11 กุมภาพันธ์ 2546 15:23 น.
ราม ลิขิต
เธอพับเพียบเรียบร้อยคอยขำไข
เขาก็ใจจดจ่อต่อคำขาน
ฉันเองจิตจับจ้องคล้องคำกานท์
บนเวทีบรรสานวรรณศิลป์ไทย
เรียวปากอิ่มยิ้มน้อยในรอยหน้า
สักวาราวคลื่นอันลื่นไหล
กังวานแว่วแจ้วเจื้อยเลื้อยรัดใจ
สูงต่ำไล่คำหล่นดั่งคนธรรพ์
สักวาแสนเศร้าพระเสาร์แทรก
พระศุกร์แสกบินซ้อนสะท้อนขวัญ
นักเลงโตโห่รี่เข้าตีรัน
สุขุมวิทก็พลันอันตรธาน
ยังมิหนำช้ำในใจเป็นหนอง
น้ำตานองศัตรูนัดประหัตหาร
ขอมเขมรเกณฑ์เถลิงพระเพลิงกาฬ
ใครจะทานทนไหวนะไทยเอย
เขาไม่แก้แต่กร้าวอยู่กราวก้อง
ดอกสร้อยซ้องเสียดทรวงทะลวงเสย
ได้จังหวะจะโคนอย่างคนเคย
ฟังเหมือนเย้ยแต่ไม่หยันคันหัวใจ
ดอกเอ๋ยดอกทอง
จะถูกถองถูกทำหรือถูกไถ
ล้วนที่นี่ที่เขตประเทศไทย
เห็นน้ำลายไหลท่วมไทยแลนด์
สื่อสิงมวลชนอลหม่าน
เงินทองทับอานจนหลังแอ่น
ทำเซ่อเดี๋ยวสวยโดนมวยแทน
ดอกทองมากแสนรวมแลนเอย
ฉันยิ้มย่องผ่องใสฉ่ำใบหน้า
แว่วหวานวาจาดูผ่าเผย
เสียงปรบมือม่วนก้องห้องภิเปรย
สวัสดีเหมือนเคยท่านผู้ชม/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:14 น.
ราม ลิขิต
ทยอยพลผจญพาล
ทแยงต้านทะยานตี
หทัยศึกระลึกศรี
สยามศักดิ์สลักสรวง
ธุลีกรุงสะดุ้งมาน
อยุธรานเพราะการลวง
อรินทร์ใกล้ก็ใจกลวง
ระย่อหย่อนกระฉ่อนไกล
มิรักเชื้อและเถือชาติ
แสวงคราสสวาทไคล
สะบั้นชาญทหารชัย
ก็สิ้นไทยประลัยถึง
มโนชัดมนัสภาพ
พระเพลิงอาบกระหนาบอึง
สยองตาผวาตรึง
จะแค้นตามลุสามไตร
ตระหนักไว้พระนายกอง
มินานล่องนิราลัย
ทหารกูจะจู่ไป
ตะลุยตัดตวัดหัว
มิรักถิ่นถวิลมุ่น
นิราคุณสถุลมัว
แสวงกามมิขามกลัว
กระนั้นชาติมิอาจขาย
กลัมพรนครค่ำ
พระเนตรก่ำระกำกาย
พิรุณส่ำกระหน่ำสาย
พหลโศกวิโยคย้ำ
ทยอยพลผจญมาร
ทะลวงม่านทะยานยำ
สถิตจดสบถจำ
จะกลับมา!จะฆ่ามัน!
ละคูค่ายพิชัยข้าม
ตะวันคามจะงามครัน
คะเนใจจะไปจันท์
เถกิงกล้านรากร/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:11 น.
ราม ลิขิต
จึงเจ้าการะเกดประกาศศึก
แต่เย็นค่ำย่ำดึกผนึกด้าน
ดาบกูนี่หนอจะต่อมาร
ให้มันฉานเลือดฉาบอาบแผ่นดิน
ที่จะให้ใจกลัวจนหัวหด
มันจะไม่ปรากฏสบถดิ้น
เมื่อเอ็งมาสาไถยให้ได้ยิน
ก็จะผินหน้ารับนับทุกเพลง
ขุนทหารชาญชัยจากใดหรือ
จึงเที่ยวถือความถ่อยคอยข่มเหง
หรือสามารถอาจวิชาว่านักเลง
จึงเที่ยวเบ่งพองมั่วจนตัวบวม
จะไส้แห้งไส้เหี่ยวหรือเสี่ยวให้
มันก็ไส้ของกูถึงรูส้วม
จะไส้หมูสู้ไหมมาใส่นวม
กูจะซัดให้น่วมถึงหลวมใน
เมื่อกฎหมายคลายหมดเป็นกฎหมู่
แล้วจะอยู่สุขขังกันจังได๋
เมื่อปิดหูปิดตาหมู่ข้าไท
มันก็ไข้ทุกขังกันทั้งปี
เมื่อเถลิงแล้วมาเหลิงระเริงกัด
ย่อมเคืองขัดต่อพาราสาวัตถี
เมื่อค่ายคูดูครบสงบดี
กลับป่นปี้ถอยถดเหมือนหมดทาง
จะไปสู้หมู่ใดให้สะเด่า
สู้ให้เขาหัวร่อจนงอหาง
คิดแค้นแน่นใจอยู่ไม่จาง
จึงเหน็บกริชเข้าสีข้างขึ้นอาชา
แล้วเผ่นโผนโจนพลังดังอั้งยี่
ต่อแต่นี้กูจะไม่ไปสุขา
จะไปคุมสุมข้องซ่องโจรา
เอ๋ยกูอิดหนาระอาใจ
เจ้าการะเกดเอย
เจ้าขี่ม้าเทศ
จะไปท้ายวัง
ชักกริชออกมาแกว่ง
แต่เปล่าแทงฝรั่ง
จะไปแทงไอ้งั่ง
เจ้าการะเกดเอย/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:08 น.
ราม ลิขิต
ยังพอมีแสงให้ส่องใบหน้า
เค้าลางว่าสวยคมสมสมัย
ที่อยู่ข้างตัวพี่คนนี้ใคร
น้ำเสียงใสเสนาะหูหนูชื่อดาว
เป็นราตรีที่ใจใครคนหนึ่ง
อยากไปถึงขอบฟ้าเวหาหาว
เปิดประตูจู่ไขหัวใจคาว
จะสอยสาวด้วยเล่ห์กระเท่ห์กล
ดูกรุ้มกริ่มยิ้มพรายย้ายพยัก
ละเลียดรักซ่อนเร้นประเด็นผล
จำจะตีบทแตกให้แปลกตน
พลางร่ายมนต์เป่ามาว่าระรวย
ด้วยใจจริงอยากให้เธอใกล้พี่
แต่เท่านี้คงพอหนอคนสวย
ถึงแสงไฟดื่มด่ำจะอำนวย
ไม่ขอฉวยสร้างช้ำระกำเธอ
พี่ผ่านโลกมามากอยากบอกว่า
พี่รู้ค่ารักใคร่ใครเสมอ
ถึงเคยหลอกออกบ้าเที่ยวล่าเบอร์
ทุกวันเบื่อเหลือเจอระอาใจ
เป็นชายเราเท่านี้เองที่รัก
เที่ยวไล่ควักเค้นคลึงถึงเนื้อไหน
วางเงินทองตีตราค่าอะไร
พอสิ้นคืนสิ้นใคร่สิ้นใจจำ
พี่อยากเห็นเธอนี้ไม่ตีค่า
หัวใจขาไม่ขายให้ใครขำ
หากจะรักรักใจใช่แสร้งทำ
เป็นน้ำคำของพี่ที่จริงจัง
เธอชงเหล้าเคล้าซ่าโซดาซ่าน
โปรยยิ้มกร้านต้านกลสู้มนต์ขลัง
แผลงศรใสนัยนานะจังงัง
ค่ะ! ทุกครั้งรับคำเขาร่ำไป
ชีวิตหนูเจ็บช้ำระกำกลิ้ง
เป็นเด็กดริ๊งค์จะเอาค่ามาแต่ไหน
ได้ฟังคำคืนนี้หนูดีใจ
สั่งอะไรเพิ่มต่อหนอพี่ยา
ใครคือพรานชำนาญล่ากว่ากันนี่
เหยื่อตัวนี้คือใครอย่างไรหนา
ในกับดักดึกนี้มีชีวา
ใครพลาดท่าติดงับประกับพราน/.
11 กุมภาพันธ์ 2546 15:05 น.
ราม ลิขิต
เขียนความรักสลักใคร่ในคืนค่ำ
ร้อยลำนำห่วงเล่ห์เสน่หา
ใช่จริตชิดชอบกอบกามา
หากรู้ค่าความจริงอันพริ้งพราย
ไม่บรรลุปุถุชนบนโลกหล้า
ย่อมอุราอารมณ์มาฉมฉาย
ด้วยเชื่อว่าความจริงของหญิงชาย
คือความหมายเที่ยงตรงดำรงพันธุ์
การมีจิตพิศวาสประหลาดหรือ
เปล่าเลย!ถือธรรมดาประสาฉัน
กลับสวยสมคมขำดึกดำบรรพ์
รักใคร่สรรค์สร้างศิลป์จินตนา
อาจบ้างโศกเศร้าขวางแต่บ้างสุข
บ้างท้นทุกข์บ้างทาสปรารถนา
ถึงอย่างไรชีพนี้มีชีวา
ไร้วิญญาณ์ย่อมพยนต์หรือกลไก
ไม่เชื่อว่าผู้ใดจะไร้รัก
ไม่เชื่อหนักหน่วงว่าจะราใคร่
ด้วยสองสิ่งจักอยู่คู่กันไป
กอปรเป็นโลกวิไลไสววาว
แม้หัวใจใครหนออาจพ้อว่า
วันเวลาเขียวชอุ่มของหนุ่มสาว
วุ่นจมปลักศักดิ์ศรีมีแต่คาว
จะสอยดาวสาวเดือนได้อย่างใด
พินิจดูใจกระด้างหรือสร้างโลก
ย่อมกระโดกดาวเดือนกระเด็นได้
แต่เยือกเย็นโยนอ่อนย่อมรอนไฟ
พร้อมมุ่นไหมจันทราดาราพราว
เขียนรักใคร่ใจชื่นในคืนค่ำ
เป็นถ้อยคำถอดโขนโยนห้วงหาว
แกะหน้ากากขวากจิตสนิทกาว
ถ้วนทุกก้าวเลิกทุรนสับสนใจ/.