28 ธันวาคม 2545 16:31 น.
ยังแคร์
เพียงความเชื่อมั่น
เคยสงสัยไหม ว่าดอกไม้ดวงจันทร์ และดอกไม้ดวงดาวมีชีวิตอยู่นานแค่ไหนบนฟากฟ้า ใช่แล้ว..ดอกไม้ก็คือดอกไม้ มีเบ่งบาน ก็มีร่วงโรย..เมื่อในโลกนี้มีเพียงสองสิ่งที่เป็นอมตะคือเวลา และความรัก
ทุกคราที่ดอกไม้สีขาวเบ่งบานและร่วงโรย ดอกไม้สีเหลืองก็ค่อยๆปลิดกลีบไปทีละกลีบ
คืนหนึ่ง..เมื่อดอกไม้ดวงจันทร์ปลิดกลีบจนเหลือเพียงกลีบสุดท้าย จนหากมองจากอาณาจักรผืนดิน จะเห็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของดวงจันทร์ เสี้ยวเล็กๆจนดูเหมือนไม่มีดวงจันทร์อยู่ที่นั่น
ถึงเวลาที่ท่านต้องลงไปรับดอกไม้สีขาว กับดอกไม้สีเหลืองอ่อนอีกครั้งแล้วองค์หญิง กลีบสีเหลืองอ่อนกลีบสุดท้ายเอ่ยขึ้น
อีกไม่นานข้าต้องร่วงโรยไป อาณาจักรของท่านต้องมืดมนและเวิ้งว้างเช่นเดิม
ข้าจะลงไป เจ้าหญิงเอ่ย แล้วร่อนตัวช้าๆลงไปยังอาณาจักรของเจ้าชาย เจ้าหญิงร่อนตัวลงมาเรื่อยๆ ผ่านเงามืดของฟากฟ้า ผ่านอากาศ ผ่านสายลม มายังที่ที่พระองค์จะได้พบกับเจ้าชาย
แต่สิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว..
ไม่มีดอกไม้สีขาว ไม่มีเจ้าชายยืนรอพระองค์อยู่ที่นั่น มีเพียงความว่างเปล่า แห้งแล้ง เหมือนครั้งแรกที่พระองค์ได้พบ
เกิดอะไรขึ้น เจ้าหญิงรำพึง พลางมองหาเจ้าชายผู้ที่ควรจะอยู่ที่นั่น
โลกนี้ไม่มีอะไรคงเดิมเจ้าหญิง เสียงกระซิบเล็กๆดังแผ่วมาจากผืนดิน มันเป็นเสียงของต้นหญ้าเล็กๆซึ่งเหลือเพียงต้นเดียวท่ามกลางความแห้งแล้งนั้น
เจ้าชายไม่มีอำนาจพอจะบันดาลดอกไม้ได้อีกแล้ว
เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าหญิงถาม
ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าธรรมชาติเจ้าหญิงดอกไม้กำเนิดขึ้นที่นี่มาหลายต่อหลายครั้ง..หลายครั้งจนมากเกินไปสำหรับธรรมชาติ ที่นี่แห้งแล้งเกินกว่าจะมีดอกไม้งอกงามขึ้นมาแล้ว แม้แต่เวทมนต์ก็ไม่สามารถฝืนธรรมชาตินั้นได้ มันเป็นกฎของโลก
เจ้าหมายความว่าอาณาจักรผืนดินแห่งนี้จะไม่มีดอกไม้งอกงามขึ้นอีกแล้วหรือ
หากทุกอย่างยังดำเนินไปตามทางของมันเช่นนี้ ต้นหญ้าเอ่ย
อีกไม่นานข้าก็ต้องแห้งเหี่ยวไป ข้าไม่อาจฝืนกฎของธรรมชาติได้เช่นกัน ต้นหญ้าเอ่ยต่อไป
เจ้ายังมีเวลาอยู่บนอาณาจักรแห่งนี้อีกนานนัก เจ้าหญิงเอ่ย และลอยตัวขึ้นไปบนฟ้า
ก่อนอื่น ข้าต้องหาเจ้าชายให้พบ
เจ้าหญิงร่อนเร่ตามหาเจ้าชาย อาณาจักรผืนดินแห่งนี้ดูเงียบสงัดและเวิ้งว้าง เจ้าหญิงร่อนตัวผ่านแม่น้ำที่แห้งแล้ง..จนเห็นเป็นเพียงร่องรอยของแม่น้ำที่ไม่มีน้ำ ผ่านท้องทะเลที่เฝ้าตามหาทรายสีม่วงอยู่ไม่หยุดหย่อนและไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านขุนเขาที่เด่นตระหง่านยิ่งใหญ่ และดูสูงที่สุดในอาณาจักรผืนดิน แต่ก็ไม่อาจสูงได้เท่าอาณาจักรของพระองค์
เจ้าชายความจริงนั่งอยู่ที่เชิงเขาแห่งนั้น แต่ดวงตาดูเศร้าสร้อยและหมดหวัง พระองค์ถือซากดอกไม้สีขาวซึ่งแห้งเหี่ยวไว้ในมือ ถึงอย่างไรก็ตามมันก็เป็นดอกไม้ดอกเดียวที่ยังเหลืออยู่ในอาณาจักรแห่งนี้
ความเศร้าไม่อาจทำให้อะไรๆดีขึ้นหรอกพระองค์ เจ้าหญิงเอ่ย
ข้าเสียใจ..เจ้าหญิง..ข้าไม่มีอำนาจจะสร้างความงามให้อาณาจักรของท่านได้อีกแล้ว ไม่อาจสร้างได้แม้ในอาณาจักรของข้า เจ้าชายเอ่ยอย่างโศกเศร้า
ท่านมีอำนาจเสมอในอาณาจักรของท่าน เจ้าหญิงปลอบโยน
ข้าอยากกลับไปเป็นเจ้าชายความจริงที่ไม่ใส่ใจกับสิ่งใดเช่นเดิม ข้าไม่อยากโศกเศร้าแค่เพียงดอกไม้ตายจากข้าไปเช่นนี้มันทำให้ข้ากลายเป็นคนอ่อนแอ
คนอ่อนแอคือคนวิ่งหนี..พระองค์ เจ้าหญิงกล่าว
และข้าเชื่อว่าท่านเป็นผู้เข้มแข็ง เจ้าหญิงยิ้มอย่างอ่อนโยน
ท่านพูดเหมือนว่าที่นี่จะฟื้นคืน เจ้าชายเอ่ยอย่างมีความหวัง
ถ้าเพียงท่านเชื่อมั่นในข้า..พรุ่งนี้ดอกไม้จะบาน เจ้าหญิงเอ่ยและลอยตัวขึ้นไปบนฟากฟ้า
แล้วข้าจะมารอบรับดอกไม้สีเหลือง และดอกไม้สีขาวจากท่าน
เจ้าหญิงลอยสูงขึ้นสูงขึ้น กลับสู่อาณาจักรของพระองค์ กลีบสุดท้ายของดอกไม้สีเหลืองร่วงโรยไปแล้ว ทุกอย่างดูเวิ้งว้าง ว่างเปล่าอย่างที่สุด
พรุ่งนี้ดอกไม้จะบาน.. พระองค์รำพึง และร่ายคาถา
ไม่นานนักท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยควันสีเทาน่ากลัว ความมืดมนดูมืดมนยิ่งกว่าเดิม อยู่ๆฟ้าก็ส่งเสียงคำรามลั่น เสียงดังจนทำให้ผืนดินสั่นสะเทือน
เจ้าชายมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นหวัง..พระองค์แทบไม่อยากเชื่อว่าความเลวร้ายเช่นนั้นจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น
ข้าเชื่อในตัวท่าน..เจ้าหญิง
เจ้าชายรำพึงและหลับตาลง ภายใต้เปลือกตานั้นมีแววตาที่กลับมาเชื่อมั่นและเปี่ยมความหวัง
ความเย็นฉ่ำเม็ดหนึ่งร่วงหล่นจากฟ้ามาสัมผัสที่ตัวเจ้าชาย และตามด้วยอีกหลายร้อย หลายล้านเม็ด พื้นดินที่แห้งแล้งเริ่มกลับมาชุ่มฉ่ำ แม่น้ำที่แห้งผากเริ่มเดินทางต่อไปจากที่สูงลงที่ต่ำ ท้องทะเลที่เจ้าตามหาเริ่มมีเรี่ยวแรงและกำลังใจ คลื่นทะเลสาดซัดแรงขึ้นด้วยความหวัง และต้นหญ้าต้นน้อยก็เริงระบำอย่างมีความสุขกับการต่อชีวิตครั้งนี้
ทุกอย่างสงบลงพร้อมของขวัญชิ้นใหม่ที่เจ้าหญิงมอบให้
แสงไฟอบอุ่นจากร่องของภูเขาค่อยๆลอยขึ้นจนสว่างไปทั่วฟ้า ความอบอุ่นแผ่กระจากเต็มอาณาจักรผืนดิน ดอกไม้เริ่มงอกงามและเบ่งบานอีกหน
เรียกมันว่าดวงตะวันเถิดเจ้าชาย..ดวงตะวันที่อบอุ่นและยิ่งใหญ่เหมือนหัวใจของท่าน เจ้าหญิ่งเอ่ย
และในคืนนั้นเอง ดอกไม้มากมายก็งอกงามและเบ่งบานเต็มอาณาจักรท้องฟ้า และอาณาจักรผืนดิน จนคล้ายเป็นที่แห่งเดียวกัน..เพราะมันเป็นทั้งอาณาจักรแห่งความจริง และความฝัน
ทุกวันนี้หากวันนี้ฟ้าเป็นสีเทาจนดูเหงาและเศร้าสร้อย..เธออย่าได้รู้สึกหวั่นกลัวอะไรเลย มันเป็นแค่คาถาที่เจ้าหญิงสร้างขึ้น เพื่อให้ดวงตะวันมีค่า และให้ดอกไม้ได้เบ่งบานต่อไปจนตลอดกาล..เท่านั้น
27 ธันวาคม 2545 16:50 น.
ยังแคร์
เมื่อเจ้าชายความจริงได้ค้นพบความอ่อนโยนของชีวิต พระองค์ก็เลิกทำลายธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลก พระองค์หลงรักความฝันเท่าๆกับหลงรักดอกไม้และเจ้าหญิง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..เมื่อครั้งที่ท้องทะเลกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก น้ำและทรายอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ท้องทะเลสงบนิ่งและเงียบยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรที่เรารู้จักกันดีทุกวันนี้
ภายใต้ท้องทะเลที่อบอุ่นนั้นเอง เม็ดทรายสีน้ำตาลอ่อนทุกเม็ดกำลังหลับไหล พวกเธอรักทะเล และรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่น้ำทะเลโอบกอดเธอไว้ มีเพียงเม็ดทรายสีม่วงเม็ดเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ฉันอยากเป็นดวงดาว เม็ดทรายน้อยรำพึง
ฉันอยากไปอยู่บนฟ้ามากกว่าใต้ทะเลที่มืดมิดแห่งนี้ เธอเอ่ยต่อไป..
และฉันจะต้องได้เป็น
ดังนั้นในค่ำคืนที่เงียบสงบ เมื่อท้องทะเลกำลังหลับไหล เจ้าทรายสีม่วงค่อยๆกลิ้งตัวออกมาจากผิวน้ำกลิ้งมาสู่ผืนดิน และเดินทางไปตามเส้นทางที่เธอไม่เคยรู้จัก ผ่านพงหญ้าอันรกร้าง ผ่านสายน้ำที่เย็นเยียบไปถึงหมู่ดอกไม้สีขาวของเจ้าชาย
ฉันจะเป็นดวงดาว เธอเอ่ย และกลิ้งตัวไปซ่อนอยู่ที่กลีบหนึ่งของดอกไม้ที่หุบนิ่ง
เธอเป็นใครกัน ดอกไม้สีขาวเอ่ยถาม
ฉันคือเม็ดทราย..ขอฉันขึ้นไปอยู่บนฟ้ากับเธอด้วยนะ เม็ดทรายตอบ
เธอจะขึ้นไปเป็นดวงดาวได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่อาจบานได้เหมือนฉัน ดอกไม้สีขาวทักท้วง
ฉันยินดีเป็นดวงดาวที่เล็กที่สุดและสว่างน้อยที่สุด
เธอจะไม่มีแสงสว่างเลยต่างหาก..
ไม่ทันที่เจ้าทรายเม็ดน้อยจะเอ่ยอะไรอีก เจ้าชายก็เดินทางมาที่สวนดอกไม้เพื่อเก็บดอกไม้สีขาวมอบให้แก่เจ้าหญิง
เม็ดทรายเกาะอยู่ในกลีบอย่างนิ่งเงียบ เจียมตัว มันรู้ดีว่ามันไม่ได้อยู่ในที่ของมัน แต่มันก็ยินดี เจ้าเม็ดทรายค่อยๆลอยขึ้นไปในอากาศ ลอยขึ้น..ลอยขึ้นจนถึงอาณาจักรแห่งท้องฟ้า
ท้องฟ้าเวิ้งว้างและกว้างใหญ่..กว้างกว่าท้องทะเลที่เธอเคยอยู่ กว้างกว่าผืนดินที่เธอเคยเห็น และกว้างกว่าที่หัวใจเธอจะทนสู้
ดอกไม้สีขาวแย้มบาน อวดความงามอยู่บนฟ้า แต่เม็ดทรายเม็ดน้อยทำได้เพียงสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น เม็ดทรายได้กลายเป็นดวงดาว แต่เธอก็เป็นเพียงดวงดาวที่เล็กที่สุด มืดมนที่สุด และเหงาที่สุด
ฉันไม่อาจเป็นดวงดาวได้ เม็ดทรายร้องไห้
เธอเป็นดวงดาวแล้ว ทรายเม็ดน้อย ดอกไม้สีขาวปลอบโยน
แต่ฉันไม่อาจเบ่งบานสวยงามได้อย่างเธอ เม็ดทรายกล่าว
ความงาม..เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเป็นดาวเท่านั้น ดอกไม้สีขาวตอบ
ทรายสีม่วงนิ่ง เงียบใคร่ครวญกับสิ่งที่เกิดขึ้น..
ฉันคิดถึงท้องทะเล..ฉันควรกลับไป เม็ดทรายเอ่ยในที่สุด
เธออาจคิดถูก..ทรายเม็ดน้อย เธอพบความเป็นจริงของความฝันแล้ว ดอกไม้ยิ้มให้เจ้าเม็ดทราย
อย่างน้อย..ฉันก็ได้เป็นดาวแล้วลาก่อนดอกไม้สีขาว เม็ดทรายยิ้มตอบ
ลาก่อน.. ดอกไม้สีขาวโบกกลีบเป็นแสงกระพริบบนฟ้า
ทรายเม็ดน้อยค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาจากฟ้า หากใครมองฟ้าในคืนนั้นอาจเห็นเงาลางๆของดวงดาวที่ร่วงหล่นมาจากฟ้า เป็นเงาของดวงดาวที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง..คล้ายกันกับความหวังของมนุษย์ที่มองดาวตกในทุกวันนี้
ทรายเม็ดน้อยร่อนตัวลงมาเรื่อยๆ ผ่านอากาศ ผ่านสายลม ผ่านความมืด..กลับมาสู่อาณาจักรผืนดินที่เธอรู้จัก..และคิดว่าเธอเข้าใจมันดีกว่าท้องฟ้า
แต่ทรายเม็ดน้อยยังไม่เข้าใจ ท้องทะเล..เป็นเพียงส่วนเล็กๆของผืนโลกอันกว้างใหญ่ ทรายเม็ดน้อยร่วงหล่นไปอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้
ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ท้องทะเล..ที่เธอรู้จัก
ทุกวันนี้หากเธอยืนอยู่ที่ริมหาดทรายของท้องทะเล เธอจะเห็นทะเลผู้แสนเศร้ากำลังตามหาทรายเม็ดน้อยที่รักของเขา ทุกครั้งที่คลื่นกระทบฝั่ง ทุกครั้งที่ทรายแตะละเม็ดกระจัดกระจายในเกลียวคลื่น ท้องทะเลยังไม่อาจพบทรายสีม่วง เขายังค้นหาต่อไปวันแล้ววันเล่า..วันแล้ววันเล่า
จนอาจไม่มีวันได้หลับไหลอีกครั้ง
11 ธันวาคม 2545 18:55 น.
ยังแคร์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่โลกใบนี้ยังเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงดาวดวงจันทร์บนท้องฟ้า ไม่มีดอกไม้ ไม่มีผืนหญ้าบนพื้นดิน โลกใบนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ จะมีก็เพียงเจ้าหญิงท้องฟ้าผู้อาศัยอยู่บนฟ้าที่ว่างเปล่าอย่างเดียวดาย เจ้าหญิงเป็นเจ้าหญิงแห่งความฝัน เธอมีจินตนาการที่งดงาม มีหัวใจที่อ่อนโยน
ในเวลาเดียวกันที่ผืนดินอันว่างเปล่า มีเจ้าชายองค์หนึ่งอาศัยอยู่ เขาคือเจ้าชายผืนดิน เจ้าชายองค์นี้เป็นเจ้าชายแห่งความเป็นจริง เขามีหน้าที่ดูแลผืนดินให้เงียบสงบ และเขาจะไม่มีวันยอมให้สิ่งใดเกิดขึ้นมาทำลายความเงียบสงบบนผืนดินนี้
เจ้าหญิงแห่งความฝัน และเจ้าชายแห่งความจริงไม่เคยพบเจอใครมาก่อน เพราะในโลกใบนี้ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากความเงียบสงบ จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่เจ้าหญิงความฝันล่องลอยไปอย่างเปลี่ยวเหงา เจ้าหญิงได้พบดอกไม้สีขาวดอกหนึ่ง เธอแปลกใจมาก เพราะเธอไม่เคยพบเจอสิ่งใดที่อ่อนโยนและอ่อนหวานเท่านี้มาก่อน
เจ้าหญิงจึงร่อนตัวลงไปสู่พื้นดินและเด็ดดมความงดงามของดอกไม้ดอกนั้นอย่างมีความสุข แต่แล้ว เจ้าชายผืนดินก็มาพบเข้า เขาแย่งดอกไม้แสนสวยดอกนั้นจากมือเจ้าหญิง และใช้เวทย์มนต์ทำลายมันจนหมดสิ้น เจ้าชายผืนดิน ไม่เคยชื่นชมความงามของดอกไม้ ไม่เคยหลงไหลกับความฝัน เขามีชีวิตอยู่เพื่อความจริงเท่านั้น
ทำไมท่านถึงทำลายสิ่งที่สวยงามเช่นนั้นได้ลงคอ เจ้าหญิงเอ่ยปากอย่างเสียใจ
ข้าไม่เคยชื่นชมสิ่งใดนอกจากความเงียบสงบ เขาตอบ และหันหลังเดินจากเจ้าหญิงไป
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าหญิงความฝันก็ออกตามหาดอกไม้สีขาวที่ผลิบานขึ้นบนผืนดิน แต่เธอไม่เคยได้พบเจอดอกไม้สีขาวอีกเลย เพราะเจ้าชายแห่งความจริงทำลายมันจนหมดสิ้นทุกครั้ง
ในที่สุด เจ้าหญิงจึงออกตามหาเจ้าชาย เธอล่องลอยไปบนท้องฟ้า ผ่านวัน ผ่านคืน ผ่านเวลาเนิ่นนาน และแล้วเธอพบเจ้าชายที่ผืนดินแห้งแล้งแห่งหนึ่ง เจ้าชายกำลังท่องคาถาเพื่อทำลายดอกไม้สีเหลืองอ่อนซึ่งกำลังผลิกลีบบาน
หยุดก่อนเถิดท่าน ได้โปรดอย่าทำลายดอกไม้นั้นเลย เจ้าหญิงตะโกนร้องขอ
เจ้าชายหยุดท่องคาถา และหันมามองหน้าเจ้าหญิง
ไม่ได้หรอก ข้าจะไม่มีวันยอมให้สิ่งใดมาทำลายความเงียบสงบบนผืนดินนี้
โธ่..ได้โปรดเถิด มอบดอกไม้นั้นแก่ข้า ข้าจะนำมันขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า และข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ดอกไม้ดอกนี้ทำลายความเงียบสงบบนอาณาจักรผืนดินของท่านเป็นอันขาด
ในที่สุด เจ้าชายจึงยินยอมให้เจ้าหญิงนำดอกไม้สีเหลืองอ่อนขึ้นไปบนท้องฟ้า เจ้าหญิงมีความสุขมาก เธอเฝ้าดูแลเลี้ยงดูดอกไม้ดอกนั้นจนเติบโต ผลิบานอยู่กลางฟ้า กลายเป็นดอกไม้ที่งดงามและอ่อนหวานที่สุดในโลก เธอเรียกมันว่า ดอกไม้ดวงจันทร์
วันแล้ววันเล่า เจ้าชายก็เฝ้ามองดอกไม้ดวงจันทร์และเจ้าหญิงอยู่บนผืนดิน เขาไม่ต้องการให้ดอกไม้ดวงจันทร์มาทำลายความเงียบสงบบนผืนดินของเขา แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เขาก็พบว่า เขาได้หลงรักดอกไม้ดวงจันทร์และเจ้าหญิงความฝันเสียเต็มหัวใจ เขาค้นพบความอ่อนหวานของดอกไม้ และความอ่อนโยนในดวงตาของเจ้าหญิง
เจ้าชายพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้เจ้าหญิงรับรู้ความรักในหัวใจของเขา แต่เจ้าหญิงก็อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า ไกลแสนไกลเกินกว่าที่เขาจะตะโกนร้องเรียก ไกลแสนไกลเกินกว่าที่เจ้าหญิงจะมองเห็น
เวลาผ่านไปนานแสนนาน เจ้าชายยังคงเฝ้ารอการกลับมาของเจ้าหญิง เขาตะโกนร้องเรียกเจ้าหญิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ใต้ดอกไม้ดวงจันทร์ และในที่สุดเขาก็ทนคิดถึงเจ้าหญิงไม่ได้
เจ้าชายนึกถึงดอกไม้สีขาวที่เจ้าหญิงหลงรัก และเขาเริ่มร่ายเวทย์มนต์ปลูกดอกไม้สีขาวขึ้นบนผืนดิน ดอกแล้ว ดอกเล่า จนกระทั่งอาณาจักรอันว่างเปล่าของเขาเต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวบานสะพรั่ง
เจ้าหญิงผู้กำลังชื่นชมกับดอกไม้ดวงจันทร์แลเห็นความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงบนผืนดิน เธอจึงร่อนตัวลงมาหาเจ้าชายที่ผืนดิน
และในที่สุดเจ้าชายก็ได้พบกับเจ้าหญิงที่เขาหลงรัก
ได้โปรดเถิดเจ้าหญิง อยู่กับข้าที่นี่ อย่าจากข้าไปไหนอีกเลย เจ้าชายอ้อนวอน
ไม่ได้หรอก ข้ายังต้องกลับไปบนท้องฟ้าข้าไม่อาจทิ้งอาณาจักรของข้าได้ เจ้าหญิงกล่าว
ถ้าอย่างนั้น ท่านลงมารับดอกไม้สีขาวจากข้าในทุกคืนได้ไหม ข้าอยากมอบดอกไม้เหล่านี้ให้กับท่าน เจ้าชายเอ่ยและมองลึกลงไปในดวงตาของเจ้าหญิง
เจ้าหญิงความฝันยิ้มให้เจ้าชายอย่างอ่อนโยน และรับดอกไม้สีขาวก่อนจะลอยกลับไปบนท้องฟ้า
ตั้งแต่นั้นเป็นมา ถ้าเธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน เธอจะเห็นดอกไม้ดวงจันทร์สีเหลืองอ่อน และดอกไม้ดวงดาวสีขาวบริสุทธิ์ แทนความรักของเจ้าชายและความอ่อนโยนแห่งความรักที่ปกคลุมโลกใบนี้ตลอดไป