11 พฤศจิกายน 2551 21:41 น.
รอยทาง
บ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาว ผู้คนต่างเดินพุกพล่านออกนอกบ้าน อาคารสำนักงาน สวมเสื้อผ้าหนาตัวใหญ่ บ้างกำมือขึ้นมาปิดไว้ที่ปาก บ้างมือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ตเดินห่อตัวด้วยความหนาวเหน็บ หนุ่มสาวบางคู่เดินจูงมือ บางคู่เดินกอดกันแนบชิด อากาศที่หนาวเหน็บจนถึงข้างในเหมือนกับเลือดในกายจะเป็นน้ำแข็ง ทุกคนเร่งฝีเท้าก้าวไปตามวิถีบาทกำลังแข่งกับรถราที่วิ่งอยู่บนถนน ต่างคนต่างมีหน้าที่ต่างคนต่างมีจุดหมายที่จะต้องก้าวไป สำหรับฉันท้องที่กำลังร้องจ๊อกๆ เพราะยังไม่มีอะไรลงถึงท้องมาตั้งแต่เช้า สายตาสอดส่ายมองหาร้านอาหารสักแห่งเพื่อท้องที่กำลังร้องเรียกหาอยู่และคลายความหนาวจากอากาศภายนอก
ห้องอาหารกระจกเล็กๆ ฝั่งตรงขามถนน ทำให้ฉันตัดสินใจเดินข้ามเข้าไป ภายในมีโต๊ะนั่งราวสี่ห้าตัวจัดตกแต่งดูดี ฉันเลือกนั่งมุมหลังสุดและสั่งอาหาร มีลูกค้าในร้านไม่กี่คน บ้างนั่งดื่มชาร้อนๆ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ใจที่กำลังจดจ่อกับอาหาร พร้อมกับแขนสองข้างที่หนีบแนบแน่นกับลำตัวเพราะความหนาว หูฉันได้ยินเสียงแว่วเจื้อยแจ้วมาจากมุมอีกด้านหนึ่ง สายตาเหลือบดูเล็กน้อย เด็กตัวเล็กๆ สองสามคนอายุราวสามสี่ขวบ สวมเสื้อผ้าตัวหนาเก่าๆ บางคนอุ้มกอดตุ๊กตาเก่าๆ กำลังยืนคุยอะไรกันไม่ทราบกับผู้ชายอีกโต๊ะที่นั่งใกล้ประตูร้าน ฉันพยายามเดาเหตุการณ์ อ่านเจตนาและฟังภาษาไม่เข้าใจแต่คิดว่าเด็กต้องการอะไรสักอย่าง หลังจากนั้นพนักงานในร้านเดินมาไล่เด็กๆ ออกจากร้านไป
ฉันเองรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยกับภาพเหตุการณ์ หรือว่าเด็กๆ เหล่านั้นคงจะหิว ถ้าฉันพูดฟังภาษาของพวกเขาได้เข้าใจมากกว่านี้ ฉันอยากจะเดินเข้าไปถามว่าหนูต้องการอะไร แล้วทำไมเขาถึงไม่เดินมาที่โต๊ะฉันหรือเขามองไม่เห็นแล้วฉันจะคุยกับเขารู้เรื่องมั๊ย และอีกอย่างก็กลัวว่าเจ้าของร้านจะเอ็ดเอาเพราะเราเป็นคนต่างชาติสำหรับที่นี่ อาจไม่รู้เข้าใจในวัฒนธรรมของเขา ได้แต่นิ่งและคิด ฉันเดินลุกไปจ่ายตังค์ที่เค้าเตอร์แต่สายตาก็ยังมองหาเด็กเหล่านั้นอยู่ พวกเขาคงเดินหายไปที่ไหนแล้ว ถ้าหากเขาหิวละเขาคงทรมานน่าดู ขณะจ่ายตังค์ใจฉันก็ยังคิดอยู่อยากจะซื้ออาหารแจกให้พวกเขาเสียเดียวนี้เลย ฉันเดินออกจากร้านอาหารไปในใจและสายตาก็ยังกวาดมองหาพวกเขาแต่แล้วก็ไม่พบเจอ
&&&&&&&&&
วันใหม่ฉันตัดสินใจมานั่งทานอาหารที่ร้านนั้นเวลาเดิม คราวนี้ฉันเลือกนั่งมุมใกล้ประตูติดหน้าต่างกระจก จุดประสงค์เพื่อต้องการเห็นเด็กๆ นั่นอีกครั้ง ทานอาหารไปทั้งใจและสายตาได้แต่พยายามเฝ้ามองว่าเมื่อไรเด็กเหล่านั้นจะมาเสียที ฉันนั่งทานไปอ่านหนังสือไปเพื่อฆ่าเวลานานพอควรแต่แล้วก็ไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย ฉันจึงเดินไปจ่ายตังค์และตัดสินใจถามเจ้าของร้านเป็นภาษาอังกฤษ ตามสำเนียงฉบับ Thailish คือ ภาษาไทย + อังกฤษ "จำพวกเด็กๆ ที่เข้ามายืนหน้าร้านเมื่อวานได้มั๊ย เจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้พอสื่อสารกันเข้าใจ เขาบอกจำได้ ฉันจึงบอกเขาว่า "ฉันอยากจะซื้ออาหารของคุณให้กับเด็กเหล่านั้น หากพวกเขามาอีกครั้งช่วยจัดการให้ด้วย" ฉันยื่นเงินให้เขาคิดว่าน่าจะเพียงพอกับค่าอาหารนั่นซึ่งไม่ได้แพงมากมายพอที่จะจ่ายได้ เจ้าของร้านมองหน้าฉันแบบงงๆ และรับไว้ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะได้หวนกลับมาที่นี่อีกหรือไม่ แต่ฉันเชื่อว่าเด็กเหล่านั้นจะกลับมา
"ฉันไม่อยากนึกถึงภาพของคนที่กำลังหิว ท้องที่กำลังร้องขณะที่ฉันกำลังย่างเท้าเข้ามาในร้านอาหารเมื่อวานนี้ ไม่อยากให้ภาพที่เห็นมันค้างคาใจ แม้จะช้าเกินไปกับการที่พวกเขาจะได้รับหรือไม่ได้รับในการตัดสินใจของฉันครั้งนี้ แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้ทำ"