25 กันยายน 2550 23:59 น.
ยังเยาว์
เมื่อก่อนถ้ามีคนถามฉันว่า...ความรักของคุณสีอะไร? ฉันคงไม่ลังเลที่จะตอบว่า...สีฟ้าค่ะ หัวใจฉันมันเป็นสีฟ้า
ไม่รู้ตัวว่าชอบสีฟ้าตั้งแต่เมื่อไร ฉันมีผ้าปูที่นอนสีฟ้า หมอนสีฟ้า เสื้อสีฟ้า กระโปรงสีฟ้า กระเป๋าสีฟ้า แฟ้มสีฟ้า กล่องดินสอสีฟ้า ปากกาสีฟ้า ฯลฯ และฉันรู้สึกว่าหัวใจฉันมันเป็นสีฟ้า
เขาชอบสีฟ้า... เสื้อตัวเก่งของเขาสีฟ้า รองๆ มาก็เชิ๊ตตัวสีน้ำเงิน ไม่รู้สินะ ฉันว่าเขาดูดีเวลาเขาใส่เสื้อสีนี้ ทุกครั้งที่เจออะไรสีฟ้าก็นึกถึงเขาขึ้นมาทันที บางทีก็ทำให้อมยิ้ม แต่หลายครั้งมันก็ทำให้ฉันร้องไห้
คนเรานี่ก็แปลกนะ ก่อนหน้าเราเคยรู้สึกเจ็บปวดแทบตาย แต่พอเวลาผ่านไปเรากลับมองมันด้วยสายตาเฉยเมย ไม่เจ็บ ไม่ปวด แม้จะยังเหลือรอยเศร้านิดๆ แต่เรากลับหัวเราะให้มันแทนที่จะร้องไห้ ...อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว... เราจำอดีตได้สักแค่ไหนกัน ในเมื่อความรู้สึกของเพียงเสี้ยววินาทีที่แล้วเรายังตอบไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร น่าขำนะ
"Excuse Me" เขาเอ่ยอย่างสุภาพ ฉันหันมองซ้ายทีขวาที เอ...ไม่เห็นมีใคร ก็คงจะพูดกับฉันละมัง
"ค่ะ มีอะไรรึเปล่าค่ะ" ฉันตอบยิ้มๆ ด้วยภาษาเดียวกัน
"เอ่อ เมื่อสุดสัปดาห์คุณไปเอกมัยรึเปล่ารึเปล่าครับ" ภาษาอังกฤษเขาชัดทีเดียว
ฉันเดาว่าเขาเป็นคนเวียดนามหรือไม่ก็สิงคโปร์สำเนียงภาษาอังกฤษของเขาไม่ติดสำเนียงจีนเลยสักนิด ถึงหน้าตาเขาจะค่อนไปทางนั้นเมื่อเห็นแรกๆ
เอกมัย เหรอคะ ไม่มังคะ
ไม่เหรอครับ ผมว่าผมเจอคุณที่เอกมัยนะ
คุณอาจจำคนผิดก็ได้ค่ะ ฉันไม่ได้โมเมซักนิด ก็เมื่อสุดสัปดาห์ฉันนั่งทำรายงานที่บ้านทั้งสองวัน
งั้นเหรอเหรอครับ ถ้าอย่างงั้นก็ขอโทษนะครับ
ฉันยิ้มตอบเป็นเชิงว่า ...ไม่เป็นไรค่ะ...
แต่ดูท่าทางเขายังพยายามชวนคุยต่อ แต่ฉันก็ไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้ามากนัก จึงกลายเป็นเขาถามคำฉันตอบคำซะส่วนใหญ่ ดูเหมือนเขาจะเริ่มรู้สึกว่าฉันไม่ค่อยใส่ใจตอบคำถามนัก เขาเลยรวบรัดเอาดื้อๆ ว่า
แต่ผมเจอคุณนั่งรถตู้ออกมาพร้อมกันบ่อยๆ ผมจำคุณได้
อ๋อค่ะ นั่นฉันแน่นอน ฉันหัวเราะเบาๆ
เราไม่ได้สนทนากันต่อหลังจากนั้น เขาตั้งหน้าตั้งตารอรถเมลล์ต่อไป ส่วนฉันมีเวลานั่งคิด ให้ตายสิ... พอจะนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายคนนี้เองที่ฉันเจอเขารอรถตู้ที่เดียวกัน แล้วเขายังนั่งรถเมลล์สายเดียวกันกับฉันมาเกือบครึ่งปี ส่วนอีกหนึ่งปีเต็มเราก็เจอกันที่ป้ายจอดรถตู้แทบทุกเย็น พอนึกได้จะเอ่ยปากเริ่มต้นสนทนาอีกที รถเมล์ก็จอดเทียบซะก่อน
..............................
.............................
เปล่า...เราไม่ได้นั่งด้วยกัน ฉันนั่งเบาะด้านหน้า ส่วนเขานั่งเบาะแถวหลังฉัน
...จำได้ว่า... ผู้ชายคนนี้เองที่ยืนคุยกับใครคนนั้นที่ฉันแอบเหล่ เอ๊ย มอง มาแรมปี เขาออกจะตัวสูงใหญ่ แต่ฉันไม่ยักกะจำได้แต่แรก (เพราะมัวแต่นึกถึงอีกคน) เขาขึ้นรถเมล์คันเดียวกันในวันที่ฉันเลิกเรียนค่ำ เขาลุกให้ผู้หญิงนั่ง และปฎิเสธที่จะนั่งเบาะว่างกับผู้ชายมีน้ำใจอีกคน สุดท้ายก็ไม่มีใครนั่ง ปล่อยที่นั่งว่างไว้อย่างนั้น (จำได้แม่นเพราะที่นั่งนั้นอยู่ฝั่งตรงข้าม และสองหนุ่มก็ยืนเกี่ยงกัน---ไม่มีใครนั่ง---อยู่ข้างๆ พอดี) เขาจะชอบนั่งเงียบระหว่างทาง เขาพูดไทยไม่ได้ แต่เขาบอกกระเป๋ารถเมล์ได้ว่า สนามบิน ตอนจ่ายเงิน (และฉันก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนไทยตั้งแต่ได้ยินคำว่า...สนามบิน...ของเขาครั้งแรก) เขาจะลงรถก่อนฉันสามป้าย พอตั้งใจนึก เรื่องราวปลีกย่อยมากมายก็ผุดขึ้นมาในสมอง เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้น เขาก็ไม่ใช่คนแปลกหน้านี่นา
พอคิดจะทักอีกที เขาก็เดินไปกดกริ่งเตรียมลงจากรถซะแล้ว เฮ้อ ทำไมฉันคิดอะไรช้าจัง
ฉันเป็นคนที่ไม่เจอในรักแรกพบ แต่ฉันเชื่อว่าคนเราจะรักกันได้ ต้องเรียนรู้กันและกัน ต้องแบ่งปันความรู้สึกและบางช่วงเวลาร่วมกัน กว่าจะเรียน...รู้...และยอมรับ บางทีเราก็เห็นบางคนหมดแรงยกธงขาวไปซะก่อน แต่ไอ้ความรู้สึกหัวใจพองโต...นิดๆ แบบนี้มันก็ยังไงๆ อยู่น้า
ตั้งใจไว้ว่าหากพบเขาคราวหน้า จะเอ่ยทักเขาก่อน อาจจะ "Say Hi"อืม ไม่ดีๆ เอาเป็นว่า สวัสดี กันดีกว่า เอ หรือเราจะเอ่ย Excuse me" ก่อนดีน้า
คิดแล้วก็ขำตัวเองจริงๆ
แต่ไม่แน่นะ ถ้าคราวหน้ามีคนถามฉันว่า...ความรักของคุณสีอะไร? ฉันอาจจะตอบไปว่า...ความรักของฉันเป็นสีชมพูค่ะ และหัวใจฉันมันเป็นสีแดง!!!