15 พฤษภาคม 2548 12:31 น.
ยังเยาว์
จวบจนก่อนฟ้าจะรุ่งสาง
บนหนทางเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยว
เดินไปกับตัวเองเพียงคนเดียว
ไม่คิดเหลียวกลับไปมองเรื่องวานวัน
จวบจนซาสิ้นคำซ้ำดูถูก
ก็จะปลูกหัวใจใส่ไฟฝัน
อุปสรรคมีไว้ให้ฝ่าฟัน
ไม่อาจกั้นมุ่งมั่นที่ฉันมี
จวบจนหยุดเมื่อยล้าน้ำตาหยด
จนหายจดจับเจ่าอยู่กับที่
จนกล้าก้าวกล้าฝันกล้าลองดี
กล้าท้าตีกับขวากหนามแล้วข้ามไป
จวบจนหนึ่งชีวิตจะมีอยู่
จะลุกสู้แล้วเดินไปให้ได้
มีกำลังมีศรัทธาในหัวใจ
กลัวอะไรกับแค่ใครยิ้มเยาะเรา
จวบจนฟ้ามืดมาอาทิตย์ลับ
ยังรอรับเมื่ออรุณฉายแสงเข้า
พักเสียหน่อยให้หายล้าเติมแรงเรา
เรื่องเหงาเศร้าทิ้งไปอย่าใยดี
...เด็กน้อยที่ยังมีฝัน...
4 พฤษภาคม 2548 00:09 น.
ยังเยาว์
ฝากคำถึงหนุ่มอีสานคนไกลกัน
อ้ายออกปากฝากคำลำนำรัก
ด้วยใจฮักคึดฮอดยอดถวิล
ก่อนเคยอ้อนคำหวานเป็นอาจินต์
ยังอยากยินเสียงพี่ฝากจากแดนไกล
คึดฮอดจริงบ่น้อที่เคยบอก
หรือแค่หลอกลวงกันให้ฝันใฝ่
ให้คิดต่อว่าอ้ายนั้นมีใจ
หรืออย่างไรบอกได้หากอยากลา
เบอร์ที่ให้โทรไปก็บ่รับ
อยากหวนกลับเมืองไทยไปพบหน้า
เมล์ที่ให้ส่งไปบ่ตอบมา
บ่ห่วงหาแล้วหรือไรบอกให้รู้
น้องเฝ้านับวันรอต่อทุกวิ
แต่อ้ายติ๊บ่หวงหาน้องฮู้อยู่
ลำบากใจคักแท้บ้อน้ออ้ายครู
บอกให้รู้รับได้อย่าให้รอ
15 เมษายน 2548 02:07 น.
ยังเยาว์
อย่าช่างหัวมัน
อย่าบิ่นบ้า มัวแต่อ้าง ช่างหัวมัน
ถ้าเรื่องนั้น เกี่ยวกับเพื่อน มนุษย์หนา
ต้องเอื้อเฟื้อ ปฏิบัติ เต็มอัตรา
โดยถือว่า เป็นเพื่อนเกิด - แก่เจ็บตาย
การช่วยเพื่อน เหมือนช่วย ตัวเราเอง
เมื่อจิตเพ่ง - เล็งช่วย ทวยสหาย
ย่อมลดความ เห็นแก่ตัว ลงมากมาย
ทุกทุกราย อย่าเขวี้ยงขว้าง ช่างหัวมัน
เห็นแก่ตัว บางเบา ลงเท่าไหร่
ยิ่งเข้าใกล้ พระนิพพาน เห็นปานนั้น
รอดตัวได้ เพราะไม่มัว ช่างหัวมัน
จงพากัน ใคร่ครวญ ถ้วนทุกคนฯ
..............................
กลอนของท่านพุทธทาสภิกขุสอนใจได้ดีเสมอ
อยากให้คนรักกลอนของไทยโพเอมได้อ่าน
และนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติในชีวิต
ยังเยาว์
๑๔ เมษายน ๒๕๔๘
13 เมษายน 2548 00:17 น.
ยังเยาว์
เมื่อคืนเข้านอนตอนห้าทุ่ม
ตัวร้อนรุมๆ เหมือนว่าจะจับไข้
หัวถึงหมอนก็นอนหลับเร็วไว
ลืมปิดไฟทีวีไซร้ยังรายงาน
กระวนกระวายร่างกายแสนร้อนรุ่ม
เหมือนไฟสุมรายล้อมพร้อมเผาผลาญ
เดินคนเดียวในป่าเปลี่ยวแสนทรมาน
ไม่พบพานผู้คนให้จนใจ
ป่ารกชัฏเครือกระหวัดลูกไม้ห้อย
กระรอกน้อยดูงามยามเคลื่อนไหว
หากเสียงแกรกแทรกผ่านมาตามไพร
พาให้ใจเต้นตูมตามห้ามไม่ฟัง
ใบไม้แห้งค่อยเผยอยกยวบยาบ
ร้อนวูบวาบทั่วกายคล้ายไฟสั่ง
หน้าเหยเกเหือดซีดเกือบร้องดัง
สองเท้ายั้งไม่ก้าวย่างอย่างควรมี
ลำตัวยาวเลื้อยลงมาตรงหน้า
ทั้งกายาเหลืองดำสลับสี
ร่างกำยำสมส่วนอ้วนท้วนดี
เกล็ดเลื่อมนี้ดูงามตามอย่างงู
พอคิดได้หัวใจไปตาตุ่ม
กายร้อนรุ่มกลับหนาวเหมือนไร้คู่
กลืนน้ำลายลงคอฝืดน่าดู
แล้วจะอยู่ทำไมวิ่งไปพลัน
ยิ่งออกวิ่งเท่าไหร่ยิ่งไล่ติด
สุดชีวิตถูกตามติดไม่คิดหัน
ทั้งพ่อแก้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกนับพัน
ช่วยลูกนั้นให้พ้นทางจนใจ
เอน็จหนักล้มดังพลั่กเพราะสะดุด
ร่างกายสุดปัญญาหนีไปได้
พญางูเลื้อยมาเร็วกว่าใจ
รัดรอบร่างทันใดไม่ตั้งตัว
รัดแน่นหนาพาให้ใจเจียนขาด
ทั้งขยาดทั้งแขยงแฝงอยู่ทั่ว
ดิ้นเท่าไหร่ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่าตัว
ภาพในหัวลางเลือนเหมือนขาดใจ
สะดุ้งตื่นเสียงสะอื้นยังดังลอด
มองตลอดแลร่างกายคลายสงสัย
ผ้าห่มนวมพันจนแน่นยากหายใจ
ที่ไหนได้เกือบตายเพราะ...ไ อ้ น ว ม...
8 เมษายน 2548 03:09 น.
ยังเยาว์
มันเป็นภาคต่อค่ะ...
ต่อจากความคิด...ส่งหัวใจไปโรงเรียน...ของคุณวิสกี้ เลอ ฟอง เบียร์
เพราะหัวใจมันอ่อนเรื่องความรัก
จึงทุกข์หนักเมื่อรักเข้ามาก่อ
ยิ่งเจ็บเสียดหัวใจใยรักทอ
สุดท้ายรอเพียงรักต้องหักใจ
จึงส่งเข้าอนุบาลวานช่วยสอน
ไม่เกี่ยงงอนจะเริ่มสอนจากบทไหน
ขอแค่เพียงจบหลักสูตรแล้วรู้นัยน์
คือยังไงคำว่า...รัก...ชักนำที
จะขยันตั้งใจเรียนเพียรเขียนอ่าน
จะส่งงานตรงเวลาไม่หน่ายหนี
จะตั้งหน้าตั้งตาฝึกให้ดี
คอยนาทีนำไปฝึกใช้จริง
หวังไว้ว่าหัวใจไม่สอบตก
และหวังยกฐานะเป็นยอดหญิง
เข้าใจคนเข้าใจรักยากอ้างอิง
เป็นทุกสิ่งแบบอย่างทางเชี่ยวชาญ
วิธีรักวิธีลืมต้องเกรดสี่
อีกมากมีวิชาอ้อนที่อ่อนหวาน
วิชาเก็บความเจ็บหยุดเพ่นพ่าน
วิชามารผูกมัดรัดใจเธอ
..........................................
ก็รู้สึกอยู่เหมือนกันค่ะว่าไอ้วิชาสุดท้ายนี่มันออกจะแปลกอยู่สักหน่อย