27 ตุลาคม 2555 22:19 น.

ไอ้ต้นคนเดิม

ร้อยฝัน

เก็บเรื่องเก่าเอามาคุย  อ๊ะ อ๊ะ อย่าหาว่าฉันเป็นลูกอีช่างขุดช่างคุ้ยนะ ฉันเป็นคน ไม่ใช่หมานะเออ
แล้วก็ไม่ต้องมาปากเสีย ไม่สุภาพกับฉันยังงั้น ฉันยังไม่แก่นะ แค่เหยียด ๆ เลขสี่นำหน้าเท่านั้นเอง
มองโลกในแง่ดีกันหน่อย  ๆ กล้า ๆ คุยเรื่องเก่า ๆ กับฉันสิ  แหม.......
        ฉันมีเรื่องถามคุณหน่อย  คุณช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยได้ไหม
สมมติ นะสมมุติ  มีเพื่อนฉันตั้งแต่วัยกระเตาะ (แล้วบอกไม่แก่  คุณแอบพูดอย่างนี้ใช่ไหม)
สมัยแบกเป้โบกรถลุยเหนือ ล่องกลางกัน  (ใต้ไปไม่ถึง) วันดีคืนดีมันก็โผล่มายังกะผีหลอก
กับเทคโนโลยีไร้สาย   "เฮ้ย รำลึกความหลังกันหน่อย  ตะลอนทัวร์กันเถอะ" 
"ไปไหน ไกลรึเปล่าวะ " 
"เฮ้ย คนอย่างแกกลัวความไกลเหรอวะ  ใช่คนเดิมรึเปล่าเพื่อน"
"เออ  ข้าคนเดิม แต่มันเพิ่มความรับผิดชอบ ไปไหนไกลไม่ได้โว้ย"
"แต่เพื่อน ๆ มันบอกยังเหลือแกคนเดียว  ที่โต๋เต๋ ไม่มีลูกกวนตัว มีผัว กวนใจ"
"ใครบอกว่าฉันไม่มีลูก  ฉันมีเป็นร้อย ๆ "
"ไม่ได้หมายถึงลูกศิษย์  แกนี่ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งโง่ " มันหลีกเลี่ยงคำว่าแก่  แต่กระนั้นยังรู้สึกว่าถูกด่า
"เออ  ถ้าข้าฉลาดขึ้นมาแผ่นดินนี้จะไม่มีที่เหยียบ"
"ทำไม"
"ก็แกโง่กว่าฉันอีกว่ะ  บอกให้เอาบุญ ถ้าคนโง่มันเกิดฉลาด ไอ้คนที่ฉลาดมันก็ฉลาดยิ่งขึ้น  
มันคงรานไปทั้งพิภพ บนดิน ใต้บาดาล  แม้แต่เทวดาก็ต้องตกสวรรค์ล่ะวะงานนี้"
"การเมืองเรื่อง ยาขม  อย่าไปพาดพิงมันโว้ย  คิดทีไร รู้สึกตัวว่าโง่บรมทุกที"
"แกรู้ได้ไงเรื่องการเมือง  นั่นมันเรื่องโง่ ๆ ของคนอยากฉลาดโว้ย"  
"แกพูดอะไรของแก  ไม่เข้าใจ"
"เออ แกฉลาดขึ้นแล้ว  ก็ข้าพูดเรื่องที่แกไม่รู้เรื่อง นะแหละ"
"แกนี่มันบ้าจริง ๆ ข้าก็เพิ่งรู้ว่าแกมันบ้าไปแล้ว"
"เบาหน่อยเพื่อน ว่าแต่ว่าจะไปไหนกัน"
"ไร่ข้า  ที่ด่านซ้าย "
"มันระลึกความหลังตรงไหน ขับรถปรู๊ดเดียวก็ถึงแล้ว"
"แหม แก  ขับรถไปซะที่ไหน  ระลึกความหลังด้วยการโบกรถไปดิวะ"
"พวกแกคิดอะไร  โบกรถเนี่ยนะ อายุรึก็ปูนนี้  หน้าตาแต่ละคนยังกะโจรปล้นควาย 
ใครจะรับแกไปด้วยวะ"
"เออ นั่นแหละเครื่องพิสูจน์  เราเรียกทริปนี้ว่า  ตามหาน้ำใจให้คนอายุเยอะ"
"เออ ก็น่าสนุกนะ งั้นแกเตรียมเครื่องสนาม ข้าแบกเต็นท์ไป "
"เฮ้ยไม่ต้อง  นอนเข่งปลาทู  หม้อสนามสักสองหม้อ ไฟแช็ก ข้าวสาร เกลือ แค่นี้่ก็หรูแล้ว"
"อ้าว แล้วยาแก้ไอพวกแกล่ะ ใครรับผิดชอบ"
"เออน่า  มันมีเองแหละ อย่าห่วงเลย"
"แล้วโบกรถเนี่ยนะ  แกคิดว่า แกอายุสักเท่าไหร่วะ แล้วกี่วันจะถึงไร่แก"
"ก็บอกแล้วว่าตามหาน้ำใจ ช่างมัน ค่ำไหนนอนนั่น "
"เอาก็เอาวะ  แล้วออกเดินทางวันไหน"
"พรุ่งนี้ "
"เฮ้ย  แล้วไม่ให้เตรียมอะไรบ้างเลยเหรอ"
"ลางาน 2 วันไว้เลยเพื่อน แค่นั้นสำหรับการเตรียมตัว"
"ถ้าเกิดข้าลางานไม่ได้"
"แกลาได้แน่  ข้าเคลียร์ไว้แล้ว  เขียนใบลาเลยเพื่อน"
"แกทำอะไร" ฉันชักแหยง ๆ ในการเคลียร์ของไอ้เพื่อนรักคนนี้
"ไม่เกินบ่ายโมง  แกก็จะรู้"
"คงไม่ทำให้ข้าต้องมาแก้ปัญหาภายหลัง"
"ไม่หรอกเพื่อน เดี๋ยวเจอกัน"
"หมายความว่าไง  เดี๋ยวเจอกัน"
"เออน่า ตกลงตามนั้น"
"เอาไง เอากัน ยังไงก็คงต้องตามนั้นใช่ไหม แกจะมาหาข้าเหรอ"
"ถูกต้องแล้วคร๊าบ เออเตรียมแจ่วบองด้วยนะ"  
"เออ ๆ เอาอะไรอีกป่ะ เดี๋ยวออกไปตลาด บ่ายโมงตรงนะเว้ย ช้าวินาทีเดียวอด"
"เออน่า  จะถึงบ้านพักแกแล้วอีก 5 นาที"
"เฮ้ยไอ้พวกนี้  เอองั้นเดี๋ยวรอที่บ้าน"
	พอฉันวางหู ก็มีเสียงแตรรถบีบลั่นบ้าน  
"เฮ้ย ไหนว่าห้านาที เพิ่งวางหูเอง"
"นาทีเค้านับตั้งแต่เริ่มโทรเว้ย แกนี่ตกเลขนี่หว่า"
"เออ ไหนว่าโบกรถ เอารถมาทำไม"
"ก็จะเอามาจอดไว้นี้  เรียบร้อยยังไปกันเถอะ เดี๋ยวมืดค่ำ"
"เอ้ย ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย เดี๋ยวเก็บของก่อน"
"นับหนึ่งถึงสองร้อยให้ไว ไม่งั้นช่วย"
"เออ พวกแกนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ"
"เปลี่ยนก็ไม่เพื่อนแก ให้เร็วเลยจะนับแล้วนะ"
	ฉันกลับขึ้นห้องจับเสื้อผ้าขาวม้ากางเกงยีน แล้วก็อะไร ๆ อีกสองสามตัว
ยัดลงเป้ พร้อมกับชุดเดินทางของฉัน ลงมาจากบ้าน ไอ้เพื่อนบ้ามันนับถึงสามร้อยแล้ว
"เฮ้ย ช้าโดนปรับเป็นยาแก้ไอสองกลมนะแก"
"อะไร ๆ ข้าเพิ่งนับได้สิบเอง  หาเรื่องนะแก"
"ไม่รู้โว้ย ไอ้พวกนั้นเป็นพยาน สองกลม"
"เออ ก็ได้เว้ย  ไปไปกันได้แล้ว"
	เราทัวร์หาน้ำใจ เริ่มต้นหาจากหน้าโรงเรียนของฉัน  ไม่นานสักเท่าไรก็มีรถ
ปิ๊คอัพจอดกึกข้างหน้า  แต่ละคนมองหน้าแล้วยักคิ้วให้กัน คนในรถลดกระจกลง
"อาจารย์ สิไปไสคับ ผมสิไปส่ง "  ผู้ปกครองนักเรียนนั่นเอง
"อ้อย สิไปด่านซ้ายค่ะ  สิไปไสคะ " 
"ไปเมืองเลยคับ  ขึ้นมาโลดคับ ไปส่งฮอดเมืองเลยเนาะ "
"จ้าขอบคุณจ้า "
"เฮ้ย พวกแกขึ้นรถ"
"แล้วแกล่ะ"
"ข้างหน้า แอร์เย็น ๆ โว้ย คนพิเศษว่ะ 5555 "
"เออทีของแก"
	ผู้ใจบุญคนแรกส่งให้ถึงเมืองเลย จากนั้นเราก็ต้องใช้โชคชะตาหาคนใจบุญ
ต่อไปถึงด่านซ้าย  เรารออยู่นานพอสมควร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคจริง ๆ หรือเพราะฉัน
ใส่เสื้อสัญลักษณ์ของ EU ไป ไม่นานมีรถของ EU จอดตรงหน้าเรา
" คุณทำงานให้ EU หรือครับ"
"แต่ก่อนเคยทำค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว เราจะไปเที่ยวกันค่ะ ขอโทษนะคะที่ใส่เสื้อ
ของ EU มา"
"เราเป็นเพื่อนกันครับ  แล้วพวกคุณจะไปไหน "
"ไปด่านซ้ายค่ะ"
"ผมจะไปที่หน่วยผ่านทางนั้นเหมือนกัน  ถ้าไม่รังเกียจไปกับผมก็ได้ครับ"
"ขอบคุณค่ะ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ"
	แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี  แต่มันไม่ดีก็อีตอนจะเข้าไร่ เราไม่สามารถโบกรถ
ใครได้อีกเลย จนกระทั่ง
"อีพ่อใหญ่ สิไปไส ไปนำได้บ่"
	ฉันใช้เสียงในฟิล์มถามชาวบ้านแถวนั้น 
"พ่อสิไปไฮ่ในดง  พวกอีหล้าสิไปไส"
"ไปในดงพู้นละพ่อ พวกสันไปนำได้บ่"
"ไปกะไปติ มาแย่กันแหน่เด้อ"
"จ้า  บ่เป็นหยังดอก"
	ไปในดง กับรถอีแต๊ก สองข้างทางเต็มไปด้วยหนามไมยราบยักษ์ กับก้อนหิน
ก้อนเขื่อง ๆ นั่งโยกเยกกันไปมา เกือบสองชั่วโมง  แล้วก็ต่อด้วยเดินเท้าเข้าไปในไร่
อีกประมาณหนึ่งกิโลเมตร
" เฮ้ย ไอ้ต้นคิดไปหาฟืนมาก่อไฟหุงข้าว"
" โอยพักก่อนได้ไหม เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว"
"เฮ้ยไม่ได้เดี๋ยวมืด ไอ้เบี้ยวแกไปตักน้ำ ไอ้เล็กแกสำรวจสิมีอะไรพอจะทำกินได้บ้าง"
"มีแต่ข้าวสารกับเกลือ "
"เวรแล้วไหมล่ะพวกแก ระลึกความหลังแค่ข้าวสาร เกลือ กับไฟแช็ค ตายไหมละพวกมึง"
"เออ อย่าบ่นนักเลยเดี๋ยวเราเข้าไปดูในไร่มีอะไรกินได้บ้าง"
	ฉันรับหน้าที่ไปสำรวจไร่ หากับข้าวที่พอจะดัดแปลงได้ ปลา ไก่ หรืออะไรพวกนั้น
ในดง และค่ำขนาดนั้นคงหาไม่ได้
	ฉันได้แตงไทยเกือบสุกลูกเล็ก ๆ สองสามลูก พริกป่าอีกกำมือ นอกจากนั้นก็ไม่มี
อะไรที่พอกินได้  พอถึงที่พักไอ้เบี้ยวกางผ้าใบที่พักเสร็จแล้ว ไอ้เล็กยังง่วนในการจุฟืนโหมไฟหุงข้าว
ไอ้ต้น ต้นคิดกำลังรูดฝักถั่วแดง เอาเมล็ดออกมา 
"เฮ้ยหุงข้าวหม้อเดียวพอ  ไอ้ต้นแกไปตัดเอาอ้อยไร่ตรงข้ามสักสองสามลำสิ จะทำถั่วต้มน้ำตาล
กินแก้หนาว"
"เออว่่ะความคิดดี คืนนี้หนาว แน่ๆ ยังไม่มืดเท่าไรน้ำค้างลงแล้ว"
"บททดสอบข้อแรก พวกแกอยู่เมืองร้อนมานาน จะทนได้ไหมกับอากาศเย็นชื้น ๆ แบบนี้"
"บทที่สอง พวกแกชินอยู่กับการกินอาหารดี ๆ วันนี้กินมังสวิรัตนะมึงอยู่ได้รึเปล่า"
"บทที่สาม ยาแก้ไอพวกแกจะพอรึเปล่า แค่สองกลม แล้วกินแบบเพียว ๆ นะแก"
"บทที่สี่ ไร้คลื่นโทรศัพท์ทุกระบบ อย่าคิด ๆ จะอัพสเตตัส 5555"
"บททดสอบแกเหลืออีกมั๊ย อะไรว่ะมันเป็นครูคนเดียวเนี่ยมันก็บ่นให้พวกเราทั้งฝูง
ไอ้นี่เสียนิสัย "
"เออ ถ้าข้าไม่บ่นพวกแกก็เหงา ไปทำงานตามที่สั่งเลยไป"
"มันสั่งจังวะ แกทำกับข้าวให้เสร็จแล้วกัน"
"เออ"
	ฉันใช้มีดพกขูดแตงเป็นเส้นเล็ก ๆ พักไว้ เอาพริกป่าใส่ถุงพลาสติกใช้ก้อนหินทุบจนบุบ
แล้วจึงนำไปคนกับแตงที่ขูดไว้แล้ว โรยเกลือแล้วขยี้ใบส้มลมให้ละเอียดผสมลงไป เขย่า ๆ ถุงให้ส่วน
ผสมทุกอย่างคลุกกัน แล้วชิมรสออกเปรี้ยว หวาน เค็มปะแล่ม ๆ แต่จะออกเผ็ดโดดเนื่องจากพริกป่า
จะเผ็ดกว่าพริกบ้าน แล้วจึงเทกลับลงไปในเปลือกแตงไทยเป็นถ้วยตำแตง
	จากนั้นฉันก็เริ่มทำของหวาน โดยนำถั่วแดงคั่วในหม้อสนามจนหอมและกรอบใส่น้ำลงไป
ต้มจนถั่วเริ่มเปื่อย ใส่เกลือลงไปเล็กน้อยพร้อมกับลำอ้อยที่ปอกเปลือกหั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ ลงไป
หอมถั่วคั่ว หอมน้ำตาลจากอ้อยหวานน้อย ๆ อุ่น ๆ เป็นของหวานที่พวกเราละเลียดได้ แล้วก็ยกนิ้วให้
กันทุกคน
	บรรยากาศวันนั้นอาจจะแตกต่างกับครั้งที่เรายังละอ่อนอยู่เล็กน้อย  ไม่มีกีตาร์ ไม่มีบทเพลง
ของพวกเราแต่ยังมีเรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำของความเป็นเพื่อน  จากเสียงเบา ๆ เริ่มดังขึ้น ๆ 
เพราะยาแก้ไอสองกลมนั่น  แต่ไม่สามารถทำให้ใครเมามายได้มากจนเสียจริต เพราะอากาศรอบ ๆ
ตัวหนาวเหน็บกว่าพื้นราบมากมายนัก  มุขเก่า ๆ ขุดคุ้ยมาพูดคุย มาหัวเราะ
"เฮ้ย หนาวไหมวะ"
"อื้อ "
"จำได้ไหม วงแหวนแห่งความอบอุ่นของพวกเรา"
"ทำมันอีกครั้งได้ไหม"
"อื้อ"
	พวกเราทั้งห้าคนหันหลังพิงกัน ยกเข่าขึ้นมือทั้งสองข้างพาดวางบนไหล่เพื่อน ทุกคนซบหน้า
ลงบนเข่าวงแหวนแห่งความอบอุ่นของพวกเรา มันยังอบอุ่นเสมอ ถึงแม้วันนี้วงแหวนวงนี้จะเล็กลง
แต่วงแหวนของพวกเราก็คงอยู่
"แกว่าพวกเรายังจะมีวันดี ๆ อย่างนี้อีกต่อไปไหม"
"อื้อ แต่อาจจะไม่ดีเท่าวันนี้"
"ทำไมล่ะ"
"ทุกอย่างมันมีเสื่อมไปตามกาลละวะ"
"ตะกี้แกกินข้าวอร่อยมั๊ย"
"อร่อยที่สุดเลยว่ะ"
"ทั้งที่กับข้าวไม่มีอะไร แล้วทำไมข้าวอร่อยวะ"
"หิว เหนื่อย มีเพื่อนกิน แล้วก็บรรยากาศ"
"มันไม่แค่นั้นหรอก ที่มันอร่อยเพราะพวกเรากินด้วยกันต่างหาก"
"เออ จริง ปีหน้าเราจะได้กินอย่างนี้อีกไหม"
"ไม่แน่ว่ะ พวกแกรู้ไหม อาทิตย์หน้าข้าต้องฝ่าตัดสมอง มันมีอะไรโง่ ๆ เยอะต้องเอามันออก"
"เฮ้ย พูดจริงหรือเล่น"
"จริง ข้าเลยอยากพบพวกแก อยากให้พวกแกจำข้าได้ เผื่อข้าจำพวกแกไม่ได้"
"ไม่ขนาดนั้นมั๊ง"
"อย่าปลอบ ข้าจะร้อง ช่างมัน พวกแกสัญญานะถึงข้าจะจำพวกแกไม่ได้ แกต้องจำข้าได้"
"เออ  อย่าคิดมากน่ะ ไม่มีอะไรหรอกไปนอนกัน"
"เออ  พวกแกนอนเถอะ ข้าจะอยู่เวรให้เอง"
"เฮ้ย  แกไม่สบายแกนั่นแหละนอนข้าอยู่เอง"
"ไม่ต้องทำอย่างนี้กับข้า แกทำเหมือนข้าไม่ป่วยได้ไหม แค่สองวันนี้ ที่พวกเราอยู่ด้วยกัน
ได้ไหม"
"ตามใจมันเถอะ"
 	แล้วคืนนั้นทุกคนเป็นยาม ไม่มีใครหลับ เข่งปลาทูก็ยังเป็นเข่งปลาทูหากแต่ว่า
ไม่มีใครทำใจให้หลับลงได้  เสียงสะอื้นสั้น ๆ ขาด ๆ หาย ๆ เริ่มมาจากทางไอ้ต้น แล้วก็ดัง
ขึ้น ๆ เป็นทอด ๆ  ฉันเริ่มทนไม่ไหว
"เฮ้ย ลุก ๆ เป็นห่าอะไรกัน ร้องกันเข้าไป เรามาสนุกกันนะเว้ย ลุกขึ้นมาเลยพวกแก ใคร
ร้องไห้ข้าเหยียบลุกขึ้นมา"
"อื้อ ร้องเพลงกัน  จากวันนี้จะมีเรา เราและนาย"
	เราร้องเพลงร่วมกัน เสียงดังผิดบ้าง เพี้ยนบ้าง เสียงเครือสั่นจะร้องไห้กันทุกคน
เพลงร้องไม่จบ แต่มันจบลงที่เราทุกคนกอดคอกันร้องไห้ จู่ ๆ ไอ้ต้นมันก็หัวเราะเสียงดัง
"เฮ้ย หยุดร้องเว้ย พวกแกดูคลิปนี่ จี้เป็นบ้าเลยว่ะ ไอ้อ้อยแกขี้มูกย้อย  ไอ้เล็กมึงเสียงดัง"
"ไอ้ต้น ไอ้เลว มึงแต่งเรื่องล้อเล่น เล่นกับความรู้สึกเพื่อนเลยนะมึง"
"เออน่า พวกแกก็รู้ข้าคือใคร"
"ไอ้ต้นคนเดิม  ไอ้เ__ห้"
"ขอบคุณครับ ที่จำอัตลักษณ์ของเพื่อนได้"
	คืนนั้นไอ้ต้นก็โดนรุม มันทำให้ทุกคนได้หัวเราะกันทั้งคืน บรรยากาศความรักของเพื่อน
อบอวล  และเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเราทุกคน ไปลาไอ้ต้นเป็นครั้งสุดท้าย ไอ้ต้นนะไอ้ต้นหลอกเพื่อนได้
จนวาระสุดท้ายจริง ๆ แต่เราทุกคนสัญญานะว่าจะไม่ลืมแก หลับให้สบายนะเพื่อน
	แกคือเพื่อนตลอดไป				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟร้อยฝัน
Lovings  ร้อยฝัน เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟร้อยฝัน
Lovings  ร้อยฝัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟร้อยฝัน
Lovings  ร้อยฝัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงร้อยฝัน