4 พฤษภาคม 2547 18:52 น.
รัถยา
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๑๐ เพียงสรวง ธ สรรค์สร้าง เฉพาะลางภิรมย์อัน
พอร้อย ณ รอยฝัน ก็มลายและหายลับ
๑๑ พาร่างละล้างหนี อคนีสลายดับ
ควันโรยระโรยซับ นภหม่นทะมึนมิด
๑๒ เหลือถ่านธุลีเถ้า และก็เงาระงมจิต
รอยกาลจะนานนิจ มนแนบสิเหน่ห์นาง
อิทิสังฉันท์ ๒๐
๑๓ ดาริกาก็เลือนและเดือนก็ลาง
นภาก็หม่นจะยลก็หมาง ณ จุดหมาย
๑๔ รวงภิรมย์ก็ลับละดับมลาย
ฤทัยก็รานซิปานสลาย จะแหลกหลอม
๑๕ ชลนัยน์ละนองจะตรองก็ตรอม
ละวันมิวายจะหายก็หอม สิหวนหา
๑๖ หวัง ธ พักตร์จะผาย ณ ปลายนภา
ผิเงาก็สมมิตรมอุรา ละร้าวรอน
.
4 พฤษภาคม 2547 00:51 น.
รัถยา
กุสุมิตลดาเวสิตาฉันท์ ๑๘
๑ ภูษาพลิ้วริ้วแวววิจิตรไสว
พรูพระพายไล้ วธูรอง
๒ เยื้องร่างย่างย้ายองค์ดุจะอณุละออง
ชื่นละมุนมอง กระชับมน
๓ โอษฐ์เอื้อนเหมือนสรวงปันพิรุณะจะประปรน
รายระรื่นดล ภิรมย์แด
๔ เนียนนุ่มผิวนวลเรื่อศุภะภวจะแล
ราวจรัสแข ขจ่างไข
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๕ เคียงชื่นกระชับกรชะช้อน ทะนุอร ณ อ้อมใจ
ร้อยเรืองสราญอุระวิไล ก็ระร่ำพะพร่ำเรียง
๖ จวบนั้นก็เนามนสนิท และเกาะจิตผจงเคียง
นับนานก็เนืองดุจะพะเนียง ก็จรัสและชัดฉาย
๗ ยามห่างก็ห่วงหทยหา กุสุมาสุคันธ์ราย
แทนปราณประโปรยรมยปราย สิประทังพลังทาน
๘ เฝ้าแลบุหลันจรสแสง นยแจง ณ จิตจาน
แสงนวลก็นัยน์ดนุผสาน สิประทิน ณ ปิ่นสม
๙ จำรัสมาสรัศมี ก็ทวีภิรมย์พรม
ราตรีก็ต่างนยนชม สิประสาน ณ ลานจันทร์
2 พฤษภาคม 2547 20:07 น.
รัถยา
ฟ้าครวญครืนดังดั่งไห้โหย
ฝนโปรยฝันปรายกลับกลายหวน
ลมเย็นย้อนผันแสนรัญจวน
ดังชวนให้ชมเจ้าลมรัก
เมฆาเคลียคุ้นคลอขุนเขา
ปานเงาปรกปนมนสมัคร
แทนถ้อยร้อยผลิรอพิทักษ์
ปกปักปกป้องให้ครองฟ้า
เจ้าล้อลมบนเวหนกว้าง
ปีกกางกระพือฟ้อนร่อนถลา
อิสระเสรีวิถีพา
อย่าล้าเหินล่องน้องนกน้อย
โผผิน บินไปสู่ปลายฝัน
จงมั่นหมายจิตอย่าคิดถอย
แผ่คลี่ฟ้าคลอไว้รอคอย
เจ้าลอยลงอิงกิ่งรุ้งนอน
ยามล้าอ่อนโรยลงโพยพัก
ซ่อมปักแซมปีกที่ฉีกกร่อน
เงาฟ้า จงแฝงจากแสงร้อน
มีแรงถลาร่อนจนจรเจอ
....เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม
ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ
และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ..
30 เมษายน 2547 15:52 น.
รัถยา
ครืนครืนนภาครวญ กลชวนพิรุณโปรย
ร้อนร้อนก็รอนโรย ก็ระรื่นชะชื่นผิว
พรำพรำและพร่ำพรม และผสมละอองปลิว
หวานหวาน ณ วารหวิว ก็วะวาบวะหวามไหว
กริ่งกริ่งกระดิ่งกราว ตละคราวคะนึงใน
ร่ำร่ำถลำไหล ประลุลานผสานร้อย
เพียงภาพผลิเผยหทยผ่าว พิศพราวประพัทธ์รอย
ฉายเฉิดประชันศศิชะช้อย ดุจผันจะผายโฉม
แม้มนต์ละเมอนิมิตรัด ลุกระหวัด ธ วงโคม
เค้าเคยคละเคียงจรคละโสม กรสานสิซ่านทรวง
............
...........
28 เมษายน 2547 23:51 น.
รัถยา
....แลระลอกเรียงระลิวเป็นทิวสาน
เลื่อมละลานริ้วเสี้ยวเป็นเกลียวสาย
พอคะเนนับคณาแสงพร่าพราย
คือจันทร์ฉายชัดชอนยอนระยับ
...ล่องมาปรนปันนวลให้หวนเห็น
เกือบลืมเร้น.กลับลอยก่อนคล้อยดับ
แม้นทางนั้นพ้นผ่านมานานนับ
คงทาบทับตรึงตราเมื่อครานึก
...ไร้ภิรมย์พรมลานดังกาลเก่า
เคยหยอกเย้าก็หยุด.สะดุกกึก
สะกดจิตสะกิดใจข้างในลึก
กับก้อนผลึก..ส่องผ่านกับกาลนั้น
...เพียงเงื้อมเงาแง้มผลักพอพักตร์เผย
ก็เลื่อนเลยไม่หวนล่องได้จองฝัน
พื้นธารหมองมืดแสง..เคยแปลงปัน
เจ้าจรัลเลยหาย...ลับปลายฟ้า