18 กรกฎาคม 2547 22:43 น.
ราม ลิขิต
ภุชงคประยาต ๑๒
อรุณรัตน์สวัสดิ์โลก
อุษาโยคสว่างเยือน
สดับไทยไสวเทือน
อร่ามทุ่งอำรุงทาง
วิหคเหินดำเนินห้วง
นภายวง ณ ยอดยาง
ฤดูหมอกละลอกบาง
โชลมเบื้องพนาใบ
คิรีมัวสลัวหม่น
ประทับมนมโนมัย
ตะลิบลับระยับไร
ก็เริ่มเขียวขจีมา
ขนัดสวนสุรีย์ส่อง
กระจิบจ้องกระจอกจา
กระรอกริกกระถิกรา
กระจ้อนแจ้นกระโจนแจว
ระกาโค่งก็โก่งขัน
อิเอ้กพลันตะวันแพรว
สุนัขเห่าเขย่าแมว
สะดุ้งโก่งกระโดงหลัง
และเบื้องหน้าขนำนั้น
เมลืองธรรม์ ธ พุทธัง
พระสงฆ์บิณฑบาตบัง
อบายบัดสกัดเบียน
ประนมขันจรัลจด
กระจ่าคดประจุเจียน
เมล็ดข้าวจะขาวเนียน
ตลอดในฤทัยนี้
อรุณรุ่งจรุงรื่น
สบายชื่นประชาชี
วิถีชนบทมี
พระคุณมอบมนุษย์มา
พเยียหอมพยอมไพร
ตรลบไล่ประลัยลา
กระจายทิพย์สุคนธา
ประเสริฐร่ำสยามเรา๚ะ๛
15 มิถุนายน 2546 17:50 น.
ราม ลิขิต
ตัวของผมก็เคยเป็นคนบ้า
แม้วันนี้ก็ดูท่าว่ายังเหลือ
หากแต่มีประสบการณ์ผ่านมาเจือ
ได้รู้เหนือรู้ใต้คิดไตร่ตรอง
ในวัยหนุ่มบุ่มบ่ามเป็นข้ามศพ
แลกเลือดกลบปากกั้นมันสมอง
ค้อนและเคียวตอกกันเป็นครรลอง
ใครไม่ต้องในชะตาเป็นหน้าตึง
เขาบอกซ้ายผมจะขวาหน้าจะหลัง
เขาบอกยืนผมจะนั่งสั่งเป็นผึง
ไปบ้านนอกออกหน้ากล้าตะบึง
จะไปกลึงอุดมการณ์ด้วยงานงาม
กับชาวบ้านค่าเราคือเร้าเหงื่อ
เอาเลือดเนื้อเข้าด้นช่างคนหยาม
คนทุกข์ยากอยู่โน่นเป็นโพ้นยาม
ตัวจริงจริงที่ไอจามด้วยความจน
ท้องโหยหาอาหารก็คานหาบ
แดดจะนาบเนื้อตัวไม่มัวสน
กินหยาบหยาบอยู่เยี่ยงเพื่อเลี้ยงตน
ไม่แบมือไม่บ่นอดทนทำ
นักเลงจริงข้ามล่วงก็จ้วงจิ้ม
ไม่มียิ้มไม่มีอย่าซดหน้าคว่ำ
หากหยามหมิ่นหัวใจเป็นได้จำ
แต่พูดกันสองคำไม่ซ้ำใจ
ที่นั่นแหละคือถิ่นแผ่นดินบ้า
ทุกเถื่อนท่าทิวทุ่งที่กรุงไถ
ทุกเรือกสวนที่เศร้าหมองม่องละไม
แต่ว่าใครจะเข้ามาบ้าอีกคน
บ้าด้วยจิตสนิทในจริงใจบ้า
ไม่โทษใครแม้ค่าแค่หน้าขน
ยอมถูกทิ่มถูกตำกระหน่ำตน
ยอมปิดก้นพระผ่องด้วยทองแท้
ความหวังอยู่หนุ่มสาวผมยังเชื่อ
เป็นหน่อเนื้อต้องบ่มรอเพราะอ้อแอ้
ป่วยการตีด้วยใจใส่กุญแจ
มันไม่แก้กลับกรังประดังกรรม
ด้วยมัจฉาหาตายในน้ำร้อน
แต่สาครฉ่ำเย็นประเด็นขำ
มีจุดยืนย่อมถางสู่ทางธรรม
แต่จุดย่ำยอมแทงแสลงทน
ตัวของผมทุกวันนั้นคงบ้า
แต่ทีท่าต้องปังถึงหวังผล
ไปเงียบเงียบเรียบง่ายไม่ร่ายมนต์
ประมาณตนถึงแม้เต่าแต่เอาจริง/.
14 มิถุนายน 2546 17:35 น.
ราม ลิขิต
๐ป่าหรือเมืองเรืองไรหากใจรุ่ง
ตึกหรือทุ่งรังรองหากมองเห็น
มีแง่มุมยาวกว้างต่างประเด็น
ประดับเร้นลึกลับใช่กับตา
๐ในวันเบื่อเหลือร้ายที่ใจร่อย
เถื่อนก็ถอยทุ่งเพริดระเบิดผา
เมืองก็เหมือนไม่มีแล้วชีวา
โลกไร้ค่าอับจนสิ้นหนทาง
๐คนแปลกหน้าย่างกรายหัวใจเจ็บ
จะแกะเก็บทุกข์ถอนเที่ยวผ่อนถาง
ก็เงอะงะระเหงาซ่อนเงาพราง
อยู่เคว้งคว้างกลางขมสังคมคน
๐สุมฟืนไฟรอฝนประดนฝัน
หัวใจกลั่นรินกลอนสุนทรผล
สุขระบายฉายชื้นชื่นกมล
ขณะตนทุกข์ไต่ไปทั้งตัว/.
14 มิถุนายน 2546 17:24 น.
ราม ลิขิต
๐วุ่นอยู่กะหมู่ผี เพราะคดีน่ะมีมา
สัมภาษณ์ประหลาดพา พิศวงและงงงัน
๐เขามีวิธีมาก ชนะซากอสุภสรร
คำเอ่ยเฉลยอัน มิแอร่มจะแพลมลอง
๐คนล้วนจะต้องตาย ระบุหมายธิบายมอง
หมดลมก็สมปอง ลุและล่องสุราลัย
๐ศพนั้นยะเยียบเย็น นยะเป็นปลาตไป
บอกเรามิเพราไร ตะละล้วนกระสวนกล
๐รดน้ำมิฉ่ำชื่น รติคืนชะตาคน
ตราสังขนาบสน กระแสะเศร้ากำสรวลเสียง
๐ใส่โลงตะล่อมร่าง ประจุวาง ณ วังเวียง
รักใคร่ไฉนเกียง ชิชะใจฤทัยจ๋า
๐ไปสู่ตะกอนเชิง มนะเหลิงก็โรยรา
คนสัปเหร่อมา เฉาะมะพร้าวพิสุทธิ์ผล
๐ล้างหน้าละหนาหนอ ขยะพอจะก่อพล
ล้างใจไสวจน ศศิจ้ากระจ่างจอง
๐เขาเฟ้นประชุมฟืน ระยะยื่นสลับกอง
ไขว้ขั้นละคันคลอง จตุห่างกะวางโหง
๐แปดหามก็แห่ศพ กระแซะซบกระทบโลง
เน่าเหม็นลำเค็ญโมง ก็ประชุมพระเพลิงมา
๐หัวตูมและท้องแตก กระจะแจกอุจาดตา
ตับไตลำไส้-อา! แอะอุทานมิทานทน
๐ไม่สวยสลวยศักดิ์ มิสลักเสลามน
ล่างวิ่นและแหว่งบน สิมินานธุลีหนอ
๐ตอเอยมิเคยตาย กระแจะป้ายละลายตอ
โก้หรูเถอะหนูขอ นะคะเฮีย แหะ..ฮัลโหล/.
อินทรวิเชียร
14 มิถุนายน 2546 17:19 น.
ราม ลิขิต
๐สัมผัสใจตรงกันจะดั้นเมฆ
ควบขี่ม้าโยกเยกย่างสมร
ล่องนาวาราวีสีทันดร
กุมมือกันสังกรไม่กลัวเกรง
๐ให้มันตายไปเถิดประเสริฐกว่า
หากแกข้าอายเขาเฝ้าแต่เขลง
จะเสียหมดยศศักดิ์แห่งนักเลง
จะกี่เพลงไม่ขอแพ้แต่ต้นทาง
๐เขาบอกว่าเอากันบ่ยั่นดอก
ต่อให้หงอกถูกดึงจนถึงหาง
นัขจะเหน็บเจ็บจิกถึงหยิกยาง
แหละต้องค้างขากรรไกรให้ไชมา
๐ถีบความกลัวพัวกรูจากพูปอด
ทิ้งอ้อมกอดกรุยกรายออกไปก๋า
แม้เป็นควายก็เผือกถึงเกลือกนา
แต่ลูกบ้าลูกบี้มีเต็มใบ
๐บงระบัดลัดผลิสิสง่า
อหังการ์กังสดาลกังวานไหว
เจ้าขุนทองคล้องปากกาถาออกไป
แล้วสูญลับกับไพรในวันนั้น
๐เขายังเป็นอยู่ไหมหัวใจห่วง
หรือโดนหน่วงด้วยนารีศรีสวรรค์
หรือซุ่มเหล้าซดแนมแกล้มมะดัน
ใครเจอะจรรโจษหน่อยให้ร้อยนึง/.