12 สิงหาคม 2546 08:21 น.

ความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจ

รักเธอตลอดเวลา

เคยมีใครถามคุณไหมว่า ความรักคืออะไร? 
ผมคิดว่าวันนี้ผมมีคำตอบให้คุณแล้วล่ะ คำที่ใช้แทนคำว่า ความรัก ได้ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่า ใส่ใจ 
หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครซักคน.. 
ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน? 
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจ . 
หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ 
ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมาย เพื่อเอาใจ... 
นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวง หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืน 
ถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง.. .. 
ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ 
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย 
หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณซักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน 
คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย 
หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คนรักของคุณยังโทรมา 
แสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ 
หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ... 
นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครซักคนคอยใส่ใจเราบ้าง 
หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า ถึงหรือยัง ปลอดภัยดีไหม เหนื่อยไหม 
หากคุณต้องปฏิบัติภาระกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า . โชคดีนะ ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้  .. .. 
หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า ขับรถดีๆนะ หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ 
ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้าน คุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ 
ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน 
แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน 
ความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน คุณเห็นไหมล่ะว่า 
.   ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครซักคน   . ..				
12 สิงหาคม 2546 08:19 น.

ลองคิดดู

รักเธอตลอดเวลา

ช้างกับกิ่งไม้ 
นานมาแล้วชาวอินเดียใช้วิธีการนำลูกช้างมาฝึกให้เชื่อง 
โดยล่ามโซ่ขนาดใหญ่ที่ขาของลูกช้างติดกับต้นไม้หรือซุงขนาดใหญ่ 
พละกำลังของลูกช้างเองไม่สามารถที่ทำให้ลูกช้างมีอิสระได้ 
ความพยายามหลายๆ ครั้งแล้วไม่สำเร็จนั้น ทำให้ลูกช้างจดจำว่า 
"ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้" 
และหลังจากความพยายามอย่างเต็มที่ในระยะเวลาที่นานพอ 
แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ 
ลูกช้างจะยอมแพ้ไปเอง และเชื่อว่า 
ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหนีไปไหนได้ 
ท้ายที่สุดเมื่อลูกช้างโตเต็มที่ มีน้ำหนักหลายตัน 
คนเลี้ยงก็อาจเพียงแต่ผูกช้างนั้นไว้กับกิ่งไม้ก็พอ 
มันจะไม่หนีไปไหนอันที่จริงมันไม่คิดที่จะหนีไปไหนเลยด้วยซ้ำ 

คุณเคยรู้สึกแบบนี้บ้างหรือเปล่า เหมือนว่ามีอะไรมัดเราอยู่ 
แม้ว่าเราถูกหัวหน้าด่าก็ต้องอยู่ ขึ้นเงินเดือนน้อยก็ต้องอยู่ 
ไม่มีการปรับตำแหน่งเลื่อนขั้นให้ก็ต้องอยู่ 
ไม่สามารถออกไปทำอะไรได้เองโดยลำพัง 
ทั้งๆ ที่เราเองก็มีความสามารถ (คุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?) 
เรารู้สึกเองว่าไม่มีทางเลือกอื่น 
หรือเราไม่เปิดโอกาสตัวเองให้ศึกษาทางเลือกอื่นกันแน่ 
เราเองคงไม่ต่างอะไรกับช้าง 
เราเชื่อไปเองว่าเราไม่อาจหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ 
(ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากมายนัก) 
ความเชื่อนี้จะฝังหัวเรามากขึ้นๆ 
จนในที่สุดมันกลายเป็นความจริง ในจิตไต้สำนึก 
เป็นผลทำให้เรา " คิดการเล็ก" 
แต่ท้ายที่สุดแล้วเราเองต้องตัดสินใจ 
และตระหนักให้ได้ว่า สิ่งที่ผูกติดเราไว้ 
ไม่ใช่ต้นไม้หรือขอนไม้ที่ใหญ่โต 
มันเป็นเพียงกิ่งไม้เล็กๆ 
ซึ่งเราสามารถหักและทำลายเมื่อใดก็ได้ที่เราต้องการพ้นจากการถูกหัวหน้าด่า 
พ้นจากการถูกบังคับให้มาทำงานทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดของเรา 
พ้นจากการถูกปฏิเสธจากการขอเลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน 
หนทางของวิถีชีวิตที่ดีกว่า 

คือการเริ่มต้นที่เราต้องกล้าที่จะหักกิ่งไม้นั้นทิ้ง 
แล้วมุ่งหน้าไปยังป่าสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ 
คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ				
22 กรกฎาคม 2546 15:56 น.

ปลาไหล

รักเธอตลอดเวลา

>>>>>@ นิยามของคำว่า "จู๋จี่" @
>>>>>
>>>>>เด็กชายต้ารวี ในวัย 12 ขวบ
>>>>>มีความช่างสงสัยเช่นเดียวกับเด็กในวัยเดียวกัน
>>>>>เขาได้ยินคำว่า "จู๋จี๋" จากเด็กที่โตกว่าพูดคุยกัน
>>>>>สงสัยว่ามันคืออะไร ? และทำกันอย่างไร ?
>>>>>จึงไปถามคุณครูสาวให้อธิบายให้ฟัง
>>>>>
>>>>>ครูสาวออกอาการเขิน เนื่องจากเธอเองก็ยังโสดสนิท
>>>>>แต่แทนที่จะอธิบายให้ลูกศิษย์ฟัง
>>>>>เธอกลับบอกด.ช.ต้ารวี ให้ไปซ่อนตัวหลังม่าน
>>>>>ในห้องรับแขกที่บ้านในเวลากลางคืน
>>>>>เพื่อให้รอดูว่า พี่สาวจู๋จี๋กับเพื่อนชายอย่างไร ?
>>>>>เช้าวันรุ่งขึ้น ด.ช.ต้ารวี จึงเขียนบรรยายให้คุณครูสาวฟัง ดังนี้...
>>>>>
>>>>>เรียนคุณครูองุ่นทราบ
>>>>>เจ๊กับเพื่อนชาย นั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง
>>>>>แล้วเพื่อนของเจ๊ ก็ลุกขึ้นปิดไฟเกือบหมด
>>>>>แต่ไม่หมดแล้วเขาก็เริ่มกอดจูบเจ๊
>>>>>ผมว่าเจ๊คงไม่สบาย เพราะเจ๊ทำหน้าแปลกๆ
>>>>>เพื่อนเจ๊ก็คงคิดอย่างนั้นด้วย
>>>>>เพราะเขาเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อเจ๊
>>>>>เพื่อจับดูหัวใจเต้นอย่างที่หมอทำต่างกันตรงที่เขาไม่เก่งเท่าหมอ
>>>>>เพราะเขาล้วงเปะปะไปหมด เหมือนหาหัวใจไม่เจอ
>>>>>
>>>>>ผมเดาว่า
>>>>>เพื่อนเจ๊ก็คงไม่สบายด้วย เพราะอีกแป๊บเดียว
>>>>>ทั้งคู่ก็เริ่มหอบเหมือนหายใจไม่ทัน
>>>>>มือของเขาอีกข้างคงจะหนาว เพราะผมเห็น
>>>>>เขาเอาเข้าไปซุกกระโปรงของเจ๊
>>>>>
>>>>>ถึงตอนนี้ รู้สึกว่าเจ๊จะแย่ลง
>>>>>ผมได้ยินเจ๊ส่งเสียงคราง และบิดตัวกระเสือกกระสน
>>>>>ถอยร่นไปจนสุดโซฟา สงสัยว่าเจ๊จะจับไข้ด้วย
>>>>>เพราะผมได้ยินเจ๊บอกเพื่อนว่า...ร้อนจัง
>>>>>
>>>>>แล้วในที่สุด ผมก็รู้ว่า ทำไมเขาถึงไม่สบาย
>>>>>
>>>>>มีปลาไหลตัวหนึ่ง มุดเข้าไปอยู่ในกางเกงของเพื่อนเจ๊ได้ไงไม่รู้
>>>>>มันโผล่หัวออกมายาวราว 10 นิ้ว จริงๆ นะ
>>>>>ผมสาบานได้ เขาคว้ามันไว้ไม่ให้เลื้อยหนึไป
>>>>>แล้วเจ๊ก็มองเห็นเหมือนกัน เธอกลัวจนตาเหลือกอ้าปากค้าง
>>>>>พูดสบถสาบานกับพระเจ้า ว่าใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา
>>>>>
>>>>>ผมเองไม่อยากจะคุย ที่เคยเจอเองอยู่ตัวหนึ่ง 
>>>>>ในบ่อน้ำหลังบ้านใหญ่กว่านี้เยอะเลย
>>>>>แล้วเจ๊ก็เกิดบ้าเลือดขึ้นมา เธอจะฆ่าปลาไหล โดยกัดหัวมันให้ขาด
>>>>>แต่กัดยังไงก็ไม่ขาด เจ๊ก็ส่งเสียงร้อง แล้วคายมันออกมา
>>>>>
>>>>>สงสัยจะโดนปลาไหลกัดสู้ แล้วเจ๊ก็ใช้ทั้งสองมือจับมันไว้แน่น
>>>>>ตอนที่เพื่อนเจ๊ล้วงถุงจากกระเป๋า ออกมาครอบหัวมันไว้ ไม่ให้กัดเจ๊ได้อีก
>>>>>
>>>>>เจ๊นอนหงายหลัง แยกขาออก เตรียมหนีบไม่ให้มันดิ้น
>>>>>ส่วนเพื่อนเจ๊ ก็นอนทับลงไป อัดมันไว้บนตัวเจ๊อีกที
>>>>>ท่าทางปลาไหลคงไม่ยอม และสู้ไม่ถอย
>>>>>เจ๊ร้องครวญครางนอนบิดไปมา ส่วนเพื่อนเจ๊ก็ออกแรง จนโซฟาแทบหัก
>>>>>
>>>>>ผมเดาว่า เขาคงช่วยกัน อัดก๊อปปี้ปลาไหลตายสนิท
>>>>>พอผ่านไปพักใหญ่ ทั้งคู่ก็หยุดขยับ แล้วถอนใจเฮือก
>>>>>เพื่อนเจ๊ลุกจากโซฟา ทั้งคู่ฆ่าปลาไหลตายแล้ว
>>>>>
>>>>>ผมรู้ เพราะเห็น มันห้อยต่องแต่ง หมดแรงขยับ
>>>>>ทั้งเจ๊กับเพื่อน คงสู้ปลาไหลกันจนเหนื่อย
>>>>>
>>>>>แต่ก็จู๋จี๋กันต่อ เพื่อนเจ๊เริ่มกอดจูบเจ๊อีก
>>>>>อ้าว...แล้วกัน ปลาไหลมันยังไม่ตาย มันเริ่มชูหัวขึ้นมาสู้อีก
>>>>>
>>>>>ผมว่าปลาไหล คงมีเก้าชีวิตเหมือนแมว
>>>>>แต่คราวนี้ เจ๊คงโกรธมากที่ปลาไหลไม่ตาย
>>>>>เพราะเจ๊กระโดดขึ้นนั่งทับปลาไหล และขย่มกระแทกลงไปไม่ยอมหยุด
>>>>>
>>>>>ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่คงจัดการฆ่าปลาไหลตายสนิท
>>>>>ผมรู้นะ
>>>>>เพราะเห็นเพื่อนชายของเจ๊ ลอกหนังปลาไหลออกโยนทิ้งลงโถส้วม.
>>>>>
>>>>>ป.ล ผมยังแอบเก็บหนังปลาไหลมาฝาก พี่ โรคจิตเต็มขั้น
>>>>>เพื่อนบ้านด้วยครับหวังว่าคุณครูคงไม่ว่า
>>>>>
>>>>>รักและคิดถึงครูองุ่นเสมอมาครับ
>>>>>ด.ช. ต้ารวี เท่านั้นเอง.
>>>>>
>>>>
>>>
>>
>



แหะๆ อ่านแล้วติดใจ เหงมานฮาดี เรยเอามาลงให้เพื่อนๆได้อ่านกานค้าบบบ

ชอบจายก็ขุดๆๆๆๆๆหน่อยน้าคร้าบบบ แล้วจะเอา นิยามอื่นๆ มาลงอีก

ป.ล. ทำไมปลาไหลกรูไม่9ชีวิตบ้างฟร้า แค่4กรูก็หลับแล้ว (เหนื่อยโว้ย!!)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรักเธอตลอดเวลา
Lovings  รักเธอตลอดเวลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรักเธอตลอดเวลา
Lovings  รักเธอตลอดเวลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟรักเธอตลอดเวลา
Lovings  รักเธอตลอดเวลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงรักเธอตลอดเวลา