก็เข้าบุก
ต่างเร่งรุกโผนเผ่นเข้าเข่นฆ่า
มีขุนศึกสามารถนำยาตรา
โดยดาหน้าตั้งลำเป็นกำแพง
๑๙๙.เจ้าพระยาสีหราชฯตวาดก้อง
ดาบทั้งสองแน่นถือด้วยมือแกร่ง
คราตวัดอาวุธขึ้นสุดแรง
เลือดสีแดงเปื้อนปลาบจนดาบมัน
๒๐๐.ถลาโถมโจมจู่ศัตรูแตก
คมดาบแยกร่างผล็อยเป็นรอยหั่น
กองทัพล่มล้มครืนเป็นหมื่นพัน
จึงเสียขวัญถอยกรูดไม่พูดจา
๒๐๑.เจ้าพระฝางย่างม้าเข้าท้ารบ
เดินข้ามศพคนตายอย่างชายกล้า
ชาติชาตรีสีหราชกำศาสตรา
ยืนขวางหน้าชี้ดาบจะปราบโจร
๒๐๒.มาปะดาบกับข้าเจ้าข้าเอ๋ย
จงอย่าเฉยขลาดกลัวจนหัวโกร๋น
จะตัดหัวสักฉับแล้วจับโยน
ลงไฟโพลนเผาผุเป็นธุลี
๒๐๓.เจ้าพระฝางฟังคำที่สามหาว
เงื้อดาบยาววาววับขยับบี้
สีหราชเดโชก็โต้ตี
เพียงนาทีดาบตวัดก็ตัดคอ
๒๐๔.ก๊กเจ้าฝางแตกทัพจนยับย่อย
ทหารถอยกลับหลังแล้วนั่งหงอ
ยึดเมืองฝางราบเตียนไร้เสี้ยนตอ
ทัพไทยก็เคลื่อนกลับอย่างฉับไว
๒๐๕.ทรงแต่งตั้งพระยาสีหราช
มีอำนาจบัญชาการทหารใหญ่
กินตำแหน่งยศพระยาพิชัย
ทหารใต้อุ้งปีกอีกแปดพัน
๒๐๖.ได้ครองเมืองพิชัยอย่างใจนึก
หวนรำลึกเรื่องเก่าเหมือนเล่าฝัน
เห็นภาพพ่อแม่ลูกเคยผูกพัน
ความตื้นตันล้นอาบจึงกราบลง
๒๐๗.ตั้งบุญเกิดคนสนิทผู้ศิษย์น้อง
ผู้คอยส่องพม่ายุ่ยเป็นผุยผง
กินตำแหน่งเป็นหมื่นหาญณรงค์
และยังคงภักดีต่อพี่ชาย
..............................................
พระยาพิชัย
๒๐๘.เมืองพิชัยยังคุ้นด้วยคุณค่า
วัดมหาธาตุงามมีความหมาย
เคยเล่าเรียนเขียนอ่านสำราญกาย
เคยแพ้พ่ายลูกท้าวเจ้านคร
๒๐๙.รอยเกวียนพ่อล้อหมุนฝุ่นตลบ
ไม่เคยลบเลือนข้อคำพ่อสอน
นกขมิ้นคืนป่าคืนคาคอน
เรือนเคยนอนยังอยู่หรืออู่พัง
๒๑๐.จะกราบเท้าแม่พ่อเพื่อขอโทษ
ที่ข้าฯโลดแล่นหายเหมือนตายฝัง
ลูกอกตัญญูไม่อยู่รัง
มีบาปบังดวงตาเกินยาเยียว
๒๑๑.จงตามหาพ่อข้าแม่ข้าเถิด
ที่บ้านเกิดห้วยคาชายป่าเปลี่ยว
มีบ้านไม้ใกล้พังอยู่หลังเดียว
จงใช้เกี้ยวพากลับเรือนรับรอง
๒๑๒.ทนายฟังชี้นำรับคำสั่ง
ขึ้นขี่หลังม้าแก้วอย่างแคล่วคล่อง
ผ่านกระท่อมเพิงพักป่าสักทอง
อีกหนึ่งกองเร่งกลับรับรำยง
๒๑๓.พระยาพิชัยใจมุ่งบำรุงราษฎร์
หวังให้ชาติเรืองรุ้งและสูงส่ง
สามัคคีเท่านั้นจะมั่นคง
จะดำรงอิสรภาพตราบนิรันดร์
...........................................
พบแม่
๒๑๔.ทนายนำหญิงชราเข้ามาใกล้
นางร้องไห้หวาดกลัวจนตัวสั่น
กระทำความผิดไว้เมื่อไหร่กัน
จึงคาดทัณฑ์ด้วยเล่ห์แห่งเดชา
๒๑๕.เจ้าเมืองไม่เอ่ยคำแต่จำได้
สะท้านใจชายชาญทหารกล้า
จึงหมอบราบกราบกรานเท้ามารดา
หยาดน้ำตาใสใสก็ไหลริน
๒๑๖.แม่จำ..จ้อย ลูกชายแม่ได้ไหม
ข้าฯรับใช้ในฟากเจ้าตากสิน
ได้กลับมาตอบแทนคุณแผ่นดิน
ปกครองถิ่นบ้านเราเป็นเจ้าเมือง
๒๑๗.เป็นการยากยิ่งเหลือจะเชื่อหู
นางเงยหน้าหมายดูให้รู้เรื่อง
เคยมีลูกปลูกพืชอย่างฝืดเคือง
มารุ่งเรืองเป็นขุนนางได้อย่างไร
๒๑๘.พอจ้องดูแน่ใจว่าใช่จ้อย
จึงค่อยค่อยเบือนหน้าน้ำตาไหล
กอดกระชับลูกชายด้วยสายใจ
มิอยากให้ลูกพรากไปจากทรวง
๒๑๙.อ้อมอกแม่แค่ซบก็อบอุ่น
คุ้นเอยคุ้นวงแขนแม่แหนหวง
มือแม่สากจากเคียวที่เกี่ยวรวง
แหละโรยร่วงเพียงวัยแต่ใจยัง
๒๒๐.พระยาพิชัยรู้ว่าบิดาสิ้น
ก็แว่วยินคำกลอนพ่อสอนสั่ง
ที่ขับไล่ไพรินจนภินท์พัง
เพราะเชื่อฟังคำพ่อทุกข้อความ
..............................................
๒๒๑.เห็นแม่อยู่เรือนชานสำราญสุข
เล่นสนุกไล่อุ้มหลานซุ่มซ่าม
มีรำยงสะใภ้ผู้ใจงาม
คอยติดตามดูแลเหมือนแม่ตัว
๒๒๒.หมื่นหาญณรงค์ผู้ทรงศักดิ์
ร่วมพำนักเป็นเพื่อนในเรือนรั้ว
เป็นที่รักใคร่ชอบของครอบครัว
ที่ตราบชั่วชีพตนเสาะค้นคว้า
๒๒๓.ตั้งครูเที่ยงครูเมฆผู้เสกฝัน
เป็นกำนันครองคนตำบลป่า
กตัญญูครูช่วยสอนมวยมา
ใครจะมีสุขกว่าพระยาพิชัย
.............................................
๒๒๔.ปีสองพันสามร้อยสามสิบสาม
พม่าย่ามใจเสี่ยงจากเชียงใหม่
ทัพพม่าทหารล้านนาไทย
เกณฑ์พลไพร่นับพันฝุ่นควันคลุ้ง
๒๒๕.เมืองสวรรคโลกคงโชคร้าย
พม่าหมายสยบเข้ารบพุ่ง
เมืองพิชัย สองแคว ทั้งสองกรุง
ไล่ถลุงพม่าไม่ปราณี
๒๒๖.พม่าแพ้แค่ชะลอใช่บ้อท่า
ปีต่อมาหมายจักกู้ศักดิ์ศรี
ตีลับแลแพ้สิ้นก็ยินดี
จะเข้าตีเมืองพิชัยด้วยไฟแค้น
๒๒๗.พระยาพิชัยเห็นว่าพม่ามาก
เป็นการยากจะขวางจึงวางแผน
บัญชาการฐานทัพตั้งรับแทน
ก่อนเสริมแสนยานุภาพขนาบตี
๒๒๘.ทัพสองแควส่งทหารมาด้านหลัง
พม่าทั้งกองร้อยก็ถอยหนี
หมดทางไปต้องกระอักกลางอัคคี
ทัพไทยบี้เข้าทุ่มตะลุมบอน
๒๒๙.โปสุพลา แพ้เลี่ยงกลับเชียงใหม่
ความแค้นใจยากนักที่จักถอน
เตรียมคนกล้าอาวุธยุทโธปกรณ์
รอวันย้อนเอาคืนด้วยปืนไฟ.
...............................................
หมื่นหาญณรงค์
๒๓๐.วันแห่งความสุขสันต์นั้นสั้นนัก
แต่ความรักแท้จริงนั้นยิ่งใหญ่
หมื่นหาญฯยังศรัทธาพระยาพิชัย
ศึกไหนไหนกี่ศัตรูยังสู้เคียง
๒๓๑.จนปีรุ่งเหล่าพม่ากรีฑาทัพ
หวังจะดับไทยหมายให้ตายเกลี้ยง
ทหารแกล้วแคล่วคล่องกองเสบียง
มุ่งจากเชียงใหม่ย้อนมารอนราน
๒๓๒.เมื่อเสือหมอบแมวเซาส่งข่าวศึก
ไทยผนึกพี่น้องกองทหาร
เจ้าสองแควสุรสีห์เตรียมสั่งการ
ส่วนทางด้านเมืองพิชัยเตรียมไพร่พล
๒๓๓.พระยาพิชัยจะต้านที่ด้านนอก
ธนูหอกปืนไฟเร่งไล่ขน
หากประมาทอาจพ่ายเพราะค่ายกล
สั่งทุกคนหน้าหลังระวังตัว
................................................
๒๓๔.หมื่นหาญณรงค์ทรงใหญ่เพราะใส่เกราะ
เดินหัวเราะกระหยิ่มและยิ้มยั่ว
แม่จ้อยจ้องตาฝาดอย่างหวาดกลัว
ไม่เห็นหัวหมื่นหาญฯสะท้านกาย
๒๓๕.บุญเกิดเอ๋ยถอยหลังมานั่งแคร่
ตะกี้แม่มองเงาหัวเจ้าหาย
หากออกศึกแม่หวั่นอันตราย
ถ้าลูกตายพวกเราคงเศร้าตรม
๒๓๖.หมื่นหาญฯกราบแทบเท้าแล้วกล่าวว่า
ในวันข้าฯดวงตกและหกล้ม
ยิ่งตะกายเข้าตลิ่งกลับยิ่งจม
ผู้หนึ่งก้มตัวถึงเข้าดึงมือ
๒๓๗.วันนี้เขาออกสู้หมู่พม่า
จะให้ข้าฯจับเจ่าทิ้งเขาหรือ
ยิ่งพม่าเข้าบุกควรลุกฮือ
ดีกว่าชื่อว่าขลาดใช่ชาติชาย
๒๓๘.ทุกครั้งข้าฯออกศึกไม่นึกว่า
จะกลับมาเรือนรังเหมือนดังหมาย
พรุ่งนี้ตื่นลืมตาหรือว่าตาย
ไม่เสียดายชีวิตสักนิดเดียว
๒๓๙.แล้วกราบเท้าแม่ใหญ่เพื่อไปรบ
ใจสงบไม่ฝ่อหรือห่อเหี่ยว
มิอาจซ่อนวงรูปหน้าซูบเซียว
แม่เกินเหนี่ยวฉุดรั้งหรือยั้งคืน
๒๔๐.ณ กลางทางทัพพม่าก็คราคร่ำ
เสียงเท้าย่ำเดินป่านกกาตื่น
ถืออาวุธหน้าไม้สะพายปืน
อาศัยผืนป่าเร้นเย็นโพยม
๒๔๑.ทัพสองแควพระยาสุรสีห์
บุกเข้าตีซ้ายขวาเข้าถาโถม
พระยาพิชัยซุ่มอยู่ก็จู่โจม
สองทัพโหมตีตัดให้ขัดลำ
๒๔๒.ทัพพม่าตกใจที่ไทยบุก
ถูกไล่รุกลงหล่มจนล้มคว่ำ
ก็ยั้งอยู่ครู่เดียวด้วยเชี่ยวกรำ
กลับกระหน่ำเข้าสู้ทุกหมู่กอง
๒๔๓.พระยาพิชัยไล่ปราบด้วยดาบคู่
เคียงคู่หูหาญณรงค์เป็นองค์สอง
หวังกำราบสาปอธรรมหยุดลำพอง
กลางเสียงก้องการรุกเช่นทุกครั้ง
๒๔๔.ทหารไทยง้างธนูไปสู้หอก
ปล่อยลูกดอกพุ่งพลุทะลุหลัง
ถูกดาบสับสีข้างเข้าอย่างจัง
เลือดไหลหลั่งโลมกายลงรายดิน
๒๔๕.สัประยุทธ์สามทัพทั้งรับรบ
กี่ซากศพเกลื่อนดงจนส่งกลิ่น
ฝูงแร้งร้ายร่อนระริกรอจิกกิน
ธรณินทร์ยามนี้เป็นสีแดง
๒๔๖.พระยาพิชัยไล่ยำถลำหน้า
บนดาบพร้าคราบเลือดเริ่มเหือดแห้ง
ยังเสือกส่งวิญญาณทุกการแทง
พม่าแหยงใจปอดจึงถอดใจ
๒๔๗.พอรุกไล่เร่งรี่ขยี้หนัก
ก็เสียหลักเหยียบพื้นลื่นไถล
เอาดาบยันพื้นกลับอย่างฉับไว
ดาบบรรลัยหักสะบั้นในทันตา
๒๔๘.ขณะปลายดาบหักก็หลักล้ม
พม่าถมทุ่มกายจะหมายฆ่า
หมื่นหาญโดดบังพี่ถูกบรีฑา
ฟันพม่าสวนฟาดจนขาดกลาง
๒๔๙.พลันปืนไฟดังเปรี้ยงกลบเสียงดาบ
เริ่มปวดปลาบสั่นรั่วจนทั่วร่าง
กระสุนแล่นผ่านเกราะส่วนเปราะบาง
ทะลุข้างอกซ้ายถึงชายโครง
๒๕๐.ร่างหมื่นหาญณรงค์ทรุดลงนั่ง
เอาดาบยั้งดินไว้หายใจโหวง
มือยังจับดาบมั่นไม่สั่นโคลง
ชาติเสือโคร่งไว้ลายอย่างชายชาญ
๒๕๑.ข้าได้ทำหน้าที่แล้วพี่ข้า
โปรดบอกโลกเถิดว่าข้ากล้าหาญ
ได้แทนคุณพี่ข้าอย่างสาบาน
ด้วยวิญญาณหัวใจที่ไม่แพ้
๒๕๒.พสุธาข้าหมายมอบกายกลับ
โปรดรองรับบุญเกิดด้วยเถิดแม่
มาจากดินกลับสู่ดินเมื่อสิ้นแด
เลือดจักแผ่ซึมดินตราบสิ้นฟ้า
๒๕๓.โลกมืดแล้วใช่ไหมหรือไฟดับ
ช่างหนาวจับหัวใจเหมือนไข้ป่า
ขอบุญเกิดอาภัพได้หลับตา
ดับความล้าได้อยู่กลางหมู่ดาว
๒๕๔.พระยาพิชัยใจหายน้องตายจาก
น้ำตาพรากเจ็บปวดแหละรวดร้าว
หลับตาเถิดน้องรักเพื่อพักยาว
นึกถึงข้าวก้นบาตรเคยกวาดกิน
๒๕๕.เคยอดมื้อกินมื้ออิ่มหรือหิว
เคยไส้กิ่วตกอับขาดทรัพย์สิน
เคยฝึกมวยฝึกดาบปราบไพริน
เราต่างดิ้นรนกันจนวันนี้
๒๕๖.เข้ามาทั้งกองพลเถิดคนถ่อย
น้องจงคอยแลดูดาบผู้พี่
ดาบจะหักก็จะสับพวกอัปรีย์
ให้เป็นผีเซ่นมานวิญญาณน้อง
๒๕๗.แล้ววิ่งใส่ไล่รุกอย่างอุกอาจ
แรงอาฆาตส่งพลังแขนทั้งสอง
ข้าศึกราบอัปราเป็นหน้ากลอง
ดับผยองพม่าด้วยอาวุธ
.............................................
ราชันย์วิปลาส?
๒๕๘.ผ่านปีเดือนโมงยามแหละหนามขวาก
พระเจ้าตากทรงศึกมิเคยหยุด
พระยาพิชัยนำหน้าทุกครายุทธ
เพื่อไล่กุดหัวกบฏให้หมดไป
๒๕๙.ฟ้าสีครามงามงดหลังหยดเลือด
แผ่นดินเดือดทั้งผืนจะฟื้นใหม่
ขัตติยะกษัตริย์จะผลัดใบ
แต่เลือดไทยยังเข้มอยู่เต็มทรวง
๒๖๐.เมื่อรบทัพทรัพย์สินก็สิ้นทรัพย์
ทั้งรายรับเล็กน้อยก็ถอยร่วง
จีนสำเภาพ่อค้าใกล้มาทวง
ทั้งเงินหลวงเบี้ยบาทก็ขาดแคลน
๒๖๑.เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
กับกลลึกพระเจ้าตากวางหมากแผน
นำนักโทษอุจกรรจ์มาบั่นแทน
โดยทรงแล่นเรือล่องไปครองไตร
๒๖๒.จะทรงแสร้งเสียสติวิปลาส
มุขอำมาตย์คนสนิทที่ชิดใกล้
ก็ห้ามรู้เรื่องลับเพื่อดับภัย
ถ้าหากใครรู้ชัดให้ตัดคอ
๒๖๓.เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ด้วยสำนึกต้องทำตามคำขอ
จึงจัดการทันทีไม่รีรอ
แล้วสืบต่อบัลลังก์ในวังเดิม
...........................................
ข่าวร้าย
๒๖๔.พระยาพิชัยใจซีดเหมือนมีดทื่อ
นี่น่ะหรือขุนศึกผู้ฮึกเหิม
เคยฟันฝ่าฆ่าศัตรูผู้เหิมเกริม
กลับสั่นเทิ้มคุกเข่านั่งเศร้าซึม
๒๖๕.พ่อตากสินสิ้นแล้วดวงแก้วเอ๋ย
อกข้าเอยเย็นเฉียบจนเงียบขรึม
เมื่อเสาหลักหักลงคงอึมครึม
ฟ้าจึงครึ้ม..ฝ่าละอองฯต้องอาญา
๒๖๖.ลงท่อนจันทน์เพราะสติวิปลาส
ราชันย์ชาติฟ้ารู้คือผู้กล้า
ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา
อนิจจาสิ้นองค์พระทรงธรรม์
๒๖๗.เป็นราชาเป็นเพื่อนและเหมือนพ่อ
ข้าฯทูลขอทรงสู่สรวงสวรรค์
ธ ทรงเคยฉุดข้าฯข้ามโลกันตร์
ข้ามภยันแร้นเข็ญมาเป็นไท
๒๖๘.ข้าฯได้รู้ลืมตาและอ้าปาก
พระเจ้าตากลิขิตชีวิตให้
ได้บวชเรียนรู้ธรรมวินัย
จนเติบใหญ่แต่งงานมีบ้านเรือน
๒๖๙.มิใช่เรื่องเงินตราบรรดาศักดิ์
แต่ทรงรักห่วงใยกว่าใครเหมือน
หากดินไม่กลับหน้าฟังข้าฯเตือน
ข้าฯจะเฉือนหัวใจยอมตายแทน
๒๗๐.ในยามนี้เปลี่ยนฉัตรกษัตริย์ใหม่
แผ่นดินใกล้สิ้นศึกเป็นปึกแผ่น
ถ้าหากกรุงรุ่งเรืองเป็นเมืองแมน
ทุกแว่นแคว้นเขตขัณฑ์จะมั่นคง
๒๗๑.รำยงอย่าเศร้าช้ำฟังคำพี่
ด้วยวังมีพระราชประสงค์
ให้เข้าเฝ้าต่อเบื้องบาทบงส์
อาจจะทรงสอบถามตามบัญชา
๒๗๒.จงรู้เถิดคนดีพี่มีสุข
เจ้าร่วมทุกข์กับพี่ไม่หนีหน้า
ทุกครั้งที่เสร็จทัพย้อนกลับมา
เห็นดวงตารอยยิ้มพี่อิ่มใจ
๒๗๓.หากว่าเจ้ารับรู้หรือดูออก
พี่อยากบอกรักเจ้ามากเท่าไหน
กระดังงาของเจ้าทุกคราวไกล
พี่เก็บไว้ยามล้าหยิบมาชม
๒๗๔.ลูกรู้ไหมพี่เฝ้าดูเขาหลับ
เขาชอบจับควานหาผืนผ้าห่ม
ถ้าเติบใหญ่ให้สนองเข้ากองกรม
เลี้ยงอบรมให้รักรู้จักพอ
................................................
กราบลาแม่
๒๗๕.ขอกราบแทบเท้าอุ่นพระคุณแม่
ผู้ดูแลคราที่ไม่มีพ่อ
คนที่ลูกบูชาน้ำตาคลอ
ข้าฯอยากขอขมาสิ่งข้าฯทำ
๒๗๖.ที่ห่างหายหันหลังเมื่อครั้งก่อน
ทิ้งแม่นอนปวดร้าวทุกเช้าค่ำ
ยังเกาะจิตติดภาพเป็นบาปดำ
อโหสิกรรมให้ข้าฯก่อนลาไกล
๒๗๗.ต่อแต่นี้ไปถึงภายหน้า
หากตัวข้าฯมิกลับมารับใช้
บอกรำยงและลูกที่ผูกใจ
ว่าพระยาพิชัยนั้นไปดี..
๒๗๘.พระยาพิชัยกราบเท้าอีกคราวครั้ง
แล้วขึ้นนั่งรถม้า..สารถี-
ก็พาผ่านป่าดงและพงพี
ขณะที่มารดาน้ำตานอง
๒๗๙.ลูกจะกลับมาไหมแม่ไม่รู้
แม่จะอยู่รอเจ้าแม้เศร้าหมอง
ขอคุณพระโอบอุ้มช่วยคุ้มครอง
อย่าให้ผองภัยร้ายทำลายเรา..
............................................
วาระสุดท้าย
๒๘๐.เมื่อเสนาฯถึงวังก็ยั้งม้า
นำพระยาพิชัยไปเข้าเฝ้า
พญาเสือยิ่งกร่างยิ่งย่างเบา
แต่ทุกเท้าท่วงท่าสง่างาม
๒๘๑.พระพุทธยอดฟ้าฯมหากษัตริย์
จึงได้ตรัสเกริ่นนำเป็นคำถาม
ท่านเคยอยู่ใกล้ชิดคอยติดตาม
ร่วมสงครามพระเจ้าตากมามากมาย
๒๘๒.ถึงแม้ว่าองค์ท่านสวรรคต
เรายังจดจำเห็นเป็นสหาย
เคยร่วมท้าฝ่าฟันอันตราย
เห็นความตายทุกวันไม่พรั่นพรึง
๒๘๓.เราและท่านต่างเหมือนเมื่อเคลื่อนทัพ
หวังไทยกลับคืนพลังอีกครั้งหนึ่ง
จะอดอยากปากแห้งหมดแรงตรึง
ไปให้ถึงฝั่งจงปักธงไทย
๒๘๔.เราสิ้นท่านตากสินก็สิ้นเพื่อน
จะกี่เดือนกี่ปีกี่สมัย
เคยโอบเอื้ออาทรเมื่ออ่อนวัย
เราเสียใจอย่างหนักใครจักรู้
๒๘๕.ท่านพระยาพิชัยผู้ใจเด็ด
จะสำเร็จถ้ารวมกันร่วมสู้
เพื่อดินไทยไตรรัตน์ไร้ศัตรู
ท่านจงอยู่ช่วยงานเพื่อบ้านเมือง
๒๘๖.ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า
ข้าพระพุทธเจ้าใช่ปราชญ์ที่ปราดเปรื่อง
รู้แต่รบแต่วังมลังเรือง
หารู้เรื่องในส่วนที่ควรการ
๒๘๗.ข้าพระองค์หากมีความดีก็
จะทูลขอมหาราชชาติทหาร
รับบุตรที่ข้าฯหวงดั่งดวงมาน
เพื่อช่วยงานองค์ท่านตามบัญชา
๒๘๘.ข้าฯรับใช้ใต้เท้าพระเจ้าตาก
แม้ทรงจากสู่สรวง ณ ห้วงฟ้า
ขอตามไปรับใช้ใต้บาทา
มิเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย..
๒๘๙..พระพุทธยอดฟ้าฯมหาราช
มิทรงอาจยั้งหยุดหรือฉุดท้าย
จำประหารสีหราชแห่งชาติชาย
ที่เหล่าร้ายอริราชนั้นหวาดกลัว
๒๙๐.จึงตรัสด้วยสุรเสียงเยี่ยงกษัตริย์
ให้เร่งนำไปมัดแล้วตัดหัว
ทรงปิดเรื่องราวลับไว้กับตัว
ตราบจนชั่ววาระแห่งพระองค์
๒๙๑.คือเรื่องพระเจ้าตากที่ภาคใต้
ผู้ครองไตรสมถะเป็นพระสงฆ์
ทรงดูแลลูกท่านอย่างมั่นคง
แต่จำลงดาบฆ่าพระยาพิชัย
...............................................
๒๙๒.ลานประหารลานร่มแต่ลมขาด
เพชฌฆาตนั่งก้มประนมไหว้
อโหสิฯนะพ่อขออภัย
โปรดอย่าได้จับจ้องคิดจองเวร
๒๙๓.นักรบนั่งทอดร่างอย่างสงัด
ผูกหลักมัดตาไว้มองไม่เห็น
หากแต่ใจชาติสิงห์กลับนิ่งเย็น
แหละจะเป็นเช่นนั้นนิรันดร
๒๙๔.ธรณีที่ข้าอุตส่าห์ปก
มิสะทกความตายแหละทรายร้อน
จงโอบรับกายาเมื่อข้านอน
รับตะกอนเถ้ากระดูกของลูกชาย
๒๙๕.ดาบข้าเหน็บเก็บไว้อยู่ในฝัก
จะไม่ชักออกมาทั้งขวาซ้าย
เล่มที่ข้าแสนรักนั้นหักปลาย
แทนความหมายที่มีในชีวิต
๒๙๖.ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินเมื่อเดินทัพ
ข้าขอหลับพำนักดินศักดิ์สิทธิ์
กลางสายลมร่มพืชที่มืดมิด
ภารกิจแผ่นดินนั้นสิ้นแล้ว
๒๙๗.โน่นหิ่งห้อยด้อยแรงและแสงส่อง
เจ้าลอยล่องสู่สรวงหรือดวงแก้ว
ราชันย์ท่านอยู่หาวหรือดาวแวว
ช่วยชี้แนวนำพาส่งข้าไป
..............................................
๒๙๘.เพชฌฆาตวาดรำแล้วทำท่า
ควงดาบพร้ารอนรอนดูอ่อนไหว
แล้วลงดาบฉับพลันในทันใด
ลมหายใจจอมทัพจึงดับลง
๒๙๙.สายลมเพิ่งพัดพรายใบไม้ร่วง
ค่อยค่อยควงร่างหมุนกลางฝุ่นผง
ห่อผ้าเก่าเปิดคว้างลงกลางวง
เห็นกลีบทรงผุพัง..กระดังงา.
..............................................
๓๐๐.จ้อย..จำคำพ่อไปไว้ใช้เถิด
เมื่อเราเกิดเป็นชาย..แม้ภายหน้า
ต้องรู้คุณบิดาและมารดา
รู้รักษาท้องถิ่นแผ่นดินไทย
..................................................
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒
14 มิถุนายน 2552 17:17 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ณ เนินกว้างทางไหนก็ไม้ดอก
ที่ผลิออกอวดชูเต็มภูเขา
แดดเช้าฉายไม้ช่อจึงก่อเงา
สายลมเบาโบกคว้างอยู่กลางดิน
เขาเงยหน้าตาหลับสดับเสียง
แม้แผ่วเพียงลมพัดสัมผัสหิน
แม้เสียงปีกกำดัดนกหัดบิน
และได้ยินคำบอกของหมอกโปรย
ภารกิจอยู่ยังอีกฝั่งฟาก
เธออาจฝากข่าวไปหากไห้โหย
ลมวสันต์กรรโชกจะโบกโบย
เขารู้โดยยินแค่กระแสลม
แม้มิใช่มนุษย์คนสุดท้าย
เขายอมตายไม่พร้อมจะยอมล้ม
มีความฝันวันตื่นไว้ชื่นชม
ไม่ยอมก้มศีรษะต่อชะตา
ในท้องน้ำค่ำไหนคงไม่ต่าง
ทุกเดินทางคำตอบคือขอบฟ้า
คงมีเรื่องเล่าฝากจากปากกา
จะกลับมาสวมกอดเมื่อจอดเรือ
..จงเข้มแข็งเพื่อฉันอย่าหันหลัง
หากเธอยังเชื่อมั่นเหมือนฉันเชื่อ
หวั่นศรัทธาถอยห่างจนจางเจือ
อย่าน้อยเนื้อต่ำใจยามไกลจร
ถ้าใจน้อยบ่อยครั้งจะฝังราก
จนลึกมากเกินหยั่งหรือรั้งถอน
ถ้าคิดถึงทุกคราวก่อนเข้านอน
ก็ยากคลอนใจคลายให้หน่ายกัน
แหวนดอกไม้วงน้อยดูด้อยค่า
สวมเถิดถ้าวันหนึ่งคิดถึงฉัน
อาจเก็บไว้ใส่ตลับคอยนับวัน
อย่าปล่อยมันทิ้งขว้างลงกลางทราย
แหวนที่มือหยาบกร้านฉันสานจีบ
ทุกก้านกลีบมาลีมีความหมาย
มีสุขทุกข์เจ็บปวดเป็นลวดลาย
ขมวดปลายเป็นขดแทนอดทน
หวังหนาวหน้าฝ่าคลื่นมายืนคู่
ฝ่าฤดูมรสุมและกลุ่มฝน
ผ่านวันล่วงเลยล่องเราสองคน
คงข้ามพ้นความเหงาแห่งเยาว์วัย
จะเรียนรู้ใจกันเมื่อวันห่าง
ระยะทางเปลี่ยนแปรเราแค่ไหน
ฉันจะยังคงรอเธอก่อไฟ
โปรดอย่าให้ไฟสรวงนั้นร่วงลง
ทะเลค่ำน้ำเค็มไร้เข็มทิศ
เมื่อมืดมิดเรือน้อยคงลอยหลง
ถ้าแสงสรวงดวงนั้นยังมั่นคง
ก็โปรดจงส่องสว่างนำทางเรือ
ฉันจะรอดาวรุ้งจนรุ่งฟ้า
นำนาวาเดินทางด้วยหางเสือ
หวั่นเขม่าเร้ารุมจนคลุมเครือ
อาจเป็นเหยื่อมัจฉาให้ปลากิน
ฉันจะใช้การกระทำแทนคำพูด
บทพิสูจน์ชายชาญคืองานหิน
เมื่อภาระผ่านพ้นไร้มลทิน
นกขมิ้นอาภัพจะกลับรัง.
........................................
แล้วเรือลำน้อยน้อยก็ลอยล่อง
สู่ห้วงท้องธารพรากไปจากฝั่ง
เธอยืนมองท้องน้ำตามลำพัง
ก่อนจะหลั่งน้ำตาอย่างล้าแรง
จึงจับแหวนดอกไม้ที่ไร้ค่า
เคยสัญญากับเขาจะเข้มแข็ง
กลับผิดคำสัญญาสองตาแดง
กลายเป็นแอ่งหยดน้ำแทนคำลา
เพียงหวังการเดินทางใช่ลางร้าย
ยังคาดหมายพบกันในวันหน้า
แลเรือน้อยลอยลับไปกับตา
ขณะฟ้าจรดน้ำเริ่มค่ำลง..
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๒
7 มิถุนายน 2552 14:43 น.
ฤทธิ์ ศรีดวง
ฉันลืมตาจากหมอนในตอนสาย
ฝนเพิ่งหายจากฟ้านอกหน้าต่าง
เหลือละอองเต็มตรอกเป็นหมอกจาง
คล้ายน้ำค้างเย็นเยือกจับเปลือกไม้
มองฟ้าเทาเท้าย่างลงทางหิน
หอมไอดินกลิ่นหอมกว่าหอมไหน
ระเหยหอบความชื้นมาชื่นใจ
แหละเตือนให้รับรู้ฤดูกาล
ฝนร่วงกรูกราวใหญ่ใบกระเพื่อม
อุ้งมือเอื้อมน้ำเย็นกระเซ็นซ่าน
น้ำฝนฉ่ำชุ่มใบดอกไม้บาน
คิดถึงบ้านคงสู่ฤดูนา
เห็นใบแห้งแฝงกายอยู่ใต้ต้น
เปียกปอนฝนยับยุ่ยเป็นปุ๋ยหญ้า
เมล็ดพันธุ์วันหนึ่งจะลืมตา
เป็นต้นกล้ากล้าแกร่งท้าแรงลม
ต้นไม้ใหญ่ใบคบสงบนิ่ง
เหมือนเห็นสิ่งมากมายเกิด ตาย ล้ม
จากผลิดอกงอกเงยน่าเชยชม
จวบโทรมซมล้วนเล่ห์แห่งเวลา
ใบหูกวางสีแดงและแห้งกรอบ
ถูกลมหอบลอยล่องสู่ท้องฟ้า
พอลมหมดแรงยกก็ตกมา
สู่กอหญ้าริมทางเหมือนอย่างเดิม.
๗ มิถุนายน ๒๕๕๒