13 ตุลาคม 2548 22:12 น.
ร้อยฝัน
>>>> หลังเก็บเกี่ยว รวบข้าว เอามาจัด
นำมามัด เป็นฟ่อน ก่อนขึ้นฉาง
รวบมากอง รวมไว้ แล้วจัดวาง
ลงตรงกลาง เกวียนน้อย ค่อยลำเลียง
>>>> เข้าสู่ลาน ที่ใช้ ขึ้ควายฉาบ
พื้นลานราบ ดูคล้ำ ดำเป็นเหนี่ยง
จึงขับเกวียน ขนข้าว มาจอดเคียง
นำข้าวเรียง เป็นลอม ไว้ขอบลาน
>>>> ถึงวันดี บอกกล่าว เล่าพวกพ้อง
รวมพี่น้อง ด้วยรัก สมัครสมาน
มาตีข้าว ช่วยกัน หน้าชื่นบาน
เสร็จจากงาน ร่วมล้อมวง กินข้าวปลา
>>>> ข้าวเหนี่ยวนึ่ง สุกใหม่ ต้มไก่บ้าน
รสจัดจ้าน ทั้งส้มตำ ทั้งยำพล่า
แบกเอาไห สาโท ที่หมักมา
รินสุรา ลงจอก แล้วแจกกัน
>>>> เอาแคนเป่า บรรเลง เพลงหมอลำ
ชวนงามขำ ฟ้อนเกี้ยว เกี่ยวใจมั่น
สานใยรัก ผองเฮา ร่วมผูกพันธ์
ไม่เปลี่ยนผัน แม้วัน จะเปลี่ยนไป
>>>> เป็นบทเพลง ลำนำ แห่งท้องนา
ทรงคุณค่า ความจริง อันยิ่งใหญ่
ลูกอีสาน ไม่แล้ง ซึ่งน้ำใจ
ค้นหาได้ ทั่วไป ในถิ่นนี้
>>>> จึงภูมิใจ ที่เป็น ลูกข้าวเหนียว
แม้ซีดเซียว ยากจน ทนกับหนี้
ก็ภูมิใจ ที่ตน เป็นคนดี
ไม่ปล้นจี้ โกงกิน ใช้ลิ้นลวง
12 ตุลาคม 2548 23:52 น.
ร้อยฝัน
>>>.> โอ้แม่ยอดยาหยี
พี่นี้หนักนะรู้ไหม
เดินเองไม่ได้หรือทรามวัย
ไฉนให้พี่นี้ แบกมา
>>>.> ดูสิ เจ้างอนพี่
ทั้งที่ ยอมให้หมดแล้วหนา
ตัวพี่นี้แสนจะระอา
โอ้แม่กานดา พี่เหนื่อยใจ
>>>.> ต้องมารับภาระหนัก
ก็เพราะรักจึงทนได้
แบกทั้งตัว แทบไม่ไหว
เป็นคนรับใช้ แต่เธอ
>>>.> ดูสิ แม่ยอดหญิง
คงพาล้มกลิ้งหากเผลอ
ทั้งเบื่อทั้งเซ็งจริงนะเออ
ก็แม่คุณเธอหนักเหลือทน
9 ตุลาคม 2548 20:47 น.
ร้อยฝัน
>>>> มองทุ่งนา ฟ้ากว้าง สร้างความฝัน
จะพลิกผัน ธรณี ให้มีค่า
ให้กลายเป็น ทุ่งทอง แห่งท้องนา
สร้างคุณค่า สร้างชีวิต ลิขิตตน
>>>> พอฝนหล่น เม็ดแรก แทรกสู่พื้น
ความชุ่มชื้น คืนสู่ ดินอีกหน
รีบไถหว่าน ข้าวกล้า ในนาตน
ให้ทันฝน ทันฟ้า ข้าวกล้างาม
>>>> จากต้นกล้า แตกกอ รอเก็บเกี่ยว
จากข้าวเขียว แลเมลือง เหลืองอร่าม
ชาวนายิ้ม หน้าชื่น ทั่วเขตคาม
นึกถึงยาม นับเงิน เพลินอุรา
>>>> ขายข้าวแล้ว ตรวจบัญชี ดูหนี้สิน
อยากจะดิ้น ขาดใจ ลงตรงหน้า
ทั้งค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ทั้งค่ายา
อีกค่าจ้าง ค่ารถรา น่าเหนื่อยใจ
>>>> ลองหักลบ กลบหนี้ ที่มีอยู่
ใจหดหู่ เงินไม่พอ เหลือเก็บได้
เพียงแค่จ่าย หนี้สิน ให้พ้นไป
ทำอย่างไร ดีหนอ จะพอกิน
>>>> คงไม่แคล้ว หยิบยืม มาอีกหน
โอ้ความจน ขับไล่ ไปไม่สิ้น
ทำงานหนัก หวังพลิก ผืนแผ่นดิน
ได้ทำกิน เลี้ยงตน พ้นลำเค็ญ
>>>> แต่ดูเหมือน ที่ทำ จะสูญเปล่า
เหมือนวันเก่า ยังยากไร้ ยังทุกข์เข็ญ
แม้จะสู้ จนหยาดเหงื่อ ไหลกระเซ็น
ก็ยังเป็น คนจน สิ้นคนมอง
ส่งท้าย
>>>> ตรองเอาเถิด สูเจ้า ข้าวทุกคำ
เจ้าจงจำ เอาไว้ ใส่สมอง
จากหยาดเหงื่อ ชาวนาค่าดั่งทอง
เลี้ยงปากท้อง ให้รอด ตลอดไป
6 ตุลาคม 2548 21:14 น.
ร้อยฝัน
------- คนประนาม หยามข้า ว่าหน้าโง่
ตัวใหญ่โต แต่สมอง หามีไม่
ต้นตำนาน แห่งลูก ที่จัญไร
ให้นามไว้ ไอ้ลูก ทรพี
------ คงเป็นกรรม เป็นเวร แต่ปางนั้น
จึงแต่งปั้น ให้ข้า เป็นอย่างนี้
รับใช้คน มานาน เป็นโกฏปี
ไม่เคยมี คุณค่า ราคาพอ
------ คอยเปรียบเปรย ตัวข้า ว่าโง่งม
ใยไม่ก้ม ดูเงา ตัวเองหนอ
ดีกว่าข้า แค่ไหน เล่าใจคอ
เห็นบ้าบอ เมามัว กลั้วโสมม
------ ที่ยอมให้ สนตะพาย ใช่ข้าโง่
ใช่ตัวโต สมองฝ่อ ไม่เหมาะสม
แต่เป็นเพราะ ข้าซื่อ จึงยอมตรม
จึงยอมก้ม คุกเข่าให้ เจ้านายมัน
------ ดูสิคน ผู้ประเสริฐ เลิศกว่าข้า
มีปัญญา ก็ลอง ตรองดูนั่น
มันสมควร หรือไม่ อย่างไรกัน
ฤาคนนั้น เปรียบได้ กับควายนา
30 กันยายน 2548 09:43 น.
ร้อยฝัน
เก็บเอาฟาง ข้างนา เอามามัด
นำมาจัด แขนขา แล้วทาสี
เป็นจมูก หูตา ดูสวยดี
เสียบไม้ที่ กลางตัว เป็นหุ่นฟาง
นำเสื้อเก่า กางเกงขาด มาสวมใส่
ผูกกะโหร่งไว้ ทำเสียง ดังโกร่งกร่าง
เอาไปไว้ ปลายนา เป็นหลุมพลาง
ไล่นกกา ต่าง ต่าง ให้หนีไป
ช่างแยบยล กลวิธี ที่คนคิด
นกหลงผิด กลัวเกรง ว่าถูกไล่
ไม่เคยนึก ตรองดู เป็นอย่างไร
พอตกใจ บินหนี มิรีรอ
หุ่นหลอกนก นกตกใจ บินไลลับ
แล้วย้อนกลับ มาใหม่ อีกหนหนอ
เพียงแค่หลอก ไม่ทำร้าย ได้ลงคอ
เพียงแค่ขอ ข้าวกล้า ในนางาม
คนหลอกคน ช่างร้าย ทำลายมิตร
คอยจ้องคิด ฉกฉวย ไม่เกรงขาม
หลอกเอาทรัพย์ หลอกให้ช้ำ ซ้ำคุกคาม
จนลุกลาม เรื่องใหญ่ ไม่เคยกลัว
ใครที่โง่ เป็นเหยื่อ ให้เถือได้
มันหลอกไป ปล้นกิน ด้วยลิ้นชั่ว
เป็นปลาเน่า ในข้อง ให้หมองมัว
ขอแค่ตัว สบาย ไม่อายใคร
มองคนอื่น ไม่มีค่า เปรียบลาโง่
อพิโธ่ ปัญญา หามีไม่
ต้องถูกหลอก ให้ช้ำ อยู่ร่ำไป
แล้วเมื่อไร จะฉลาด ไม่พลาดพลั้ง
คนหลอกคน เป็นใหญ่ ในเมืองนี้
มันย่อมมี โอกาส อำนาจสั่ง
คนเดินดิน แหกปากไป ใครจะฟัง
จึงทนนั่ง ก้มหน้า มิกล้ามอง
เมื่อตรองดู จึ่งรู้ ถึงคุณค่า
หุ่นไร้กา ที่ไร้ มันสมอง
ยังประโยชน์ ชาวนา ตามครรลอง
มิเทียมทอง แต่มีค่า กว่าคนลวง