23 พฤษภาคม 2547 13:54 น.
รัถยา
.
สายสัมพันธ์แต่นั้นตราบวันนี้
ดังวารีร้อยสานผ่านภูผา
หลอมรวมสายสู่อุระเจ้าพระยา
ร้อยอุรารินจานลงธารใจ
ธารอาทรทอดรายสยายหลั่ง
สู่ภวังค์อาวรณ์อันอ่อนไหว
อ่อนละมุนหนุนสักสลักใน
แผ่แสงใสซ่อนผลึกแสนลึกล้ำ
ยะเยือกเย้าเงาน้ำช่างงามนัก
เคล้าเงาพักตร์พริ้งพร้อยแสนช้อยฉ่ำ
สัพยอกหยอกเย้า เพียงเร้านำ
ประคับประคองคล้องคำพอคมคาย
ถ้อยคำนึงคอยเปลี่ยนค่อยเพียรพ้อง
จนสบสองปองสางกระจ่างสาย
เสมอมิตรมุ่งมอบช่วยปลอบปราย
เป็นก้าวกลายกรองมนให้กลไกล
คำคะนองแต่นับ กับครานั้น
แปรจำนรรจ์น้อยศัพท์พอซับใส
เหลือคำนึงแนบ ณ หฤทัย
เหลือสายใยเยื่อหยั่ง ยังอาทร
แม้นลานฝันลับสลายใช่เลือนร้าง
ยังสล้างรวงปราณสานสมร
ยังมีใจถึงใจอำไพพร
ยังวิงวอนเทวาทรงอารักข์
สายพิรุณหนุนพรมภิรมย์เร้า
คงยังเนาเนื่องนอง จองประจักษ์
ดั่งน้ำมนต์ปรนโชย โปรยรวงพักตร์
คงตระหนักคะนึงจิต กนิษฐ์นาง
ฝันสีทองลำยองโยงปลายโค้งฟ้า
ผืนนภาแผ่ห่มสมสุขสาง
จรัสล้ำเรืองล้นลบมลจาง
คือหนทางแห่งแคว้นในแดนควร
หมู่บุพผาพลิ้วพร้อมปรายหอมให้
ระรื่นไล้อภิรมย์สู่สมสรวล
กลีบโรยรองกองสุมให้นุ่มนวล
ทุกย่างชวนยวนยลไร้มลมาร
ขอเพียงชมชื่นชิดเพียงจิตเจ้า
แม้นรอยเงาเงื้อมลอย... พอร้อยสาน
เพียงพอแล้วพอร้อยสร้อยสังวาล
คล้องเคียงปราณคลอฝันนิรันดร
................................๒๓ พ.ค. ๒๕๔๗
.
20 พฤษภาคม 2547 00:28 น.
รัถยา
อณูไหววนวิ่ง ไม่นิ่งเฉย
เถาวัลย์เย้ย......ยื้อหยุด.....วิมุต หมาย
เกลียวขมังรั้งแย่ง จนแรงกลาย
ให้อ่อนเปลี้ยเกินป่าย แม้ชายภู
แลไม่ไกลเกินเอื้อม....เอื้อมไม่ถึง
มีสายรึ้งดึงหลังให้รั้งอยู่
คือสร้อยกรรมคล้องจิต พินิตดู
และรู้อยู่ตัดใย ใช่ยากนัก
ฟั่นเป็นเกลียวม้วนกลม...ปมดักแด้
ยังขยันรั้นแลเหมือนพันหลัก
สางก็รัด...ตัดบ้าง...ลางก็รักษ์
จนเป็นปลักตมเปื่อยจนเหนื่อยล้า
ค่อยค่อยยันยกสูง ...ดังยูงเหิน
ค่อยค่อยเดินคอยยั้ง...ระวังขา
ค่อยค่อยเบือนตัดบ้าง ให้บางตา
ค่อยค่อยกล้าแกะกรัง ...ที่บังใจ
เมื่อเริ่มก้าวเกะกะ ปะทะกรอบ
คือคำตอบทุบเกราะ.... กะเทาะไหม
เห็นช่องว่างสว่างสอด ....รีบรอดไว
สว่างไสว ในวิมุต ได้หยุดวาง
17 พฤษภาคม 2547 22:06 น.
รัถยา
.
มนต์แห่งสรวงเสกแสร้ง..แบ่งโค้งฟ้า
เสน่หา..ห่วงจิตนิมิตสาน
ราวต่างภพ..ผลิริมแห่งหิมพานต์
เพียงหทัยที่ผสาน ณ ลานจันทร์
ประคองเจตน์วิจิตร..ลิขิตพร่ำ
เรียงลำนำร่ำคะนึง..ถึงนวลขวัญ
ทุกทิวา อาจิณถวิลกัน
บรรจงกลั่นกรองใจให้พะยอม
คือมาลา..มาลัย..ร้อยใยรัก
เด่นประจักษ์..ดวงกมลสุคนธ์หอม
แซมอาทร ทยายวงเป็นรวงรอม
โรยภักดิ์พร้อมพรายสลับ กับสัญญา
เกล็ดคำนึงแนบปลายสยายพลิ้ว
ดำรงริ้วเรียงต่อช่อห่วงหา
มอบสมรก่อนเจ้าเข้านิทรา
น้อมอุราถนอมนุช ..ด้วยพุทธมนต์
. ....................๑๙ เม.ย. ๔๖
16 พฤษภาคม 2547 23:51 น.
รัถยา
.
เปิดเทอมใหม่หัวหมุน...คุณหนูจ๋า
หน้าพ่อแม่เศร้าหมอง.....ทองระเหย (จำนำซะ)
ลายแม่โป้งแปะหมับประทับเคย
ดังจำเลยยอมรับกับความจน
สนับสนุนการเรียน.....คือเพียรกู้ (ฮึฮึ.....ร้องไห้นะ)
กู้ทั้งราษฎร์ รัฐรู้....เป็นพูผล
ผลที่รอพอจบจวบครบคน
ดอกเบี้ยล้นเบ่งบานชั่วหลานเหลน
เห็นจดจ่อจัดจับขยับยก
เหมือนกลัวหยกจะย่น ผลจะเผ่น
ก็จับเค้นยัดเข่า...ผู้เฝ้าเวร (สงสารคุณครูจัง)
ด้วยกฎเกณฑ์กฎเหล็ก เล็กเล็กรับ
ต้องทนนานเท่าไรลูกไทยเอ๋ย
หรือขมเคยขื่นครอง...ที่รองหลับ
ฝันเจ้าฝันใฝ่ฟ้า........ฟ้าระยับ
มือช้อนจับก้อนกรวด.แสน....ปวดร้าว
12 พฤษภาคม 2547 23:35 น.
รัถยา
ให้พระพายพรมหน้า ริมท่าน้ำ
ร้อยลำนำนับเนืองประเทืองสาย
หลอมเรื่องราว หลากหน้า ...ธาราราย
พอเสพย์สายเส้นทางยากย่างยล
ถ้อยอรรถาธิบายทางสายเก่า
เคยผ่านเงาแหงนเงยพอเชยหน
ก็ผ่านเลยหันลับไปกับกล
เมื่อย้อนมนมาใหม่ยังใสยง
แลสายฝนปรนสานละลานหลั่ง
ซึ่งแยกหยั่งหยดพรม ภิรมย์ หลง
กำเนิดจากฟากฟ้าก็ลาลง
แล้วรวมตรงร่วมธารเป็น ลานพลบ
เช่นนั้นเองนั่นหนาชีวาว่าย
กระเสือกกระสันดั้นส่าย ไม่สร่างสบ
สุดท้ายกานท์กลายดินก็ผินพบ
ไต้มณฑปดอกหญ้า คือสามัญ
รัตน์วิลาส วาดวนเกินค้นจับ
ยังระดับยกสูง ระดับฝัน
อีกนากนัก เปลือกหนาตราชีวัน
วิถีบั่นเบียดแกนเพื่อแก่นลอย
มือที่กำปานกงก็คงชัด
เกิดระบัดบังบาน ละลานฝอย
ลับเคียวใจเกี่ยวกวาดลานลาดลอย
คงเด่นดอยเด่นแดนประดิษฐ์ดัง
เจ้ามณฑปดอกหญ้าระย้าดอก
ราวจะบอกบ้านนี้คือที่หวัง
มีไออุ่นละมุนมอบทั่วขอบวัง
พิรุณหลั่งร้อยธาร สำราญรอ