3 มกราคม 2555 10:31 น.
รัถยา
ท้องฟ้าจะลาจรสแสง
ก็แสดงสลัวลาง
ลมแปร กระแสละทิศทาง
ผสะร่างสะท้านใจ
ร่มลานสถานรมยรื่น
ดุจะฝืนจะชื่นใน-
ทรวง ซอนจะย้อนอตีตไล้
ก็ไถลภวังค์หวาน
ฟื้นคืนก็ฝืนสติกระชับ
กลกับรตีกาล
เผลอติดเพราะพิษมนสมาน
ฤ จะผลาญสลายพลัน
โอ้ ใจนะใจ ดลกระหวัด
ดุจะชัด ชะชื่นวัน
เห็นนวล ก็นวลศศินะสรรค์
อุระสั่นและพลันหมอง
ทวนจิตพินิจ อนิจจัง
มิจิรังจะถือครอง
ขันธ์ห้าพิจารณสนอง
ก็จะต้องมลายตาม
ทุกขังเพราะยัง ณ วัฏวน
ก็เพราะกลทะเลกาม
ตัณหาก็อายตนะล่าม
ก็ละความก็ข้ามกลัว
ยึดมั่น ก็นั่น อนัตตา
อุระพาและตามัว
หม่นหมองเพราะครองอัตตตัว
มนกลั้วมิกลัวพราง
ท้องฟ้าจะลาละระวิวาร
ประลุกาลสลัวลาง
แสงโสมประโลมภพขจ่าง
และสว่าง ณ ห้วงใจ
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
2 มกราคม 2555 13:34 น.
รัถยา
ฉันไม่อยากเห็นโลกต้องโศกซ้ำ
ที่ตอกย้ำลำเค็ญ ไม่เป็นสุข
หรือโลกแท้ต้องถมความตรมทุกข์
แล้วสนุกบนซากโศกที่โลกซับ
เห็บ หมัดเหลิง เริงรำระบำปีศาจ
ทาก พยาธิ โผล่ผลุบให้หยุบหยับ
มันรอคอยเหยื่อโง่แล้วโผงับ
เมื่อเกาะหมับดูดหมดเหมือนอดโซ
ลืมความเป็นเพื่อนมนุษย์ ที่สุดแล้ว
ยังเข้าแถวชอนไชจนไส้โหว่
ก่อความกลัวข่มเหงนักเลงโต
แล้วล่ามโซ่ความคิดเป็นเครื่องมือ
กองซากโศกโลกซับนานนับเนื่อง
มีเพียงเรื่องปวดร้าว เท่านั้นหรือ
มาร่วมเปลี่ยนให้สุขล้ำให้ร่ำลือ
ถือคำพ่อก็เปลี่ยนโลกไม่โศกแล้ว