10 พฤษภาคม 2547 01:16 น.
รัถยา
สารัตถะมธุถ้อยร้อยจรัส
สารพัดพจน์รำพึงตรึงมนสอง
ขอจูงเที่ยวทิฆัมพร..กรตระกอง
เนรมิตมโนล่องท่องสวนทิพ
ลานมาลีอวลละอองมองเนียนเนตร
โสมพิเศษสาดแสงส่องปานทองขลิบ
ดาริกาเกลื่อนกรายรายระยิบ
ลอบกระพริบดั่งพยานที่ผ่านพราง
ดารดาษผกากาญจน์ลานผาเพชร
ระยับเกร็ดประกายแววแพรวสว่าง
มุจลินทร์ไพลินพลิ้วระทิวทาง
ระริกสล้างสลวยสุด บุษบัน
ระหงหงส์รงคหยกทะยานโผ
คู่มโนแนบถนอมเคียงจอมขวัญ
มุกน้ำค้างคล้อยเหยาะเกาะพฤกษ์พรรณ
ทุกหยาดสรรค์ส่องใสไร้รอยมล
วิเชียรฉายฉาบวิมานสานสถิต
แลวิจิตรวัลย์โกสุมลายซุ้มสนธิ์
ดิฐตระหง่านลานขจีกระจ่างดล
มรกตสดสียลระยับงาม
แว่ววิหคถกสำเนียงจำเรียงสั่ง
ฟื้นภวังค์คว้าหัตถ์กระหวัดหวาม
ระพีเรืองระเรื่อแสงสู่ฟ้าคราม
ขนิษฐ์ตามรัตติกาลลับลานฟ้า
......คว้าไม่ทัน....
8 พฤษภาคม 2547 13:10 น.
รัถยา
พฤกษาคณาพันธุ์ไพรสันต์กว้าง
แผกต้นแตกต่าง...ต่างผสาน
แผ่ร่มห่มหล้ามาแสนนาน
วงศ์วานก่อไว้ดำรงพงศ์
ใหญ่โน้ม โอบน้อย...ย้อยกิ่งรับ
คอยประคับคอยประคอง ปองประสงค์
ผลิยอดเผยย่าน จนกร้านดง
จนยงหยัดสูงจรูงฟ้า
สามัญสาระ..ธรรมชาติ
ประกาศเกียรติคุณอันล้ำค่า
ยิ่งค่า ยากเค้นเป็นราคา
คือขาค้ำเมือง.....ให้เฟื่องฟู
ต้นกล้าวรรณกรรมต่างก่อเกิด
กล้าเชิดยอดชัด.....ระบัดอยู่
พะยูงใหญ่ย่อมเหนือ..ประหนึ่งครู
พยุงชูกล้าน้อยชาญช้อยลาย
เจ้าต้นกล้าเกิดใหม่ในผืนภพ
กล้าซอนสบศิลป์สาน ปานสลาย
แหวกเวิ้งวาดชีวิตลิขิตกลาย
สู่หนสายบรรพสร้างทางสุนทรี
เพียงเสี้ยวสรรค์แห่งศาสตร์ประกาศแสง
จรัสแรงรวงอักษรขจรศรี
โปรยละอองไอเย็นเป็นวจี
ด้วยวลีล้นหลั่ง กำลังใจ
6 พฤษภาคม 2547 18:04 น.
รัถยา
เพียงรอยยิ้มเผยอยื่นก็ชื่นแล้ว
ถึงถ้อยแถวที่ทักจะหักหาย
ยังคงเห็นห่วงร้อยที่รอยกราย
สมัครหมายเช่นมิตรสนิทน้อม
ร้อยจำนรรจ์กลั่นสานงานวิจิตร
รอยลิขิตหลากผ่านสำราญหลอม
แม้นรอยเริ่ม..รุงรังก็ยังยอม
ด้วยจิตพร้อมน้อมนำ..คำติชม
ปีกเสรี โผล่อง ในโลกกว้าง
มีเส้นทางทอท่องใยต้องขม
มีลานลอยช้อยฉาบอาบอารมณ์
ได้ผสม ผสานซึ้งให้ตรึงใจ
อันตัวตั้ง อัตตาให้คากลัก
จนติดหลักเลือนลับกับสมัย
หาวิถีชี้ช่องแห่งทองไทย
ให้โยงใยร้อยเชื่อมรอยเหลื่อมกาล
ด้วยวิถีแห่งปราชญ์ฉลาดชี้
ไม่เบ่งบี้บังใบ..คอยไขขาน
ตามลิขิตอัคราบุพพาจารย์
ด้วยสมาน สมัยให้ ไม่ไกลกัน
เห็นรอยยิ้มเผยอยื่นได้ชื่นรับ
ขอน้อมซับแนบทรวงเป็นรวงฉันท์
กำลังใจ จรัสแสงมอบแบ่งปัน
ด้วยผูกพัน พี่น้อง ร้อยกรองกลอน
...................................ด้วยรัก
5 พฤษภาคม 2547 12:45 น.
รัถยา
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
๑๗ ขอวิญญาณวธุยงจะคงนภอมร
ด้วยบุญ ณ เบื้องก่อน จะกูล
๑๘ พ้นวัฏฏาและมิต้องจะครองมลคละคูณ
ผ่านพันธะผัน พูน ณ พรหม
๑๙ พร้อมสุขศานติ ณ สรวงและรวงอุระภิรมย์
เนืองนันทธรรม์สม ธ ศรี
สัทธราฉันท์ ๒๑
๒๐ อ้าองค์ผู้ทรงมหิทธี จกรทิพะบดี
โปรด ธ ปรานี และรักษ์นวล
๒๑ ด้วยเธอนั้นเทียมฤทัยมวล จรละทิวะมิควร
อันภิรมย์ล้วน ณ อ้อมรัก
๒๒ รวงใจเปี่ยมสัจจะปราจักษ์ มิละสตยะสลัก
ร้อยพิไลภักดิ์ พยานยล
๒๓ ขอกรานท้าวท่านประทานบน ดุสิตะทิพะจะปรน
เธอ สถิตดล นิรันดร
กาพย์ยานี ๑๑
๒๔ ตราบดินไม่สิ้นสูญ ยังอาดูรนราจร
ตราบฟ้ายังอาทร เอื้อบุหลันเพื่อผันแสง
๒๕ ตราบชลชโลมชื่น ไอระรื่นประโลมแรง
ตราบสีสุรีย์แดง ฉายแสงสาดดาดพฤกษ์พรรณ
๒๖ จากนี้อีกนานนับ ขอประดับดวงชีวัน
ด้วยรักจักอนันต์ แนบฤทัยไม่เลือนโรย
.......................................................................................................
4 พฤษภาคม 2547 18:52 น.
รัถยา
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๑๐ เพียงสรวง ธ สรรค์สร้าง เฉพาะลางภิรมย์อัน
พอร้อย ณ รอยฝัน ก็มลายและหายลับ
๑๑ พาร่างละล้างหนี อคนีสลายดับ
ควันโรยระโรยซับ นภหม่นทะมึนมิด
๑๒ เหลือถ่านธุลีเถ้า และก็เงาระงมจิต
รอยกาลจะนานนิจ มนแนบสิเหน่ห์นาง
อิทิสังฉันท์ ๒๐
๑๓ ดาริกาก็เลือนและเดือนก็ลาง
นภาก็หม่นจะยลก็หมาง ณ จุดหมาย
๑๔ รวงภิรมย์ก็ลับละดับมลาย
ฤทัยก็รานซิปานสลาย จะแหลกหลอม
๑๕ ชลนัยน์ละนองจะตรองก็ตรอม
ละวันมิวายจะหายก็หอม สิหวนหา
๑๖ หวัง ธ พักตร์จะผาย ณ ปลายนภา
ผิเงาก็สมมิตรมอุรา ละร้าวรอน
.