28 ตุลาคม 2547 08:56 น.
รำนำ
@_ทั้งเหนื่อยรานฉานจิต เพราะ พิษบ่วง
จึงหมองหน่วงหนักกมล เพราะ กลหนา
ที่พักตร์เศร้าเงาหม่น เพราะ มนต์ตรา
สิ้นสงบจินตนา เพราะ ล้าปราณ...
@_เพียรหลบหลีกปีกรัก เพราะ หนักฤทธิ์
เกรงศรพิษยากถอน เพราะ ฟอนผลาญ
เหตุเมื่อรักภักดิ์นิตย์ เพราะ จิตดาล
เพียงยังย่านปลอมบ่วง เพราะ ลวงกัน...
@_ยามสมัครสยบยอม เพราะ ออมรัก
จึงพ่ายแพ้กับดัก เพราะ ถักสรร
แม้ไม่คิดไขว่คว้า เพราะ เกรงทัณฑ์
ยังยากรั้นลาจาก เพราะ มากนัย...
@_จึงอยากซบหลบซอน เพราะ รอนร้าว
พักรักษาคราวคลอน เพราะ อ่อนไหว
คิดจะตัดเยื่อใยขาด เพราะหวาดภัย
เกรงดวงใจแตกคลี เพราะ พี่จร...
@_จนถ้อยคำพร่ำวอน เพราะ ร้อนเร่า
แจ้งเจตน์เขลาเฝ้าหวั่น เพราะ รั้นถอน
หากกลับตัดไม่ขาด เพราะ สวาทซอน
จึงเงียบงันผันซ่อนวาจาแจง...
หมายเหตุ
ตอบบทกลอน
~ ถอนจิตลาถาจาก ฤ อยากจม ~
บอกอกูรู
...๏แสนเหนื่อยรานซ่านหนัก ฤ รักพิษ
จึ่งหมองฤทธิ์จิตหม่น ฤ กลหรา
เพียงพักตร์ล้าภาป่น ฤ มนต์ตรา
แค่สุขราคร่าศานต์ ฤ ลาญทรวงฯ....
...๏เพียงสรรรักภักดิ์สาน ฤ ดาลดัก
แค่เจตน์รักกักจิต ฤ พิษหวง
จินต์เย้ารักจักแย้ม ฤ แต้มลวง
บ่มรักรวงบ่วงรัด ฤ ศัสตราฯ....
...๏ทิ่มจ้วงแรงแทงจิต ฤ ฤทธิ์ดาบ
พี่พ่ายราบภาพภินท์ ฤ สิ้นสา
หลาบเล่ห์รงค์หลงใหล ฤ ไขว่หา
ถอนจิตลาถาจาก ฤ อยากจมฯ....
...๏เพียงถอยหลักพักทัพ ฤ จับเจ่า
ละร้อนเร่าร้าวรอน ฤ ซ่อนสม
อยากข่วนเรื่อเยื่อขาด ฤ สวาทพรม
สรรค์ลวงลมสมแล้ว ฤ แก้วแข ฯ.....
...๏ขอนุชร่ำคำน้อย ฤ ฝอยพรั่ง
เพียงเผลอหลั่งพลั้งผาย ฤ ร่ายแห
ชวนเร้ารื่นชื่นรัด ฤ ตัดแด
แม้นเจ้าแปรแม้ชอกโปรดบอกเทอญฯ....
28 ตุลาคม 2547 08:41 น.
รำนำ
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
กลางค่อนระตรีหนาว
ระกะพราวชลานัยน์
เรียมร่ำวจีไข
นภลัยพยานเรา
...........................
จารจำสิคืนนี้
ก็ฤดีจะจดเนาว์
ยามไกลวะธูเหงา
พิศะเพราเสน่ห์ดาว
เก็บดาริการ้อย
ดุจสร้อยมกุฎวาว
ปลอบจนนภาขาว
รวิจ้าวโพยมพราย
แม้นคิดถวิลหา
ก็นภาจะแทนกาย
เกลื่นดาษดาหมาย
ดนุคล้ายสิดารา
จำพรากละจากเจ้า
ดริเฝ้าจะคืนมา
เพียงสรีรไกลหนา
มนข้าฯบ่คลาไคล
...........................
คือถ้อยดนูพร่ำ
นุชย้ำจิตานัย
ดาราประโลมใจ
ศิวิไลผสานขม
รอภักดิปนโศก
พิษวิโยคคะนึงตรม
มองดาวไฉนซม
สิผสมฤทัยหาย
วอนเพียงตะวันแสง
คละแสร้งจรกราย
สำแดงรสีสาย
ก็ละม้ายละดาวคง
28 ตุลาคม 2547 07:56 น.
รำนำ
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
รอนรอนระริกหนาว
รติร้าวพิลาปไร
นวลแจ่มสิแขไข
ดุรไห้อุราราน
แสงสูรย์ก็เจิดจ้า
รพิกล้าจรัสตาม
จันทร์แสงวะวับหวาม
ศศิคร้ามจะแทนทอ
ซาบซึ้งคะนึงนิจ
ก็มิคิดจะทาบคลอ
หาญเปรียบตะวันหนอ
ผิลออ ธ หมายปอง
เพียงยลตริว่าแสง
ฤดิแจ้งผจงมอง
เจียมจิตจรูญหมอง
พิศะจ้องก็อิ่มใจ
ตรึงตาสว่างบ้าง
ฤ มิร้างมิผ่านไป
ฉวยยามจะอาศัย
นภมืดก็เพียงพอ
ขอเป็นก็เพียงไต้
ดุจให้พิทักษ์รอ
อาบอุ่นกระไอขอ
สิบ่ท้อจะยอมทน
28 ตุลาคม 2547 04:05 น.
รำนำ
สัทธราฉันท์ ๒๑
เคียง..ใกล้ใช่ชื่นระรื่นครอง
อธิกรติจะปอง
คั่งและค้างหมอง
ฤ พ้องพาน
คู่ใช่ไคล้ชิดสนิทสาน
หทัยสิระอุลาญ
ปองประคองฉาน
ลุวารวัน
แค่เคล้าเฝ้าออมถนอมมั่น
มนสิก็ริจะปัน
ทุกขะแทนผัน
บ่หวั่นใด
คงเมินเกินพบจะสบนัยน์
ผิวะอัสสุชลไว
แววจะแพรวไข
และไหม้ตรม
ความซาบภาพลวง ฤ บ่วงปม
ก็บ่ตริภวภิรมย์
วอนดนูสม
ก็ชมชัย
28 ตุลาคม 2547 03:42 น.
รำนำ
ลมหนาวอะคร้าวพัด
ลุระบัดสะบัดปลาย
เสียดผิวระริ้วผาย
ดุจร่ายกระจายมนตร์
เสกเป่าและเร้าโศก
วิปโยคกระโชกกล
บันดาลสะท้านฝน
ลวะท้นจะล้นนัยย์
ยิ่งหนาวสิร้าวนัก
จดสลักประจักษ์ใจ
หนาวเฝือจะเหลือไหน
ฤดิไห้กระไอลม
ยืนแกร่งจะแสร้งเก่ง
สิบ่เกรงผิว์เคว้งตรม
กลบอัสสุชลขม
จะมิล้มและก้มยอม