30 พฤศจิกายน 2547 20:50 น.
รัถยา
ในคำนึงน้อมเคียง เพียงความฝัน
ในจำนรรจ์น้อมสลักเพียงอักษร
ในผูกพันน้อมพา เพียงอาทร
ในเกลียวกลอนน้อมมอบ คำขอบคุณ.
แววตะวันวาดงาม ความสุดท้าย
แผ่วพระพายพัดใจไร้ข้องขุ่น
จินตนาการนั้น ฝันละมุน
ได้เจือจุนเรือนใจไม่จืดจาง
มาลีขาวโรยสุคันธ์ สัญลักษณ์
เสมือนพักตร์ผุดงามก่อนยามสาง
แสงระวีรี่เลื่อน จึงเลือนลาง
เหลือสล้างอันวิไล เพียงใจรอง
มีความงาม ความเงียบ ที่เทียบให้
มีความนัยแนบเนายามเศร้าหมอง
ใจเวียนวนยลเย้า เพียรเฝ้ามอง
หรือเพียงร้อง เผลอล้ำ จำหลักแล้ว
๓๐ พ.ย. ๒๕๔๗
22 พฤศจิกายน 2547 00:36 น.
รัถยา
.
ฤทัยเธอเสมอธาร
ระรื่นสานติ์ชโลมทรวง
ละอองเย็นก็ยื่นยวง -
ฤดี.ยงทะนงยืน
ธ ยื่นฉ่ำซิคำช้อย
ภิรมย์คล้อย ทะยอยคืน
ระบมฝัน ก็ผันฟื้น
ทวีหวานก็ซ่านไหว
และยิ่งย้ำเพราะคำหยาด
ระดมดาด ฤ หยดใด
มิสับย้ายสลายใย
และรัดสร้างสล้างสาน
ก็กลั่นกลมผสมเกลียว
นะหนึกเหนียวก็นับนาน
ประดุจคลื่นคละครืนคลาน
ระคนพลิ้วระริ้วพราว
ระพีผันจรัลผ่าน
จะเวียนวาร มิเว้นวาว
เสมือนสร้อยทะยอยสาว
ขจัดหมองสิปองหมาย
จรดวาง ธ รางวัล
ถนอมขวัญ มิห่างคลาย
อณูปราณจะหว่านปราย
ประโลมในฤทัยนวล
๒๐ พ.ย. ๒๕๔๗
.
15 พฤศจิกายน 2547 23:05 น.
รัถยา
.
แว่วเสียงจากใบสน
ทั้งห้วงหนเสียงโหยหวน
หวิวใจหวามไหวจวน-
เจียนดวงใจเกือบกระจาย
ตรองนึกให้ตรึกนับ
สนยืนรับล้อลมราย
งามท่าและท้าทาย
คลื่น.พายุคราโถมย้ำ
กิ่งก้านช่างกร้านแกร่ง
ทานลมแกล้งที่กรูกรำ
ใบริ้วเป็นทิวลำ
ลู่ริ้วล่องตามช่องลม
ยืนต้นไม่โค่นตาม
ลมคร้านขาม แลหมดคม
ฝืนต้านแม้นซ่านตรม
จนผงาดแลงามเงย
ชีวันที่ผันว่าย
ท่ามระคายทุกคามเคย
ครรลองอย่ามองเลย
อ่อนน้อมนำ หนักแน่นใน
ดังหลัก สนทะเล
อุปเท่ห์สู่ฤทัย
ลมโลกย์ที่โกรกไล้
หรือทอนสุขให้ทุกข์ทรวง
.