22 ตุลาคม 2549 23:29 น.
ร้อยฝัน
ฉันตื่นลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดในห้องแคบ ๆ รู้สึกเหมือนว่า
ฉันนอนยาวนานเหลือเกินแล้ว ร่างกายฉันมันฟ้องถึงความปวดหน่วง
อึดอัด ของกระเพาะปัสสวะที่อุ้มของเหลวเสียไว้เป็นเวลานาน
ฉันดีดตัวลุกขึ้น สลัดแขนสลัดขา ความปวดหน่วงมันคุกคามมากขึ้น
จนฉันไม่อาจโอ้เอ้ รอได้อีก ฉันเดินไปเอื้อมบิดประตูห้องน้ำที่สร้างติด
กับห้องนอนด้วยความเคยชิน ในห้องน้ำมืดมองไม่เห็นสิ่งใด จึงเอื้อมมือ
ไปกดสวิทซ์ไฟ กดไปมาอยู่หลายเที่ยว แต่ไม่มีแสงใด ๆ ลอดออกมา
"ริยำ ไหนแม่งบอกสวัสดิการรัฐ ห่าเอ้ยแค่จ่ายค่าไฟช้าไปสิบกว่า
วัน แม่งตัดไฟกู ไอ้พวก.เห้ เลือกตั้งคราวหน้า ..มึงอย่าหวังว่า
กูจะกาให้พวกมึง กูจะให้ พวกมึงกราบตีนกู อ้อนวอน..หนอย
โชว์นโยบายห่าเหว ตะบักตะบวย ..มันก็ไม่ต่างอะไรกับปลิงล่ะวะ
สูบเลือดเลือดสูบเนื้อจากกู โว้ย เซ็งโว้ย"
ฉันโวยวาย แต่ก็ปลดทุกข์จนเรียบร้อย ความมืดมันก็แค่ความ
ลำบากเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น มันไม่มีอำนาจพอให้ฉันรู้สึกวิตกกังวล
แต่กลับเป็นเรื่องดี ที่ฉันจะได้พักผ่อนนอนซะให้หนำใจ เป็นการชดเชย
เมื่อหลายวันที่แล้ว ที่ฉันต้องตะเกียกตะกายวิ่งตามตะวัน
เมื่อความปวดหน่วงหนักหายไป และรับรู้ได้ถึงความสบายเนื้อ
สบายตัวที่ได้ปลดปล่อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความง่วงงุนหายไป ความมืด
ในห้องก็ฉุดให้ฉันยืดเยื้อนอนต่อ โดยไม่นำพาว่าจะหลับมาแล้วกี่ชั่วโมง
ฉันตื่นมาอีกครั้ง เมื่อสัณชาติญาณความเป็นมนุษย์มันเรียกร้อง
ความหิว มันปลุกฉันจากหลับไหลฉันเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง
แต่ก็เปล่า ยังมืดเหมือนเดิม ไฟไม่ติด
"ห่าเอ้ย .." ฉันสบถออกมาอย่างหัวเสีย
ฉันจึงลุกขึ้นจากเตียงไปยังหน้าต่าง ผลักหน้าต่างเปิดออกไป
หวังพบแสงสว่างดังเช่นทุกวัน แต่ ข้างนอกยังมืดมิด ไม่มีแม้แต่
แสงเทียนเล็ดลอด
" เฮ้ย เป็นห่าอะไรวะ ไฟดับทั้งเมืองหรือไง หิวตายชัก จะหาอะไร
กิน ได้วะนี่"
ท้องมันเริ่มประท้วงอย่างเอาเป็นเอาตาย ฉันพยายามปรับสายตา
ให้เข้ากับความมืด หากทว่าไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย
มือฉันจึงเริ่มป่ายเปะปะ ควานหาไฟฉายที่มักจะเก็บไว้หัวเตียงด้วยว่า
เมืองนี้ประเทศนี้ เพียงแค่ลมพัดดอกไม้ไหว ไฟก็ดับเอาเสียง่าย ๆ
มือสัมผัสเข้ากับไฟฉาย แต่เพียรเปิดสักเท่าไรก็ไม่ติด
ถ้าไม่หัวเทียนบอร์ด ก็หมดถ่านฉันจึงละความพยายามจากไฟฉาย
ควานหาโทรศัพท์มือถือที่น่าจะส่องให้เห็นได้ในชั่วระยะหนึ่ง แต่ก็เปล่า
มือถือของฉัน มันบอดสนิทเช่นกัน ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น นึกขึ้น
ได้ว่ามีเทียนอยู่กล่องและไฟแช็คที่ฉันใช้เผาปอด เผาเงินอยู่เป็นประจำอยู่
ฉันเดินสะเปะสะปะไป ควานหาอย่างร้อนรน ฉันเจอเทียนเป็นอย่างแรก
และเจอไฟแช็ค ในเวลาต่อมา แต่เมื่อฉันจุดไฟแช็ค คว้าน้ำเหลว ไม่มี
ไฟแม้แต่ประกายเล็ก ๆ ดังนั้นความหวังสุดท้ายของฉันก็คือ เปิดประตู
ออกไปร้องเรียกคนข้างนอก เผื่อว่าจะมีใครช่วยฉันได้
ฉันเปิดประตูออก แล้วมองออกไป มืดเสียยิ่งกว่ามืด ไม่มีผู้คน
ทุกอย่างเงียบงัน ความกลัวทำให้ฉันรีบปิดประตู เข้ามานั่งสับสนอยู่ในห้อง
"เกิดอะไรขึ้น ฉันหลับไปแค่กี่ชั่วโมงเองไม่ใช่หรือ ทำไมมันมืด
อย่างนี้ หรือว่าเกิดสงคราม"
"เอ เกิดสงคราม ทำไมถึงเงียบอย่างนี้นะ หรือว่าทุกคนตายแล้ว
รวมทั้ง ฉันด้วย"
ความสงสัยทำให้ฉันลองหยิกตัวเองเข้าเต็มแรง
"เจ็บ ฉันยังเจ็บ แสดงว่าฉันยังไม่ตาย แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
พระอาทิตย์ดับหรือ แต่เอ แล้วผู้คนหายไปไหนกันหมด"
ฉันสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นระคนกับความกลัว ความสับสน ที่เกิดขึ้น
ภายในจิตใจ ความหิวกระหายที่ร่างกายเรียกร้องเมื่อครู่ ดูเหมือนจะ
แพ้ใจที่สับสนไปแล้ว
ฉันนั่งจมอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ความหิวเริ่มคุกคามอีกครั้ง ฉันคลาน
ไปที่มุมห้อง ที่ฉันมักจะเก็บกระติกน้ำ กาแฟไว้ดื่มยามกระหาย แต่ขนม
หรือของกินอื่นนั้นไม่มีแน่ เพราะฉันมักจะฝากท้องไว้ที่ร้านค้า และร้าน
สะดวกซื้อซะหมด แต่เวลาอย่างนี้มีอะไรก็ต้องกินเข้าไปก่อน
ฉันควานพบกระติกน้ำร้อน กดลงไปแต่ไม่เหลือน้ำในกระติก
อยู่เลย
"เอาวะ กาแฟกับน้ำเย็น ไม่ละลายมั่งก็ช่างมัน ดีกว่าให้หิวต่อไป"
"เว้ย กาแฟก็หมด น้ำก็หมด ทำไงวะเนี่ย"
ฉันซมซานไปที่ก๊อกน้ำในห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่มีน้ำสัก
หยดเดียว
"โว้ย มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา คนมันหายไปไหนกันหมด
แล้วมันจะดับ ถึงชาติไหนวะ ไอ้ไฟบ้า กูจะบ้าแล้วโว้ย"
ฉันตะโกนระบายความอึดอัดที่มันเกิดขึ้น แต่ก็เปล่าทุกอย่างยัง
เหมือนเดิม เงียบสงบและมืดมิด ความกลัวเริ่มคุกคามฉันมากขึ้น
จนฉันไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไป ฉันควานหามีดโกนหนวดใน
ห้องน้ำ กรีดเบา ๆ บนข้อมือ น้ำเหนียว ๆ ซึมออกมา ฉันก้มลงดูดมัน
แม้กลิ่นมันจะคาวน่าสะอิดสะเอียน แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่า มันหวานนัก
สำหรับฉัน ดูดดื่มทีละนิด ต้องเพิ่มอีก เพิ่มอิก ฉันจะกรีดมันอีก
กรีดมันลึกลง ลึกลง มันไหลแรงขึ้น แรงขึ้น ฉันจะดื่มมัน ดื่มมัน
ให้หมดทุกหยด มันเป็นความสุขสุดท้ายของฉัน ในรู้สึก มีฉันคนเดียว
ที่รู้สึก ท่ามกลางความมืดมิดและเปลี่ยวเหงานี้ ฉันจะหลับ หลับไหล
ในความมืดมิด ชั่วนิรันกาล
ความมืดเอ๋ย แม้ข้าจะกลัวเจ้า
แต่ข้าก็มิอาจยอมแพ้เจ้าได้ดอก
และข้าเลือกที่ไปจากเจ้าชั่วนิรันดร์
ความเปล่าเปลี่ยวเอ๋ย
เมื่อเจ้ารับข้าเป็นเพื่อน
ใยเจ้าจึงยอมให้ข้าจากไป
เจ้าไม่ใช่...เพื่อนแท้ดอกหรือ
ข้ารู้ มีเพียงตัวข้าที่เป็นเพื่อนแท้
ข้ารู้ ข้าจะหลับนิรันดร์
ข้าจะหนีความมืดมิด
ข้าจะหนีความเปล่าเปลี่ยว
และข้า ทำสำเร็จ