24 เมษายน 2546 03:28 น.
ราม ลิขิต
พระพิสุทธิ์พุทธตรัสดำรัสว่า
ล่วงเวลาอดีตกาลนานฉนำ
มีราชาสง่างามอร่ามรัมย์
ทศพิธสุกรรมล้ำบุรี
ทรงนามกาสิกะอธิราช
ภูวนาถครองมหาพาราณสี
พร้อมหมื่นหกพระสนมรมณีย์
เอกจันทาเทวีศรีอนงค์
อันกรุงไกรไพบูลย์จำรูญโรจน์
พิพัฒน์โภชน์บริบูรณ์พูนประสงค์
เหล่าเสนาข้าอำมาตย์บาทบงสุ์
ต่างเที่ยงตรงต่อการงานแผ่นดิน
ไพร่ฟ้าหน้าใสสุขเกษม
ปรีดิ์เปรมปัจจัยฤทัยถวิล
เลี้ยงตนโดยชอบระบอบระบิล
หย่อมย่านยลยินล้วนร่มเย็น
ทว่าภูวเนตรเกศกษัตริย์
แม้เรืองรัตน์นคราประชาเห็น
แต่ขัดสนจนบุตรสุดลำเค็ญ
แม้ธิดาหมดประเด็นประดาตัว
ดังจะสิ้นเชื้อวงศ์อันทรงศักดิ์
ผู้สืบรักษ์บุรีที่อยู่หัว
จำเนียรกาลผ่านไปใครใครกลัว
ว่าอาเภทพันพัวผู้พระยา
เสียงลือแผ่ซ่านยิ่งนานแซ่
บันดลแห่ก่ายกลุ้มชุมนุมหา
เสนีนี่นั่นจำนรรจา
รับเรื่องประดาราษฎร
จำทูลองค์บพิตรจิตประเสริฐ
แจ้งบังเกิดความข้อที่รอถอน
ว่าบัดนี้ปวงชนท้นนคร
ต่างร้องเรียนภูธรไปทุกทาง
ว่าบ้านเมืองของพระองค์คงพิบัติ
ด้วยสิ้นขัตติยะวงศ์เผ่าพงศ์หมาง
ขอให้ทรงวินิจฉัยไขรยาง
ปัดเป่าเร่าขางระคางคาย
องค์กาสีมีกระแสแผ่รับสั่ง
เราจักหวังให้ราษฎร์สมมาดหมาย
ไปประกาศปรารถนาข้าภิปราย
ว่าผ่อนคลายชาวนครอย่าร้อนใจ/.
18 เมษายน 2546 15:58 น.
ราม ลิขิต
อรรถบทจดจำฉนำหนึ่ง
พุทธสมัยโลกถึงธรรมวิถี
ปางองค์ชินวรผ่อนอินทรีย์
ยับยั้ง ณ ที่เชตวัน
ครั้งประทับในคันธะกุฎี
หมู่สงฆ์เกษมศรีวาทีสันทน์
สาธุการเนกขัมเป็นสำคัญ
แซ่ซ้องพร้องกันบรรยงญาณ
สัพพัญญูโสตสดับสันนิบาต
พุทธลีลาศสู่สภามหาศาล
แย้มพระโอษฐ์ปรัศนีฎีกาการ
ธรรมบาลกราบตรงวงศกร
ดูกรสงฆ์ทั้งปวง
ผู้พ้นห้วงเวทนาอานุสรณ์
กระแสเสียงเผดียงธรรมคำสุนทร
พิพิธพรกถาใดไฉนฤา
จงแจ้งแถลงถ้อยตถาคต
ซึ่งประพจน์อันประไพนั่นใดหรือ
จักได้ร่วมวิสัชนาบอกค่าครือ
ปทัสถานตรงถือกระทงความ
ธรรมสภาฟังคำพระดำรัส
บงกชหัตถ์ค้อมลงปลงคำถาม
ภิกษุหนึ่งทูลสนองจองนิยาม
ถวายตามพุทธองค์ทรงฎีกา
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงคุณ
งามวิบุลก่อประกาศศาสนา
อันน้ำคำกระหม่อมฉันสันทนา
ภิรมยามรรคพระองค์ทรงจำเริญ
ซึ่งสละละแล้วราชสมบัติ
ไปสู่ชัฏทุลำเนาภูเขาเขิน
บรรพชาชลอโลกโศกเผชิญ
เป็นที่สรรเสริญดำเนินเพ็ญ
พุทธองค์ยินคำร่ำเฉลย
ภิกษุเปรยอภิปรายให้ความเห็น
พระพินิจคิดข้อต่อประเด็น
อันจะเป็นประโยชน์โปรดประชา
ดูราสงฆ์ทั้งหลาย
อันความหมายพึงมีที่กถา
แห่งตัวเราผู้พุทธสัมมา
ใช่เพียงหนึ่งซึ่งลาราชบัลลังก์
ปางก่อนก็เคยเลยสละ
บรรพชะทิ้งไปในโลกหลัง
บุพพกาลนานกิจพิชญัง
ตถาคตยับยั้งรัถยา
พระสัมพุทธดุษณีคัมภีร์ภาพ
เหล่าสงฆ์ทราบยอกรวอนสิกขา
ตั้งประนมบังคมนาถอาราธนา
ขอแสดงเทศนานิทานธรรม/.
17 เมษายน 2546 16:49 น.
ราม ลิขิต
บุญประเสริฐเลิศสุทธิ์มนุษย์หนึ่ง
จิตประภัสสร์พบพึ่งพระศาสนา
วรรคย์บวรนรนาถศาสดา
องค์สัมมาสัมพุทธพิสุทธิ์ชัย
ยังชีวันอันตรายอบายโบก
อุบัติโมกข์มรรคธรรมนำวิสัย
ส่องสว่างกลางจิตประวิตรใจ
กิเลสใดดับเย็นเป็นนิรันดร์
ขอประณามบาทบงสุ์องค์ปิ่นหล้า
ทางกถาเกลากรองคัลลองสรรค์
อัญขยมประนมกรสังวรณ์วันท์
เบญจางค์ประดิษฐ์ธรรม์ธิบดี
มิมุ่งหวังสิ่งใดในไตรโลก
เพียงสังโยคย้ำพระคุณอดุลย์ศรี
ได้วางคำทำถ้อยร้อยกวี
ก็สมที่เป็นบุตรพุทธองค์
แม้มิอาจรจนาภาษาแก้ว
ก็แน่แน่วมุ่งจารสาส์นประสงค์
ทศชาติมาดร้อยค่อยผจง
สำแดงบงบุญญาบารมี
เนกขัมนำที่เตมีย์ใบ้
มหาชนกเพียรชัยอุทัยศรี
สุวรรณสามเมตตาเปี่ยมปรานี
อธิษฐานปานคีรีเนมีแม้น
ปัญญาภิญโญมโหสถ
ศีลพรตภูริฑัตระมัดแสน
จันทกุมารขันติมิเคืองแค้น
อุเบกขานารทแน่นตระหนักใน
วิฑูรสัจจะมิละหย่อน
เวสสันดรทานล้ำดุจน้ำไหล
สิบชาติก่อบุญหนุนเนื่องไป
มาลัยธรรมช่อบริบูรณ์
พิสดารกานท์เผดิมจะเริ่มตั้ง
พุทธพลังจงแสงแจรงสูรย์
ขาดเหลือเฝือค่าจะอาดูร
ปัญญาขอพูนพลาชัย
ถูกผิดต่อหน้าสาธุชน
ประดนอาตมาอัชฌาสัย
ผิดเพรงเกรงพาลจะดาลภัย
ขอใจแจ้งงามความคดี/.
31 มีนาคม 2546 04:23 น.
ราม ลิขิต
๐มือแห่งรัก ถักทอรุ้ง
วาดโค้งคุ้ง ทุ่งสีทอง
อิ่มหัวใจ ไอละออง
สายขวัญคล้อง คลองระริน
๐เธอเป็นคน บนฝั่งฝัน
พร่างเงาจันทร์ ผันเงาจินต์
เสียงพรูพราย สายเพลงพิณ
แผ่วภาพผิน ระพินผล
๐ฉันเป็นคน บนฝั่งแฝง
ชิวิตแลง แล้งทุรน
ศูนย์และสาบ แฝงบาปฝน
ควานคว้านค้น ตนของตัว
๐รู้คำรัก แค่คักคิก
รักริกริก แค่พลิกหัว
เพียงหลับไหล ในหมอกมัว
ตื่นรักรั่ว รูหัวใจ
๐เธอมาสอน ซอนวาสี
บรรจงชี้ บัญชีไช
ในสองมือ ถือละไม
สาดแสงใส ไขแสงสี
๐ฉันเริ่มเชื่อ เพาะเชื้อรัก
เฝ้าฟูมฟัก ฝักใฝ่ดี
เราคือคู่ สู่วิถี
ไปในที่ มีดวงดาว
๐ปีกแห่งเมฆ วิเวกสร้าง
มาเวิ้งว้าง อำพรางยาว
แท้คือขุย ของปุยขาว
เมื่อเธอก้าว เท้าจากไป
๐มือแห่งรัก หักสายรุ้ง
ลบโค้งคุ้ง ทุ่งถากไถ
ถมคูคลอง ปิดห้องใจ
เก็บขวัญไว้ ให้เวรกรรม
๐บันทึกใจ ตอนวัยแก่
บันทึกแด่ หัวใจดำ
ปิดเหตุผล สองคนทำ
ในคืนค่ำ รำละคร/.
30 มีนาคม 2546 18:11 น.
ราม ลิขิต
เกิดตายกายเราเพียงเท่านี้
จนมีสุขทุกข์เคล้าคลุกสน
ดีร้ายมากน้อยเรียงร้อยตน
ดอกผลถูกแพงตกแต่งพอ
เมื่อมามาเปล่าเพียงเท่าไหน
เมื่อไปไปเปล่าเท่านั้นหนอ
เมื่อมากว้างยาวเท่ายกยอ
เมื่อไปใหญ่ย่อพอพอกัน
ในเวิ้งชีวิตหากคิดมุ่ง
เพียงปรุงปรนเปรอบำเรอสรรค์
เสพเสาะเจาะสรวงจนทรวงตัน
อยู่ทนทุกวันเพื่ออันใด
รู้แน่แท้ตายคือปลายติ่ง
หาใครไหนนิ่งประวิงไหว
ช้าเร็วเส้นทางย่อมวางไป
ยื้อยุดฉุดไว้ไม่มีทาง
ประมาทอาจว่าตนสามารถ
ย่อมชาติกิมิปริจากขาง
กระดืบอาจมก้มพุงกาง
เสยคางจุ่มขั้นสวรรยา
เพื่อแต่งแมลงวันไปตันต่อ
ไก่ก้ออากูลจำรูญก๋า
ก่อนไข่ขางขนวนเวียนมา
ชีวาคลื่นเหียนวนเวียนไป
มนุสสามิแสคงแค่สาง
แม้ไม่ส่างที่สุดมนุษย์ไสย
ห้วงสาหัสวัตถุทะลุไร
จะทิ่มไถถากถางทางสะเทือน
เพียงกลับกรรมลำเหทะเลโหด
ทวนสังโยชน์ต้านกามที่ตามเฉือน
จะเห็นหน้าค่าต่างสว่างเตือน
จะเห็นเพื่อนทั้งผองผู้หมองมัว
ชีวาลัยในวารีที่ทุกข์ท้น
ห้วงแห่งคนหนของใคร่ใจครอบขรัว
ไม่ยิ่งยงคงกระพันขวั้นคอตัว
เมื่อไม่กลัวคงเจอกันตอนวันตาย
สดุดีมีชีวิตคิดใช้ค่า
เต็มราคาความเป็นคนข้นความหมาย
ชิวิตนั้นวันรากเหง้าไม่เปล่าดาย
ย่อมสลายเพียงเรือนร่างร้างอาดูร/.