20 กันยายน 2554 22:51 น.
ร้อยฝัน
ท่ามกลางแสงดาวที่พราวพร่าง
คนเหงาจะอ้างว้างสักเพียงไหน
เหลียวมองรอบกายไม่มีใคร
กอดเข่าเศร้าใจเพียงลำพัง
แทรกทรุดอยู่ในหว่างหินผา
ยกมือปาดน้ำตาหมดสิ้นหวัง
กายหนาวสั่นใจร้อนรนปนความชัง
ประเดประดังเข้ามารุมสุมดวงใจ
ท่ามกลางป่าเขาเงียบสงัด
แค่ยินเสียงลมพัดก็หวั่นไหว
ใบไม้แกว่งแข่งขันประชันใบ
คนอยู่ไกลใจคงแบ่งคงแกว่งตาม
เทียนเล่มน้อยด้อยแรงแสงริบหรี่
หรีดหริ่งเฝ้าส่งวจีมาเอ่ยถาม
โอ้ใจหนอปวดเพียงไหนในโมงยาม
เมื่อซุกซอนอยู่ท่ามความเดียวดาย
น้ำค้างหยดใกล้ทางสว่างแล้ว
หยดน้ำแก้วตามรายทางคงจางหาย
เหลือเพียงทุกที่ประดัง ณ ฝั่งปลาย
เหลือสุดท้ายสุดทางร่างฝังดิน
28 สิงหาคม 2554 21:12 น.
ร้อยฝัน
ณ เมืองสุนะขะอันผาสุก
แม้จะนั่งฤาลุกก็สุขโข
ปกครองด้วยสะภาอันใหญ่โต
มองดูโก้โอ่อาน่าเข้าชม
ในสะภามีตัวแทนสุนะขะ
ผู้ที่จะนำประชาพาสุขสม
เปิดวิกให้ในสะภาโต้คารม
ให้ชื่นชมยินดีที่เลือกมา
ประเด็นเขื่องเรื่องใหญ่ในวันนี้
ข่าวล่าน่ายินดีเป็นนักหนา
มีข่าวแจ้งสุนะขะทั้งพารา
จะอยู่ดีถ้วนหน้าในครานี้
ตลาดตกเหนือใต้ให้เร่งรุด
ให้เร่งขุดกระดูกเนื้อเผื่อเต็มที่
สุนะขะทั้งหลายอย่ารอรี
จงเร็วรี่เข้ามาอย่ารามือ
กินให้หมดในวันนี้ วันหน้าหา
อย่าถามถิ่นที่มาอย่าไปถือ
ฝนเขี้ยวลาก บากไว้ให้ฝึกปรือ
เพราะนั่นคือหน้าตาสะภาเรา
จะล้มลุกคลุกคลานเป็นงานหน้า
วันนี้สนุกสุขอุราอย่าไปเหมา
ที่ถูกติงมันแค่คันวันเบาเบา
อย่าทำเขลาขลาดกลัวอย่ามัวเกรง
มีอำนาจในมือยึดถือไว้
จะผลักไสไอ้ตัวที่มัวเบ่ง
ให้รู้ว่าข้ายิ่งใหญ่ใจนักเลง
ให้ถือเคร่งข้าคือท่านประธานสภา
จะฟังความข้างไหนในใจเลือก
ตัวไหนเสือกค้านคัดทัดทานข้า
ก็แค่ทำอย่างเคยทำเฉยชา
หูอยู่นาตาอยู่ไร่กลับไม่ทัน
แต่สุนะขะธรรมดาอย่างข้านี้
รึจะมีโกธาสะภานั่น
เห็น walk out ออกมาไม่ว่ากัน
ทั้งสะภาคงคันกันทุกตัว
นึกเสียดายเข้าแถวถึงบ่ายสอง
คอยจับจ้องเลือกไว้มิได้มั่ว
ดูผ่องแผ้วแพรวพราวคราวนี้ชัวร์
ทั้งควายงัวในสะภาหาไม่มี
อายคนเขาไหมเล่าสภาเอ๋ย
คนเขาน่ะไม่เคยทำอย่างนี้
เปิดสภาเพื่อแก้ไขให้สิ่งดี
มิเคยมีสิ่งชั่วร้ายทำลายกัน
หนึ่งคนพูดหนึ่งคนฟังทั้งเหตุผล
ใช่หนึ่งลุกหนึ่งบ่นบนคอกกั้น
ต่างมียิ้มพริ้มพรายส่งให้กัน
ใช่ห้ำหั่นจนมั่วทุกตัวตน
2 กรกฎาคม 2554 09:32 น.
ร้อยฝัน
กอดฉันแน่นแน่นหนอยจะได้ไหม
ขอซบพิงอิงไหล่ได้ไหมนั่น
ด้วยเรื่องราวถาโถมโหมทุกวัน
เกินกว่าฉันจะรับไหวด้วยใจบาง
เอ่ยถามฉันหน่อยจะได้ไหม
ขอเพียงแค่บางใครมีใจบ้าง
แม้ความสุขจะหล่นหายในรายทาง
แต่ไม่ร้างใจมิตรคิดแชเชือน
หยุดฟังฉันหน่อยจะได้ไหม
ขอฉันเอ่ยความนัยจากใจเปื้อน
เป็นความจริงทั้งหมดงดบิดเบือน
อยู่เป็นเพื่อนสักนาที่ก่อนที่จร
ปลอบใจฉันหน่อยจะได้ไหม
เสแสร้งแกล้งห่วงใยให้รู้ก่อน
แค่มองด้วยหางตาอย่างอาทร
ใจที่ร้อนดวงนี้คงคลี่คลาย
ในสำนึกอยากออกนอกกรงขัง
ที่อยู่เพียงลำพังจนแหนงหน่าย
ซานซมตรมเศร้าเหงาเดียวดาย
วันสุดท้ายแค่บางใครเข้าใจเรา
23 มิถุนายน 2554 00:27 น.
ร้อยฝัน
(เติน) อ้ายเอ้ย
เจ้าเห็นบ่ฟ้าสีแหล้ ยามเจ้าแลลงเบื้องต่ำ
เห็นแต่ดำอยู่พื้น ยามยืนถ้าแม่นผู้ใด แม่ผู้ใด๋ นออ้ายนา
(กลอนลำพื้น)
ตะเว็นแดงอยู่ก้ำล่ำเขตขุนเขา
แต่น้องเนาอยู่เดียวเปลี่ยวใจอยู่ทางนี้
บ่าวผู้ดีเอ้ยน้องถ้าให้เหลียวมาสบตาแหน่
เทิงผู่แก่แม่เฒ่านั้นรอเว่าบอกก่าวเติน
ให้ฟังเสียงน้องเอิ้นเตินใส่ซายคนฮัก
อย่าสุหักอกนางห่างเหินจนเกินเว่า
อย่าหูเบาเซื่อคำย้องยองยองขึ้นปานบ่าว
เบิ้ดเซือกสาวมันสิห้อยลอยก้ำดอกส่ำดิน
บัดนั้นแหล่วอ้ายสิดิ้นปีนป่ายหายหนี
สิบ่มีไผนำส่ำกันกับหมาว้อ
เซาซานอนออ้ายน้องหักอายดอกคนส่า
เป็นสาวเฒ่าอยู่ถ้าเป็นบ้าดอกแต่ซาย
เห็นใจน้องถ่อนอ้ายอย่าสุหน่ายแหนงหนี
เบิ๊ดหัวใจน้องยอมพลียกถวายแด่ซายนั้น
ยกเอาใจมาฝั่น ผันเกลียวให้มันกอด
ให้เฮาเป็นยอดซู่ ซูไว้ให้แก่นเหนียว
ให้แก่นเหนียว....
ศรีนานวล มาม้วนไว้ก่อนซะเด้ออ้าย
2 มิถุนายน 2554 20:09 น.
ร้อยฝัน
คนดู
เฮ้ยเจ้าจุก เจ้าแกละและยายจ้อย
เร่งฝีเท้ากันหน่อยกวดเต็มที่
เสียงฉิ่งฉับกรับฆ้องก้องเวที
แว่วเสียงปี่ขลุ่ยหวานดังแว่วมา
หมอลำเริ่มเปิดม่านแสดงแล้ว
เสียงเจื้อยแจ้วตาพร่าลายด้วยไฟจ้า
แดงเขียววาววิบวับระยับตา
ปูเสื่อสาดข้างหน้าพากันดู
หมอลำออกกล่าวขานตำนานเรื่อง
ตัวตลกทำเขื่องเรื่องต่อสู้
ทั้งตะโกนโวยวายใช้มึงกู
ทั้งพูดขู่ล้อเลียนเปลี่ยนอารมณ์
เหล่านางรำ รำฟ้อนดูอ่อนหวาน
สุขสำราญหัวเราะร่วนล้วนสุขสม
บางบททุกข์ บางบทเศร้าเร้าอารมณ์
พลอยขื่นขมน้ำตารดหยดลงมา
หมอลำ
มีหมอลำคณะดังมาแสดง
หลายคณะขันแข่งแย่งเอาหน้า
โชว์นักร้อง นักแสดงแข่งดารา
เพียงหวังว่าคนดูเทคะแนน
เป็นหมอลำคณะดังนั่งที่หนึ่ง
วาดหวังถึงรอบต่อไปได้หลายแสน
มีชื่อเสียงกระจายไกลไร้คนแคลน
คนทั่วแคว้นยกย่องทำนองลำ
ทั้งเนื้อเรื่องตัวแสดงดูยิ่งใหญ่
โดดเด่นในเวทีที่ก้าวย่ำ
แสงไฟสาดดนตรีเร้าเข้าชักนำ
โฆษกย้ำขอแรงเชียร์เสียก้องวง
ต่างประชันขันแข่งด้วยฝีมือ
ที่ยึดถือเอาไว้ไม่ไหลหลง
ตราบชั่วนานลูกหลานยังดำรง
อยู่ยืนยงคู่คนไทยไว้ช้านาน
คนเดินดิน
คนเดินดินธรรมดาผิวหน้าคล้ำ
หากแต่น้ำใจท่วมท้นล้นทุกด้าน
ไม่รู้เรื่องการเมืองเรื่องทางการ
แต่เรื่องงานนาไร่ไม่ให้คอย
เพียงแต่รอฟ้าอำนวยอวยพรให้
มีของใช้มีเงินเกินใช้สอย
คาดหวังว่าจะเป็นจริงใช่แค่รอย
ที่ทยอยเป็นสิ่งดีในชีวิต
ต่างคาดหวังการพัฒนาพาเรืองรุ่่ง
ทั้งการมุ้งการเมืองเรื่องถูกผิด
แต่ยิ่งดูยิ่งร้ายยิ่งคลายพิษ
ยิ่งสะกิดฝีร้ายให้กลายลาม
คณะหมอลำแข่งขันด้านฝีมือ
ให้เลื่องลือชื่อเสียงน่าเกรงขาม
การเมืองไทยยิ่งลับกลับไร้นาม
ถูกเหยียดหยามว่าสี่กอป้อกันไป
แล้วจะเหลืออะไรให้เชื่อถือ
ในเมื่อมือถือสากปากถือไม้(อะไร)
มีทั้งยักษ์ทั้งมารพาลจัญไร
โอนี่หรือเมืองไทยในวันนี้