24 มิถุนายน 2550 20:05 น.
ยาแก้ปวด
ตอนที่ 1
ผมจำได้ว่าปีนั้นผมและเพื่อนๆยี่สิบกว่าคนไปรับน้องกันที่จังหวัดเลย โดยเราจะไปพักคืนแรกที่ภุเรือ และคืนต่อมาเราจะไปตั้งแคมป์ที่ภูหินล่องกล้า เรื่องนี้มีตัวเอกคือรุ่นน้องผมที่ชื่อ เต้ย เป็นหนุ่มสุภาพ เรียบร้อย และ รุ่นน้องอีกคนชื่อ กบ ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างจะเกเรสักหน่อย
วันนั้นเราเดินทางไปถึงที่ภูเรือโดยมีพี่พงษ์เจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นฝ่ายจัดการสถานที่ที่จะตั้งเต้นท์เล่นกิจกรรมต่างๆให้ ปากทางเข้าภุเรือมีหินสลักเรื่องราวของเจ้าหญิงภูเรือและประวัติความเป็นมาไว้ พี่พงษ์บอกกับพวกเราว่า
" อ่านๆกันซะ แต่อย่าไปพูดถึงในสถานที่จริงหละ" พวกผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรได้แต่ลิงโลดที่จะได้ก่อไฟร้องเพลงเฮฮาตามภาษาหนุ่มๆ
คืนนั้นเรานั่งล้อมกองไฟ เล่นกีต้าร์ ดื่มเหล้ากันตามภาษานักศึกษานอกโรงเรียน พอพี่พงษ์ออกจากงานพวกเราก็ชวนมาร่วมวงเหล้ากับเราด้วย พอเหล้าเข้าปากหนักๆเข้า พวกเราก็รบเร้าให้พี่พงษ์เล่าความเป็นมาของเจ้าหญิงภูเรือให้ฟัง แล้วกบรุ่นน้องผมคนนี้ก็เริ่มออกฤทธิ์
" กูบ่เซื่อ กูบ่เซื่อดอก " มันเถียงเป็นภาษาอิสานทั้งๆที่มันไม่ใช่คนอิสาน
ในขณะนั้นเองที่ไม่มีใครทันสังเกตุ เต้ยซึ่งนั่งกินเหล้าอญุ่ฝั่งตรงกันข้ามกับกบ ก็เดินข้ามกองไฟมายืนตรงหน้ากบ มองกบตาขวางแล้วก็เตะแก้วเหล้าของกบล้มลง และก็เดินข้ามกองไฟกลับไปนั่งตาแข็งอยู่ที่เดิม ส่วนกบก็ลุกโวยวาย
" เฮ้ย มึงทำยังงี้หมายความว่าไงวะ อยากลองของกับกูเรอะ" พวกผมและเพื่อนอีกสี่ห้าคนรีบไปปรามทั้งสองฝ่ายเพราะเกรงว่าจะมีเรื่องกัน ผมจำได้ว่าผมและเพื่อนพยายามฉุดเต้ยเท่าไหร่ก็ไม่อยู่ เต้ยสะบัดพวกผมหลุดและเดินรี่ไปหากบตัวเกร็งเสียงแข็งและชี้หน้าใส่กบว่า
" มึงไม่ใช่คนดี เอาดาบให้มันมาฟันกับกู " แต่พอเต้ยไปถึงกบ กบก็ผลักอกเต้ยล้มนอนลงอย่างง่ายดายจนพวกผมงง แต่ก็ไม่รอให้เต้ยลุกขึ้น ผมรีบไปคร่อมที่อกเต้ย เพื่อนคนนึงกดแขนซ้าย อีกคนกดแขนขวา แต่ไม่รู้เต้ยเอาเเรงมาจากไหน ยกแขนพร้อมเพื่อนผมสองข้างลอย ลำคอเกร็งจนเห็นเส้นเลือด ตาถลึงกว้างแดงก่ำ ผมตบหน้าเต้ยพยายามเรียกสติเขาเพราะดูตาเขาเกลือกไปเกลือกมาจนน่ากลัว
" เต้ย เต้ยเป็นอะไร นี่พี่นะ "
" ใครเต้ย ใครเต้ย "เสียงเต้ยครางออกมาจากลำคอ เพราะเหตุนี้แหละที่พี่พงษ์เริ่มเห็นท่าว่าจะไม่ใช่การวิวาทธรรมดาเสียแล้ว พี่พงษ์รีบวิ่งขึ้นเรือนไปคว้าดอกไม้ธูปเทียนมา และแจกจ่ายให้พวกที่อยู่ดูห่างๆรีบจุดกันเป็นการใหญ่
" เร็ว รีบขอขมาท่านซะ ท่านเป็นท่านหงอก องครักษ์ของเจ้าหญิงภูเรือ ไม่ใครก็ใครต้องไปลบหลู่ท่าน เร็วรีบขอขมาซะ"
ภาพที่ผมเห็นคือทุกคนรีบคุกเข่ายกมือไหว้มาทางเต้ยกันทุกคน ส่วนผมที่ยังคงคร่อมเต้ยอยู่กับเพื่อนอีกสองคน พยายามแกะมือที่กำแน่นของเต้ยออกเพื่อที่จะวางดอกไม้ในมือ แต่แกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออก
" ท่านหงอกครับ พวกผมขออภัยหากได้ล่วงเกินท่าน กรุณาให้อภัยพวกเราด้วยเถอะครับ " ผมวิงวอนแต่พอพูดเสร็จมือที่เกร็งของเต้ยก็ค่อยๆคลายออกพอที่จะวางดอกไม้บนมือได้ สักพักเต้ยก็หมดอาการเกร็ง และก็หลับตาสงบลง คราวนี้ไม่มีใครมีอารมณ์ที่จะสนุกสนานต่อ กลิ่นธูปกระจายคลุ้งป่า พวกสาวๆก็พากันจับกลุ่มกลัวกัน ผมเห็นท่าไม่ดีจึงลากเต้ยเข้าเต้นท์ไปพร้อมรุ่นพี่อีกคน ยังไม่ทันจะหลับตาลงร่างเต้ยที่นอนราบอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นยืน ตาแดงก่ำ แต่รอบนี้รุ่นพี่ผมรู้ทางแล้วรีบถอดสร้อยพระจากคอสวมใส่คอเต้ยทันทีเต้ยถึงได้ทรุดฮวบลงนอนแบบเดิม
"กูว่างวดนี้ ผีป่าหว่ะ" รุ่นพี่เปรย ก่อนที่จะนอนหลับตาลง เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราปรึกษากันถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าทำไมกบถึงไม่เป็นอะไรเลย ก็ปรากฏว่ากบเขาห้อยพระดีอยู่ในคอ ส่วนเต้ยโผล่ออกมาจากเต้นท์หน้าตาบวมและถลอกปอกเปิก แล้วถามผมว่า
" ผมเป็นอะไรนะพี่ ทำไมเละอย่างนี้ "
" แกนะเมาแล้วก็ล้มเมื่อคืน " ผมโกหกเพราะไม่อยากให้เขากลัวว่าเขานะถูกผีเข้า รับน้องปีนั้นพวกเรานิสิตนักศึกษาต่างก็ไปจบกันที่วัด พวกเราคุกเข่าเรียงรายให้พระรดน้ำมนต์กันถ้วนหน้า และไม่คิดที่จะเดินทางต่อไปที่ภูหินล่องกล้าเลย เพราะภูเรือยังขนาดนี้ และภูหินล่องกล้าซึ่งเดิมเป็นสนามรบนี่หละจะขนาดไหน
จบ