19 ตุลาคม 2555 21:40 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
เรื่องราวบานปลายในสังคมออนไลน์ของประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับการโพสต์รูปของนักข่าว คือคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชยว่าไม่เหมาะสมเกี่ยวกับรูปของสมเด็จนโรดมสีหนุ ซึ่ง ทีวี ช่อง 3ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่ได้กระทำการหมิ่นแต่ภาพที่ถ่ายมุมกล้องอาจจะทำให้เห็นว่าไม่เหมาะสมไม่มีเจตนา
ที่สถานทูตกัมพูชา ประเทศไทย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้นำพานพุ่ม กราบขออภัยโทษ กับเหตุการณ์ ที่มีภาพเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต
น.ส.ฐปณีย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่มีเจตนาจะลบหลู่หรือแสดงความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชา เพราะขณะนั้นอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จึงได้สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆวางไว้ที่พื้น รวมทั้งพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ ห่างจากตนพอสมควร แต่ภาพที่นำมาลงถ่ายจากมุมด้านข้าง ทำให้ดูไม่เหมาะสม
ซึ่งหลังจากทราบข่าวเมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค. จึงได้รีบเดินทางไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ ที่หน้าพระราชวังจตุรมุขมงคล และตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย เช้าวันที่ 17 ต.ค. 55 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธืของสองประเทศ และได้แสดงความเสียใจพร้อมขออภัยต่อพี่น้องชาวกัมพูชา ที่ทำให้เกิดความรู้สึกกระกระเทือนใจในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เรื่องที่เกิดขึ้น
แถลงการณ์กองการข่าวและโต้ตอบเร็ว
เมื่อวันที่ 16 และ 17 ต.ค. 55 หลังจากมีการเผยแพร่รูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชาใต้เท้าของผู้สื่อข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และที่กลุ่มผู้ไม่หวังดี (อคติ) และกลุ่มที่ชอบสร้างกระแสบางกลุ่มได้โพสต์รูปตามเว็บไซต์สังคมออนไลน์ Facebook ซึ่งแสดงเกินความเป็นจริง อันอาจทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด ดังนั้น โฆษกกองการข่าวและโต้ตอบเร็วขอกราบเรียนสาธารณชนให้ทราบ ดังนี้
1.ตามแหล่งข่าวความเป็นจริง ทราบว่าในความเป็นจริงผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้ขอยืมหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับจากผู้สื่อข่าวชาวกัมพูชาเพื่อนำไปศึกษาเกี่ยวกับชีวประวัติของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวไทยคนดังกล่าวได้เริ่มต้นรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปของพระราชพิธีฯ ในขณะนั้น ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับสมุดบันทึกและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนบนพื้นเพื่อทำการรายงานข่าว หลังจากนั้น ในช่วงกลางวันได้มีข่าวรูปพระบรมฉายาลักษณ์ปรากฏใต้เท้าของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเผยแพร่ทาง Facebook
หลังจากที่ได้รับข่าวที่เผยแพร่ทาง Facebook นี้ ที่อาจกระทบจิตใจประชาชนกัมพูชาและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น รวมทั้งโดยกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้สื่อข่าวไทยคนดังกล่าวมีความกังวลและหวาดกลัวอย่างมาก และได้เดินทางไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังโดยทันที
2.เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 55 เมื่อเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวไทย (คนดังกล่าว) น.ส. ฐปณีย์ เอียดศรีไชย และนายมงคล เจริญ รองผู้อำนวยการ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ของไทย ได้เดินทางไปคุกเข่ากราบขอพระราชทานอภัยโทษและขอโทษต่อประชาชนกัมพูชาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ณ สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำกรุงเทพฯ
3.ในวันเดียวกันนั้น สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงความเป็นจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่ามิได้มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือแสดงความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชา เพราะ ณ ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวพระราชพิธีพระบรมศพที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวต้องวางสัมภาระส่วนตัวต่างๆ โดยมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ สมุดบันทึก และหนังสือพิมพ์ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่ตีพิมพ์หลังจากที่เสด็จสวรรคต และวางบนพื้นโดยไม่เจตนา ซึ่งได้วางห่างจากตัวพอสมควร แต่รูปภาพที่มีการเผยแพร่ทาง Facebook เป็นภาพที่ถ่ายจากด้านข้างเยื้องมาทางด้านหลัง ทำให้ดูเหมือนของทั้งหมดอยู่ใกล้กับเท้า
อย่างไรก็ดี ทั้งผู้สื่อข่าว น.ส.ฐปณีย์ฯ และผู้แทนสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย ได้แสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้ทำการขออภัยโทษต่อรัฐบาลและประชาชนกัมพูชา และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสอง
เกี่ยวกับปัญหาที่อ่อนไหวนี้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 55 ฯพณฯ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้โทรศัพท์ถึงสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงความเสียใจต่ออุบัติเหตุที่มิได้เกิดจากความตั้งใจนี้ และผู้นำของประเทศทั้งสองได้ทำความเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ดังกล่าว
โฆษกกองการข่าวและโต้ตอบเร็วของสำนักนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในช่วงเศร้าเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนโรดมสีหนุฯ จะมีความเข้าใจต่อเหตุการณ์ความเป็นจริง และหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดจากการยุยงส่งเสริมของผู้ไม่ประสงค์ดี (ผู้มีอคติ) ที่ประสงค์จะสร้างความไม่สงบในสังคม และสร้างความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนการสร้างความเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองของคนบางกลุ่ม เพื่อหลอกลวงความเห็นของสาธารณชนและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนและรัฐบาลของกัมพูชาและไทย
ราชธานีพนมเปญ
18 ตุลาคม 2555
ซึ่งประชาชนคนไทยก็หวังเป็นอย่างยิ่งให้เรื่องราวทั้งหลายจบลงด้วยความเข้าใจอันดีต่อกันตลอดไป สำหรับ นส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ประชาชนไทยเชื่ออย่างเต็มที่ว่าไม่ได้มีเจตนา ก็สมควรจะได้รับการอภัย แต่สำหรับผู้ที่ทำการมิชอบถูกชั้มูลว่ามีความผิดขาติเสียหายถึง 138 ล้านนั้นถูกเพื่อนร่วมวิชาชีพรังเกียจและไม่น่าจะให้อภัย ไม่สมควรให้มีที่ยืนดังคำของผู้หลักผู้ใหญ่บางคนกล่าวไว้ว่าต้องเบียดไม่ให้คนไม่ดีมีที่ยืนอีกต่อไป
9 ตุลาคม 2555 10:34 น.
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
เรื่องชาวนาได้รับความเดือดร้อนมีมาเนิ่นนาน นานเท่าใดลองอ่าน
บันทึกของพระยาสุริยานุวัติ เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในรัชกาลที่ ๖ ที่ว่า
"ชาวนาที่ยากจนขัดสนด้วยทุน ต้องออกแรงทำงานแต่ลำพังด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ย่อมจะเห็นปรากฏอยู่ทั่วไปแล้ว ในเวลาที่ทำนาอยู่ เสบียงอาหารและผ้านุ่งห่มไม่พอ ก็ต้องซื้อเชื่อเขาโดยต้องเสียราคาแพง หรือถ้าต้องกู้เงินเขาไปซื้อก็ต้องเสียดอกเบี้ยอย่างแพงเหมือนกัน เมื่อเกี่ยวข้าวได้ผลแล้ว ไม่มีกำลังและพาหนะพอจะขนไปจากลานนวดข้าวหรือไม่มียุ้งฉางสำหรับเก็บข้าวไว้ขาย เมื่อเวลาข้าวในตลาดจะขึ้นราคา ต้องจำเป็นขายข้าวเสียแต่เมื่ออยู่ในลานนั้นเอง จะได้ราคาต่ำสักเท่าใดก็ต้องจำใจขาย มิฉะนั้นจะไม่ได้เงินใช้หนี้เขาทันกำหนดสัญญา"
ผู้เบริหารประเทศเข้าใจปัญหามาแต่โบราณปล่อยให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพทำนาตกอยู่ในวังวนสถานการณ์เช่นนี้มานานหนักหนา ผู้ที่ร่ำรวยทำนาบนหลังคนคือพวกเจ้าสัวค้าข้าว เจ้าของโรงสี ถ้ามีเวลาลองไล่ดูมีอยู่ไม่กี่ตระกูลถึงปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่
พรคคการเมืองพรรคใดที่ตั้งใจจะช่วยชาวนาอย่างจริงจังก็จะต้องมีอันเป็น
ไปด้วยอิทธิพลของเจ้าสัวทั้งหลายแต่จะมีข้ออ้างเสริมแต่งขึ้นมาหลายรูปแบบแต่สาเหตุที่แท้จริงคือจะช่วยชาวนา พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ล่มไปแล้วเหลือพรรคเพื่อไทยคิดว่ากำลังจะถูกขับไล่ไม่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในอีกไม่นานนักแน่นอนถ้าไม่หยุดช่วยชาวนา
ข่าวสื่อต่าง ๆประโคมเกี่ยวกับความเห็นของ คอป.เรื่องควรให้ ดร.ทักษิน เสียสละเช่นเดียวกับ ดร.ปรีดี พนมยงก์ ท่านปรีดีฯ ก็มีนโยบายเช่วยเหลือชาวนาดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
"ความอัตคัดขัดสนของชาวนามีอีกมากมายหลายประการที่แสดงว่า ชาวนาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ แต่ชาวนาก็มีภาระที่ต้องเสียเงินรัชชูปการ ถ้าไม่มีเงินเสียก็ต้องถูกเกณฑ์ไปทำงานประมาณปีละ ๑๕-๓๐ วันและต้องเสียอากรค่านา"
ท่านจึงได้กำหนด"เค้าโครงเศรษฐกิจแห่งชาติ"ขึ้นมาและเป็นเหตุให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสส์ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ท่านต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดไม่ได้กลับมาจนถึงวันนี้ยังมีการอ้างให้ ดร.ทักษินฯเสียสละอย่างท่าน
เหตุการณ์กำลังจะย้อนรอยเมื่อ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ผลักดันนโยบายรับจำนำข้าว ช่วยเหลือชาวนาไม่ให้ถูกเจ้าของโรงสี และผู้ค้าข้าวทั้งหลายเอารัดเอาเปรียบ กดราคาข้าวเมื่อยามที่เกี่ยวข้าวนวดข้าวออกมาได้อ้างว่าตลาดโลกราคาตก ทำให้เจ้าสัวทั้งหลายขาดรายได้
จึงมีขบวนการทุกรูปแบบคัดค้านตั้งแต่ฝ่ายค้านที่จะให้เอาตามนโยบายของพรรคตัวเองซึ่งทำมาแล้วก็ไปรวยกับเจ้าของโรงสี และมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญ ให้หยุดการดำเนินการตามนโนยายของพรรคที่ได้หาเสียงกับประชาชนไว้แถมสื่อต่าง ๆประโคมกันยกใหญ่ประโคมให้ทางฝ่ายค้านไม่ให้ทางรัฐบาล ซึ่งสื่อบางสื่อก็ไม่นาเชื่อถืออยู่แล้วเพราะสื่อด้วยกันเองยังไม่เอาด้วยคัดออกจากสมาคมเพราะไม่ซื่อสัตย์ ท่าน ดร. สมเกียรติ์ อ่อนวิมล ได้แสดงความเห็นไว้มากมายและ ใคร ๆ เขาก็รู้กันอยู่สื่อประเทศนี้เป็นยังไง สุนัขถูกฆ่าถูกทารุณลงข่าวกันทุกแขนงละเอียดละออ คนถูกยิงตายกลางถนนเกือบร้อยคนไม่มีรูปมีข่าวลงให้ประชาชนได้รู้ได้เห็นเลย ไม่แน่อีกไม่นานนายกรัฐมนตรีคนนี้อาจจะต้องเสียสละออกไปอยู่นอกประเทศอีกคนก็เป็นได้