13 พฤษภาคม 2546 21:00 น.

มหาชนกคำกาพย์ : เหตุแห่งหายนะ

ราม ลิขิต

๐กลางความสุข         มีทุกข์แสก
มันสอดแทรก             แหวกบัญชร
ใจหนอใจ                 ไร้ลงกลอน
ย่อมมีหนอน              ชอนไชฉม

    ๐บ่ายวันหนึ่ง         ถึงแดดกล้า
โปลนุชา                  เที่ยวหาชม  
ทรงประพาส              ตลาดรมย์
ปลอมปิดสม              กลมกลืนสวย

    ๐ชีวิตราว             ชาวพารา
เห็นไขว่คว้า              หาแต่รวย
ต่างขันแข่ง               แย่งกันมวย
คนไหนชวย              ซวยราศี

    ๐เห็นสินค้า           ดารดาษ
วางเกลื่อนกลาด         มาดดูดี
เธอคัดสรรค์              ฉันเลือกสี
ไม่รู้ที                       ต้องมีไถ

    ๐จนเย็นย่ำ            ค่ำโพล้พลบ
ท่องเที่ยวครบ             ธ สบใจ
มาทุกที                     ดีกระไร
ชนหน้าใส                  ราชใฝ่ถึง

    ๐ดำเนินผ่าน           ตัดร้านเหล้า
ก็เห็นเมา                   เขาเอ็ดอึง
เห็นหนึ่งโก้                  คงโตตึง
สมุนรึง                       ดูผึ่งผอม

    ๐ทำหน้าเท่             เกเขาเกก
เว้าโหวกเหวก              เสกสมยอม
เอ็งบังอาจ                  ฉกาจออม
อย่าทำอ้อม-               ค้อมขุ่นเข็ญ

    ๐คนขายเหล้า         สั่นเทายิ่ง
กราบจนกลิ้ง               นิ่งลำเค็ญ
ขายไม่ดี                    หนี้ก็เป็น
คุ้มครองเข่น               คุ้มเอ็นไหม

    ๐โปรดจงแจ้ง         แย้งอำมาตย์
เงินที่ขาด                   ใช่อาจใจ
ด้วยเกลี้ยงเป๋า             เอาอะไร
ขอผ่อนให้                  อย่าได้สาว

    ๐โปลชนก             ฟังถกถ้อย
ตวาดถ่อย                  ถอยกันกราว
อำมาตย์ใด                ไหนบังดาว
ฉ้อราษฎร์ฉาว             ราวกับผี

    ๐ทรงปลดผ้า           พักตราออก
กระเจิงกลอก                กระฉอกลี
ต่างจำได้                    ในภูมี
ควบกันจี๋                     ขี่กันขรม

    ๐แต่นั้นมา               อาเพศเกาะ
คนปากเปราะ               เริ่มเพาะปม
ขุนนางใหญ่                 ใจอาจม
เพ็ดทูลถม                   รมจนเสีย

    ๐องค์ราชันย์            วันไม่ว่าง
อำมาตย์ง้าง                อ้างนัวเนีย
จริงไม่จริง                   มันยิ่งเยีย
ชิวหาเลีย                    เริ่มเปลี้ยหู 

    ๐มันกล่าวหา            ว่าโปลเจ้า
กำแหงเข้า                   เกล้าสืบดู
ส้องสุมนร                   ห่อนดำรู
จักหาญสู้                    ภูธรหนอ/.				
13 พฤษภาคม 2546 02:43 น.

เตมีย์คำกลอน : การยั่วด้วยขนม

ราม ลิขิต

แล้ววางการงานงอเป็นข้อหลอก 
เกณฑ์คนออกสืบสานเร่งการขน
กวาดขนมนมหนอหม้อทะนน  
สิ้นตำบลหมู่บ้านทุกร้านรวง

จำนวนมากมหึมาหาวิเสท  
เข้าแต่งเลศแปลงสมขนมสรวง
แต่ละวันจักตอกเป็นดอกดวง  
ทยอยช่วงช่อชั้นจนตันครัว

ท้องตลาดอาเพศเทวษเด็ก  
จะร้านเล็กร้านใหญ่ล้วนส่ายหัว
โทษประกาศทางการชาวบ้านกลัว  
ตลาดมืดตลาดมัวเริ่มมั่วมา

ขนมชิ้นกินต้องย่องย่องแอบ  
รสเหมือนแกลบด่าก่นยังด้นหา
ราคาแพงแดงน้อยปรอยน้ำตา  
ชาวพาราเร่งขนมเข้าถมวัง

ครั้นได้ฤกษ์เบิกเรื่องขนเครื่องหวาน  
หลายทะนานต่อตับดับหน้าหลัง
หอมระรื่นชื่นกรายน้ำลายกรัง  
ขนัดดังเม็ดทรายชายนที

ตีเป็นกงตรงกลางให้ว่างไว้  
ขนมไล่รอบหลั่นเป็นพันสี
เมื่อพร้อมสรรพรับส่งผจงดี  
ก็กราบทูลภูมีถึงฎีกา

ให้กะเกณฑ์กุมาราทั้งห้าร้อย  
ล้วนเด็กน้อยสองปีมีชันษา
วางอยู่ในกรอบวงให้คงวา  
รอสัญญาปล่อยมือที่ยื้อยัน

ประจุองค์เตมีย์เข้าที่กลุ่ม  
กระจายกลุ้มออกข้างระวางขัณฑ์
จนประชุมเรียบร้อยให้คล้อยพลัน  
สงบกันให้กริบขยิบตาม

เหล่าพวกเด็กเล็กหนูกรูระดะ  
เมื่อโตผละหลบลีต่างผลีผลาม
คลานกระดี่ลงสระดูตะกลาม  
สวาปามแสวงปานสว่านแปร

ทะลวงทั่วตัวดีทวีวุ่น   
เสียงหมุบหมับชุลมุนพรุนเป็นแผล
เข้าทางไหนชอกช้ำดั่งตำแย  
ตะเบ็งแตรทว่าองค์ยังคงซม

คงนอนแซ่วฟังแซ่มาแหย่ยั่ว  
ถึงอยากกลั้วกินกลืนคลื่นขนม
ตามประสาเด็กใสวัยภิรมย์  
ก็ให้ตรมเจียมตัวด้วยกลัวตรึง

อันตรายตายตกนรกตอด  
ตระหวัดสอดโซ่เส้นเขม้นขึง
โอชารสลิ้นรัดตวัดรึง   
จะรุ่มร้อนยอนถึงกี่กึ่งกัลป์

หมอเฒ่าเจ้าปัญญายู่หน้าย่น  
หนอชอบกลกายีเตมีย์ขันธ์
ให้ทดลองต่อไปไม่เว้นวัน  
จนครบปีเธอนั้นงันเหมือนเดิม/.				
12 พฤษภาคม 2546 20:32 น.

มโหสถคำฉันท์ : กถามุข

ราม ลิขิต

๐สมัยโลกประเทืองหล้า      พระสัมมาวิชัยมาร
เสด็จตรัสรู้การ                      กระหน่ำสิ้นกิเลสสูญ

วิถีกลางมล้างกาม                 ก็แผ่ข้ามทวีคูณ
ธวัชใดรึไพบูลย์                    จะเท่าโบกสะบัดธรรม

ณ ครั้งที่พระองค์ท่าน            สถิตวันวนารัมย์
เสวยกรองเกษมกรรม            สำนักเชตวนาราม

สดับเสียงประชุมสงฆ์             กระซิบส่งกระแสสาม
พระองค์ใคร่จะรู้ความ             สภาข้องคะนึงใด

มนัสนาถคุณาเนื่อง                ก็ยาตรเยื้องคระลาไคล
มินานเนิ่นก็ถึงใน                   ตำบลกลุ้มคดีการ

นรินทร์ถามนิยามถ้อย             ตถาคอยแถลงสาร
นิยมใดผจงดาล                    แสดงด้วยวจีดล

คณาสงฆ์สดับสั่ง                   ก็ต่อตั้งนิพันธ์ตน
กระหม่อมฉันวิจารณ์ผล           พระภาคย์ผู้พิพัฒน์ภา

สลายสุขสนุกเสพ                  เสมือนเทพสลัดลา
สล้างสุดมนุสสา                    สลัวสิ้นเมลืองแสง

ฉลาดเชี่ยวเฉลียวช่วง             ประดุจดวงทิวาแวง
กำเริบฤทธิ์นราแรง                 บำราบอยู่พระปัญญา

นโรดมสดับความ                   ก็แจ้งตามตำนานมา
มิใช่หนึ่งฉะนี้นา                     ฉนำโน้นชนวนนัย

ตถาคตอเนกข้อง                   อนันต์คล้องมโนมัย
บุราณบุพกรรมไกล                 อุบัติเรื่องอุบายหลัง

สุสงฆ์สิ้นระบิลทราบ               ประณตยาบจะขอยัง
ระบุแฝงระบายฟัง                   สะพรึบพร้อมสภาธรรม
                                   
(ภุชงคประยาต ๑๒)				
11 พฤษภาคม 2546 22:50 น.

ลิลิตสุวรรณสาม : ริมฝั่งสามะคันธี

ราม ลิขิต

๐ครรไลเลียบข้าง      คงคา
บถอ้างอรัญวา              แหวกขึ้น
มากหมู่พฤกษา             สะพรั่ง
เพลินชมดับล้า             เลื่อนโหย

    ๐ยมโดยดั่งหญ้า      กอสยาย
ระดะเรี่ยราย                รอบด้าน
ยมหยาดหยดหมาย       สงบมุ่ง
ยมเจาะจิตจ้าน             เจ็บยม

    ๐นมสวรรค์สว่างพุ่ม  พราวไสว
แดงดอกดูไต               ต่อมแต้ม
ถันเทพหนอไฉน           นัวหนัก
คนเพียงคู่แย้ม              ยุ่งแล้ว

    ๐แก้วแกว่งกิ่งก้าน     กราวสวย
ลมโยกระทวย              นาฏท่า
หอมชื่นมาชวย             รมฉ่ำ
แก้วไต่แก้วร้า               ล่องฉุย

    ๐คุยคลานเคลื่อนขึ้น โคลงเคลง
เถากอดกระเตง            ไต่ลาก
เลื้อยร่ายเลาะเขลง        ขนัด
นึกคำคุยมาก                แค่โม้

    ๐ตะโกแก่ต้น           ตาดู
พลับไพล่หลงชู            ชื่ออ้าง 
สองพืชตูสู                  สลับ
เคียงพันธุ์พิศสร้าง        ไสว     
    
    ๐ไทรสูงสะบิ้ง          ระบาย
ต่องแต่งแกว่งกราย       เกลื่อนไส้
วิหคมากหลาย             เริงร่อน
กรูเกรียวไกลใกล้          กู่เสียง 

    ๐เมียงบัวเกลี่ยเกลี้ย  ชลการ
สัตตบุษย์บาน             เบิกหล้า
สัตตบรรณสาน           สร้อยสอด
กระเพื่อมคลื่นค้า         ขับสวย
   
    ๐พังพวยพุ่มแผ้ว     พรรณราย
แดงดอกขาวมาย         ม่วงด้วย
ปอว่อนถวาย               ปานวาด
หยอกยอดยั่วย้วย        ปีกแย้ม

    ๐ชมแกมย่างก้าว     มาไกล
เลาะตัดลัดไพร           ไต่บ้าง
ดงดึกลึกไฉน              คงแน่ว
ดึกฉ่ำน้ำค้าง               คู่หนาว 

    ๐ราวเจ็ดทิวาวัน     สองเร่งถั่นดงเถื่อน       เลื่อนบรรลุแดนหนึ่ง
พินิจถึงที่แถบ            ด้านหนึ่งแนบธารา       นามสามะคันธี
น้ำท่ามีพร้อมมูล        ด้านหนึ่งพูนไม้ผล        ป่าโปร่งพนเบญจพรรณ
มีขอบขัณฑ์มิข่ม        สมคะเนในถิ่น             ให้ยินดีการบวช
ตรวจตราตรงจิตต้อง   พ่วงเจตนาพ้อง            พ่างนี้พำนัก				
10 พฤษภาคม 2546 22:51 น.

มหาชนกคำกาพย์ : กษัตริย์แห่งมิถิลา

ราม ลิขิต

๐ยังมีนคร                   อัครบวร   
รุ่งเรืองแจรง               นามมิถิลา   
บุรีรัตนา                      ค่ำเช้าพราวแสง
ประหนึ่งเมืองแปลง      เทพคิดปั้นแครง 
สล้างรุจี 

    ๐ปรางค์ปราอ่าองค์  ครุฑยุดนาคหงส์  
ปักษินหัสดี                 กินนรคนธรรพ์   
คชเอราวัณ                ไกรสรราชสีห์   
สลักจักตี                    เสลาดังมี  
ชีวิตวิญญาน

    ๐ไพร่ฟ้าหน้าใส      นาครคลาไคล  
โภชน์ผลกล่นการ        อิ่มหมีพีมัน   
แปลงพืชปลงพันธุ์       ส้มสูกลูกหวาน
ละลุ่มลำธาร                 บริบูรณ์เบิกบาน 
สุขเกษมเปรมปรีดิ์

    ๐ไร้เรื่องทุกข์ร้อน    ไร้อาชญากร  
ไร้คนสิงคลี                 ไร้การสัปดน    
ไร้เท่ห์เล่ห์กล              ไร้ส่อป้ายสี 
ไร้ลูกทรพี                   ไร้แม่กาลี  
สุจริตจิตรา

    ๐อันองค์กษัตริย์      ครองราชสมบัติ 
ทศพิธอาภา                 สูงพระชนม์ชีพ   
ล่วงไขประทีป              เฒ่านักหนักหนา        
ทรงพระนามา              มหาชนกลือชา  
ชอบด้วยพระคุณ

    ๐ทรงมีราชบุตร      สององค์ประดุจ 
แก้วราชนิกุล             อริฏฐ์ชนก   
เชษฐ์อุปถัมภก          บัลลังก์วางขุน
องค์น้องครองบุญ       โปลชนกนั้นจุล  
จากเจ้าพี่ยา

    ๐มิจำเนียรกาล       กษัตริย์ผู้ไพศาล 
สู่สวรรคตา                 สิ้นวารผ่านเพลิง  
จึงเรื่องเถลิง               อริฏฐะนาถา
สืบองค์ราชา                ผ่านมิถิลา  
ครองกรุงรุ่งราม

    ๐แล้วแต่งอนุช        เป็นยุพราชรุจน์  
ร่วมคู่เคียงขาม           รักใคร่ขันเกลียว  
น้ำหนึ่งใจเดียว           ร่มเย็นทุกยาม
ขอบขัณฑ์เขตคาม        สรรเสริญพระนาม 
คู่ขวัญนคร/.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟราม ลิขิต
Lovings  ราม ลิขิต เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงราม ลิขิต