5 พฤษภาคม 2546 18:16 น.
ราม ลิขิต
แต่นั้นมาพระกุมารการกำสรด
ก็ปรากฏทุกวันพัวพันหลอน
เรือนฆ่าโจรจ้วงมานแทบรานรอน
บรรจถรณ์ร้อนรมอยู่กรมกรอม
เกรงโลกันตร์นั้นมีถึงที่สุด
แสยงผุดพรรณพ่ายจนผ่ายผอม
ทำฉันใดไหนดีหนีเขาลอม
นวลถนอมข้องคับจนหลับไป
กาละนั้นพระองค์ทรงนิมิต
โดยจริตรนล่องมิผ่องใส
บันดาลดลเทพธิดาอ่าอำไพ
ชำแรกในดวงจินต์สุบินบง
งามถนิมพิมพ์ผ้าอาภรณ์เพริศ
ลินลาเลิศนาฏาพญาหงส์
เรืองประกายพรายพร่างนางอนงค์
เธอบรรจงจรดมาหน้าเตมีย์
แล้วเอ่ยว่าอาวรณ์เนื้ออ่อนแท้
เห็นลูกแม่โศกศัลย์กันแสงศรี
เป็นแม่ลูกผูกกันแม้พันปี
คงแม่นี้ห่วงใยในลูกยา
เห็นมีสุขทุกข์หายใจแม่สุข
ครั้นเห็นทุกข์สุขซ่อนมารดรหา
ความเป็นแม่แท้สุดที่บุตรา
จงจรรจาคนดีมีกระไร
กุมารน้อยฟังคำดำเกิงจิต
รำลึกชิตชะตาเทวาไหน
ก็แจ่มแจ้งแล่งล่วงถึงดวงใจ
หฤทัยค้อมคมพนมมาน
ลูกกราบเท้าเจ้าแม่ผู้แก่เกล้า
อุตส่าห์เฝ้ากำพูฉัตรกษัตริย์ศาล
เหมือนหนึ่งคอยชูชุบบุพกาล
เพื่อประทานปรึกษาลูกยายัง
อันพระคุณทรงมีนี้หน่วงหนัก
เพื่อลูกรักแม้ว่าจะตราสัง
ก็คงคอยช่วยลูกผูกพลัง
อันเมตตังมาตาค่าบุรินทร์
แล้วพระองค์จึงแจ้งแถลงถ้อย
ทุกข์ที่ร้อยราชแสลงกันแสงสินธุ์
ความขัดข้องหมองไหม้ในชีวิน
ก็หลั่งรินจากโอษฐ์โจทยา
เทพธิดาฟังคำอันก่ำกลุ้ม
ก็โอบอุ้มองค์บุตรตอบปุจฉา
อย่าร้อนใจไปเลยเงยพักตรา
ฟังมารดาแล้วเจ้าจะเข้าใจ
จงสำแดงแต่งทำระกำเกิด
ให้เลยเถิดทุกอย่างว่าทางไหน
จงทำเปลี้ยเสียขาจะคลาไคล
และทำใบ้บอดคำจะจำนรรจ์
ปิดสดับระงับโสตโปรดทำหนวก
กระทั่งพวกพาราพากันหยัน
บรรลุกาลกรรณีเป็นดีกัน
เขาจะพลันขับออกนอกนคร
อุกฤษฏ์การภารนั้นต้องขันติ
เกินดำริของลูกเหมือนถูกศร
ประสาทเสร็จสูญวับลับนิวรณ์
ประสบพรองค์คืนตื่นบรรทม/.
5 พฤษภาคม 2546 02:43 น.
ราม ลิขิต
๐สมเด็จเอ่ยเอื้อนอรรถ พระสัทธรรมเทศนา รสวาจาจรัสแจ้ง
สำแดงมหาชาดก หยิบยกเมตตาบารมี น้อมวัคคีย์วิวัฒน์
ประวัติสุวรรณสาม ผู้งามพร้อมจริยกรรม แผ่ธรรมทั่วพนาพน
ดุจฝนมิเหือดแห้ง ชุ่มฉ่ำกระหน่ำแล้ง รุ่มร้อนเลือนสลาย
๐สาธยายนครคาม นามว่าพาราณสี เป็นธานีอันอุดม
ดุจรมณียสถาน ปานวิมานเมืองสวรรค์ ปั้นบริบูรณ์ปูนผล
ปรนปรุงราษฎร์ราทุกข์ ปลุกประเทืองทอศาสน์ ปวงนาทนรสะพรั่ง
กังสดาลสดับถ้อย สาธุชนเรียงร้อย รุ่งแล้วหฤทัย
๐อันทางใต้นครา มีประดานิษาทสถิต ผู้กอปรกิจทางพราน
สำนักบ้านขนาบน้ำ สามัคคีข้ามหาสู่ ขมังธนูรู้วางกับ
ระงับชีพสัตว์ยังชนม์ มีจรดลไพรระดะ มิเงอะงะชัฏช่อง
ลบองเชิงเชี่ยวชั้น ดาษดาป่าบ่กั้น เกือกก้าวกำแหง
๐แสดงสหายสนิทสนมนัก สองครัวรักสนอมแนบ สนุขแทบร่วมอุทร
ต่างต่อพรพิราม เลขนะความจำนง ประสงค์ร่วมว่านเครือ
มีบุตรเกื้อกูลกัน สรรค์สยุมพรแผกเพศ ร่วมเจตน์จำนงแน่
แลด้วยเหตุดั่งนี้ สัญญาระบุชี้ มิช้ากระชั้น
๐คืนวันผันเวียนว่อง ภรรยาสองจู่แจ้ง
พ้องคู่เหมือนกู่แกล้ง เกิดท้องก่องแท้
๐สองแม่แสวงมุ่ง ครรภ์ผดุงแก่กล้ำ
ทศมาสมิพลาดพล้ำ ผ่องถ้วนควรแล้ว
๐คลอดแคล้วสวัสดี บุตรีบุตระต้อง
ต่างเพศสมเจตน์จ้อง พ่อเจ้าแจ่มหลาย
๐ชายชื่อทุกุลา หญิงปาริกาชื่อชี้
เติบเต้าต่อแต่นี้ โซ่น้อยขบเน้น
4 พฤษภาคม 2546 17:37 น.
ราม ลิขิต
ดำริตริแล้วอมรินทร์
เก็บผอบจบจินต์ทรงผินผัน
เสด็จสู่โลกามาโดยพลัน
ฤทธิ์เทวาดั้นลัดมือเดียว
ครั้นถึงโอ่โถงพระโรงหลวง
เห็นปวงมุขมาตย์ฉลาดเฉลียว
ชุมนุมคุมโจรตะโกนเกรียว
ตะคอกคับขับเคี่ยวให้เลี้ยวรับ
บนบัลลังก์นั่งองค์ทรงกษัตริย์
หยอกหัตถ์ลูกยากล่อมว่าหลับ
บนเพลาเตมีย์ดีประทับ
เกลือกกลิ้งกลอกกลับสลับนัยน์
สักกะบันดลล่องหนเดช
บังเนตรนัยนาวิชาไสย
ตระลาการงานท่านนั้นอย่างไร
ดุษณีนิ่งใจจอมตรัยตรึงศ์
ขุนนางวางน้ำทำบังคม
กราบก้มทูลฟังดูขังขึง
ชำแหละแคะไค้ภัยสะพรึง
สี่โจรโสณฑ์พึงประพฤติมา
หนึ่งนั้นตัดช่องชอบย่องแยง
เรือนใดเงินแดงแสวงหา
ตีนหมาตีนแมวแนวคณา
กวาดเรียบลิ้นลาระอาใจ
หนึ่งนั้นพิการง่านกำหนัด
ปฏิบัติกามาอย่างสาไถย
ข่มเขาโคเล่นตระเวนภัย
ขืนหญิงร่ำไปไอ้กาลี
หนึ่งนั้นคุมพลาเที่ยวหาปล้น
สัปดนอาชีวังงั่งวิถี
เจ้าทรัพย์พับพ่ายวายชีวี
มันตีหันตาด้วยสามานย์
สุดท้ายอ้ายนี่ลูกพี่ใหญ่
กำแหงแกร่งไกรดังไฟผลาญ
ดาวโจรดุดันอันธพาล
ฆ่าคนราชการมันไม่กลัว
บัดนี้ทั้งสิ้นศิโรราบ
สารภาพโดยพ้องทุกถ่องถัว
ขอเชิญทรงชี้ทั้งสี่ตัว
กุดหัวกุดหางทางอาญา
กาสีทรงความตามประกาศ
สิงหนาทแผดนั้นสนั่นหนา
พระพิโรธโกรธโขต่อโจรา
ราชมัลจงมาอย่าช้าที
ขโมยโปรยทัณฑ์สะบั้นหลัง
ร้อยครั้งลงหวายให้ลายสี
กามกิจวิตถารผลาญนรี
จำตรวนตาปีไม่มีปลง
ปล้นฆ่าพามันไปบั่นหัว
สมตัวสมมันตะบันหลง
อ้ายหลวงล่วงหลาวสาวให้ตรง
แล่นทวารแล้วจงตรึงประจาน
องค์อินทร์ยินเสียงกษัตริย์สั่ง
บรรลุดั่งเทพทรงจงสมาน
เปิดผอบนบสู่พระกุมาร
โดยบันดาลด่ำดรงค์องค์เอกา
กลิ่นสวรรค์พลันฟุ้งจรุงรื่น
ชดชื่นช้อยช้อนชอนนาสา
ปาริชาตบุปผฤทธิ์เปิดจิตรา
สหัสนัยน์เจ้าฟ้าก็ลาจร
พระกุมารเตมีย์ทวีตรึก
ทรงระลึกชาติชนแต่หนก่อน
ก็รู้ว่าเคยคงทรงนคร
ในบวรพาราณส์มานานครัน
ยี่สิบปีครองราชย์พิฆาตเข่น
เฉกชนกที่เห็นเป็นมหันต์
ครั้นชีวินสิ้นไปภัยแห่งกรรม์
นรกพลันล้อมแวดแปดหมื่นปี
จนพ้นนรกานต์จึงผ่านเทพ
ได้สุขเสพคุณค่าสรวงราศี
เหตุไฉนอาตมันขันธ์กลี
บรรลุยังธรณีนี้อีกนา
มิอยากอยู่ในเขตเศวตฉัตร
อบายบัตรรอรู้อยู่ตรงหน้า
ยุพราชสร้อยเศร้าเร้าอุรา
ทรงโศกาแทบพระเพลาเจ้าบิดร/.
4 พฤษภาคม 2546 05:30 น.
ราม ลิขิต
๐ปางองค์พระสัมมา ไตรคุณาส่ำสัตว์ ผู้ปริวรรตกิเลส
ครั้งประเวศเชตวัน อันสงบสงัดระงับ เมื่อประทับสำราญหฤทัย
ในเพลาขณะนั้น ก็พลันทิพยโสต สดับปราโมทย์กถาสงฆ์
ผจงสรรเสริญพระศาสดา เทิดมหาภิเนษกรมณ์ น้อมนิยมซึ่งการสละ
อันมละแล้วราชสมบัติ วิรัชแห่งพระคุณเจ้า เมตตาเต้าไตรภพ
มารสยบแสยงเดช มิข้องเขตนาบุญ สุนทรธรรมถ่องแท้
ทรงยาตรพระบาทแล้ สู่ส้องสภาเกษม
๐โอษฐ์เอมพระออกเอื้อน อาทร
ถามท่านวาทีวร วากย์ว่า
รูปเลาเรื่องสุสร นุศาสน์
ขอบ่งระบุท่า ที่ร้อยแถลง
๐สงฆ์แจงประจุแจ้ว จรรจา
กระหม่อมโมทนา น่านเจ้า
อันเมตต์ซึ่งตถา- คตท่าน
มีมอบมนุษย์เหน้า นี่นี้หนักหนา
๐ศาสดาสดับด้วย ดุษฎี
สัมพุทธพาที ผ่องถ้อย
ชาติหนอใช่จักมี มาหนึ่ง
กรรมก่อนนุสรณ์สร้อย ซาบซึ้งสั่งสม
๐บังคมคณะน้อม อาราธนา
เชิญเสด็จสดมภ์พา พาทเรื่อง
สันนิบาตปราชญา ญัตติ
สรรเพชญดำรัสเรื้อง เรื่อยล้ำเรียงเฉลย/.
3 พฤษภาคม 2546 16:49 น.
ราม ลิขิต
จำเนียรเวียนกาลผ่านเดือนหนึ่ง
เกลาพึงกลึงพาลกุมารผัน
แน่งน้อยรมณีย์รพีพรรณ
จำเริญเพลินชันษ์ทุกวันมา
ครองใจนัยนามาตุเรศ
ครองเจตน์บิตุรงค์นุวงศา
ครองมาดราชภัฏอมัจจา
ครองมนชนชานครชาว
อ้อแอ้แม่นมภิรมย์หลัก
อ่อนน้อยยิ่งนักมลักหาว
หมุนเวียนเปลี่ยนป้อนอาทรทาว
น้ำนมห่มท้าวทวีคุณ
ทุกวันจรรโลงทรงกษัตริย์
สู่หัตถ์พระบิดรบวรขุน
โสมนัสปรัศว์ปรางคางละมุน
ลูบไล้ไออุ่นบุญโยรส
กล่าวถึงองค์อินทร์ปิ่นตรัยตรึงศ์
แต่ปวงเทพถึงซึ่งกำหนด
จุติลงมามหาพรต
ทรงยศส่องญาณศานติยาม
ทราบเหตุเลศนัยขัยแผนก
รู้แผกผกผันถึงวันสาม
จำต้องเปิดโลกเพื่อโยคราม
เตมีย์น้อยนามอกามกล
ปุณฑริกทิพวันอันโอฬาร์
เสด็จโดยเมฆานภาหน
เหนือศิลาอาสน์บัณฑุกัมพล
สล้างไม้ยืนต้นสลอนตา
จิกจวงม่วงจันทน์และกันเกรา
ไกรกร่างกระเบาสะเดาหว้า
สักไทรชิงชันสะบันงา
เกดแก้วกรรณิการ์พิกุลแกม
หมู่ภมรสรผึ้งประอึงทาบ
ประอรเอียงเคียงคาบชระอาบแถม
อบอวลหวนหอมอยู่ซอมแซม
นัวแนมเทวบาทราชลี
ครั้นถึงใต้ตระการประพาฬพฤกษ์
ดูสะพรั่งพันลึกพะพฤกษี
มีนามปาริฉัตรสวัสดี
องค์เพชรปาณีพลีพนม
บันดาลทิพยดลผอบ
ลอยคว้างกลางกลบตรลบฉม
สุกสกาวกลีบแดงตะแคงคม
ย่นย่อโดยยมทมทยา
จักสู่อู่เอองค์เตมีย์
นำพานาทีบุพพีหา
ให้ทรงรำลึกตรึกชะตา
โดยเพรงบุปผามหาวัน/.