24 มิถุนายน 2552 05:28 น.
ยักษ์ใหญ่ใจดี
เป็นประโยคสั้นๆ แต่ความหมายนั้นมากมายเหลือเกิน ถ้าแปลตรงตัวก็แปลว่า ฉันไม่สามารถเห็นวันพรุ่งนี้ได้ แต่ฉันก็จะไม่พูดถึงความโศกเศร้า เมื่อรวมกับประโยคแรกของเพลงนี้ I can think of the younger days when living of my life was everyhing a man could want to do ก็จะหมายถึง ชีวิตที่ผ่านมาไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้เลย แต่ก็จะไม่พูดถึงความโศกเศร้าที่เคยเจอมา ฟังจนจบก็รู้สึกว่าตรงกับชีวิตตัวเองเหมือนกัน ได้ข้อคิดอันนึงคือ แม้ว่าอนาคตจะมืดมนเพียงใด เราก็ต้องลืมความโศกเศร้าที่เคยเจอมาให้ได้ เป็นเพลงที่ฟังเพราะ และได้ข้อคิดครับ ถ้าใครรู้จักชื่อเพลง รบกวนบอกด้วยนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้า ณ ที่นี่ด้วย
5 มิถุนายน 2552 20:47 น.
ยักษ์ใหญ่ใจดี
'ไง ปังคุง เมื่อวานเป็นดาวเด่นเลยนี่หว่า เล่นเอาฮากันทั้งหอประชุมเลย' ป้อมพูดขึ้นระหว่างเดินไปเรียนด้วยกันกับก้อย
'จะชมหรือจะด่ากูก็เอาสักอย่างสิวะ ่านี่ ตื่นเวทีเว้ย แถมเหตุการณ์พาไปอีก'ผมกลบเกลื่อนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อวาน ใครจะไปเชื่อว่าผมรับงานผู้ช่วยยมทูต
'ไม่นานเดี๋ยวก็ดังแบบปังคุ...โอ๊ย!! เบิ๊ดหัวกูทำไมฟะ!'
'ถ้ากูเป็นปังคุง แกก็เป็นเจมส์ละวะ'
'จะเอาเรื่องเรอะ'
โชะๆ เสียงรองเท้าฟาดหน้า จะเป็นใครไม่ได้นอกจากยายก้อยจอมเฮี้ยวนี่เอง
'หนวกหู อยากตายใช่มั้ย' เรียบๆ แต่อำมหิต ทำให้สองหนุ่มเงียบอย่างจำยอม
'ว่าแต่ โทษทีนะ ไม่รู้ชั้นเป็นอะไรเป็นลมระหว่างงานซะได้ ลำบากนายแย่เลยนะปัง'
'อะไรกัน คิดมากน่า แกน่ะโหมงานมากไปน่ะสิ เหนื่อยนักก็บอกกันก็ได้'
'ปัง นายห่วงเราด้วยหรอ'
'ห่วงสิ'ผมทำหน้าตาจริงจัง จับไหล่แก้มไว้ทั้งสองข้าง
'ปัง...'ก้อยทำหน้าแบบซาบซึ้ง
'แกล้งคนอื่นไม่มันเท่าแกล้งแกแล้วละ 555' ก้อยตอบรับความจริงใจด้วยรอยรองเท้าบนหน้าผมอีกหนึ่งแห่ง
'ใช่สิ ขาดความงามของดาวมหาลัยอย่างชั้นไป งานคงจืดชืดน่าดู ป่านนี้ หนุ่มๆคงตามหาอยู่แน่ๆเลย' ไม่ทันไร ผมกับป้อมอยู่ห่างเสาไฟฟ้านึงแล้ว พูดพร้อมๆกันว่า
'ก้อย!! ดูปากชั้นนะ เหรอ.........!!!!'
'ไอ้บ้า! เรื่องเลวนี่เก่งนักนะ พวกแกนี่' ก้อยคว้ารองเท้าที่ใช้ประทับใบหน้าผมกับป้อมเป็นประจำไล่เขวี้ยง นี่ถ้าไม่ติดว่าโตแล้วกับใส่ชุดนักศึกษา เราก็เป็นเด็กกะโปโลธรรมดาที่เล่น
สนุกไปวันวันนึง เป็นอย่างนี้ทุกวันก็ดีนะ ผมคิด
'ปัง !! แย่แล้วละ ท่านอธิการบดีต้องการพบตัวเธอด่วนนะ' วิกรุ่นพี่หนุ่มสวยของเรานั่นเอง
'ทำไมหรอ หรือว่าท่านอธิการบดีต้องการชื่นชมผม'
'ต้องการไล่ออกสิไม่ว่า ท่านโกรธมากเลยนะ ที่ทำงานกีฬามหาลัยกลายเป็นงานทอล์คโชว์ไปซะงั้น(ไอ้เจ้าบ้าสามหัวเอ๊ย ทำเรื่องให้กูแล้วมั้ยล่ะ ผมคิด)'เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ยังไงๆคนอื่นก็คิดว่าเราต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ก้อยกับป้อมขอตามไปด้วย แต่ผมไล่ให้ไปขึ้นห้องก่อนเพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปด้วย สักพักผมก็อยู่ในห้องพร้อมกับอธิการบดีซึ่งกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่
'คุณทำได้งามหน้ามากนะ ในงานมีคนนอกเข้ามาด้วย แถมถ่ายทอดสดอีก ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยของเราป่นปี้กันพอดี เรื่องนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง หา!'
'เอ่อ ท่านอธิการบดีครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพราะตอนนั้นผมตื่นเวทีไปหน่อย แถมเผลอตัวไปด้วย เลยตามเลยน่ะครับ'ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
'ตื่นเวที? เผลอตัว? เรื่องแค่นี้น่ะเหรอที่คุณคิดว่าจะใช้อ้างเพื่อที่จะทำลายชื่อเสียงมหาวิทยาลัยของเรา ให้ตายสิ ตอนแรกผมนีกว่านายพานจะทำหน้าที่นี้ซะอีก ทำไมกลับกลายเป็นนักศึกษาไร้อันดับอย่างคุณไปได้ คุณไปทำยังไงถึงไปแทนที่ได้ หือ'
ผมเริ่มเคืองนิดหน่อย แต่ก็อดทนไว้'คือว่านายพานท้องเสีย(ฝีมือกูเอ๊ง 555)กระทันหันน่ะครับ ผมก็เลยต้องทำหน้าที่แทน'
'อ๋อ ฝีมือคุณใช่มั้ย(เดาถูกอีก) คนอย่างนายพาน ไม่สิ นักศึกษาเกียรตินิยม(ด้านหลีหญิง)อันดับหนึ่งอย่างนายพานจะมาพลาดท่าเพราะแค่ท้องเสียอย่างนี้ได้ยังไง คุณใช่มั้ย คุณคงมาจากครอบครัวยากจนสินะ พ่อแม่คงไม่ได้สั่งไม่ได้...อุ๊บ'ไม่ต้องบอกคุณผู้อ่านคงรู้ว่าผมฟิวส์ขาดไปเรียบร้อยแล้ว มือไวกว่าความคิด ผมกระชากคอเสื้ออธิการบดีขึ้นมาทันที
'มึงอยากตายเร็วมากนักใช่มั้ย เดี๋ยวกูสงเคราะห์ให้'
'ทำอะไรน่ะ! ผมเป็นอธิการบดีนะ ผมจะไล่คุณออก! เอาตำรวจมาจับคุณเข้าคุกด้วย!'
"เชิญตามสบาย ก่อนหน้านั้นมึงก็ตายไปแล้ว" ทันใดนั้นเอง ควันสีดำออกมาจากร่างผมครอบคลุมทั่วร่าง
'เหวอ!! แกเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย'ท่านอธิการบดีเสียงหลง
'ข้าจะมาเอาชีวิตแกไง'ผมเริ่มเอะใจ ไม่ใช่เสียงตัวเองนี่หว่า แต่เป็นเสียงแหบฟังแล้วน่าขนลุก
'พอแค่นั้นแหละ'เจ้าบ้าสามหัวไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนพูดขึ้นมา
'หึ เซบิรุสงั้นรึ ข้าน่ะไม่ได้กระจอกอย่างเมื่อก่อนแล้วนา' ปากผมขยับโดยไม่รู้ตัว
'ได้เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกปีศาจหน่อยอย่าลำพองไปหน่อยเลย'
'ลองดูมั้ยละ' พริบตาเดียวผมไปอยู่ข้างหลังเจ้าบ้าสามหัว แต่ในเวลาไม่แตกต่างกัน
ผมโดนหางของเจ้าบ้าสามหัวซัดกระเด็น แน่นอนผมคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
'หึ อยู่ในร่างมนุษย์ยังเคลื่อนไหวได้แบบนี้สมกับเป็นคู่แข่งของข้าจริงๆ'เจ้าบ้าสามหัว
พูดขึ้น
'ขอบใจที่ชม อีกไม่นานข้าจะยึดร่างนี้แล้วเราก็จะมาสู้กันใหม่ เตรียมล้างคอได้เลย' หลังจากนั้นผมก็หมดแรงอยู่ตรงนั้น
'เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ'เจ้าบ้าสามหัวพูดขึ้น
'เกิดอะไรขึ้นเนี่ย' ผมเพิ่งพูดด้วยเสียงตัวเองได้เป็นครั้งแรก การเคลื่อนไหวด้วย
'แกโดนสิงอยู่เมื่อกี้ ไม่รู้ตัวเลยเรอะ'
'สิงหรือ ใครละ'
'นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งโลกปีศาจ อังเดร'
'เป็นปีศาจ? ทำไมปีศาจถึงมาสิงมนุษย์ธรรมดาอย่างชั้นล่ะ'
'เพราะพลังยมทูตในตัวเจ้าไงล่ะ รวมทั้งพลังวิญญาณของเจ้าด้วย ปกติพลังทั้งสองอย่างนี้จะซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์ พอถูกใช้งานเมื่อไหร่พวกปีศาจที่ต้องการพลังก็จะมาหาเจ้าซึ่งมีพลังทั้งสองอยู่มากยังไงล่ะ'
'งั้นหรือ'
'แต่ว่าท่าทางอังเดรจะรู้ตัวนายอยู่ก่อนหน้านี้แล้วก็เลยเข้าสิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วละ'เจ้าบ้า
สามหัวพูดอย่างเคร่งเครียด
'ทำไมล่ะ'ผมเริ่มตามไม่ทัน
'เมื่อวานพวกข้าลองตรวจสอบพลังวิญญาณของเด็กที่ชื่อก้อยดู เป็นปกติธรรมดาทั่วไป แถมพลังยมทูตเป็นศูนย์ นั่นก็แสดงว่าสิ่งที่ก้อยเห็นก็คือ อังเดรนั่นแหละ ยังดีนะที่พวกข้ามาก่อน ถ้าเกิดเป็นแบบวันนี้อะไรจะเกิดขึ้นละ' ผมอึ้งสนิท ถ้าเกิดอังเดรปรากฏตัวต่อหน้า
ก้อย เธอคงโดนฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย
'แล้วก็นะ อังเดรใช้พลังงานวิญญาณกับยมทูตนายในการเคลื่อนไหว วันนี้เจ้าน่าจะเหนื่อยมากอยู่เฉยๆไปสักพักแล้วกัน'พอเจ้าบ้าสามหัวพูดจบ ความเมื่อยล้าจู่โจมเข้าหาทันที แถมยังง่วงด้วย
'วันนี้ทั้งวันห้ามหลับเด็ดขาดนะ ไม่งั้นเจ้าอังเดรยึดร่างเจ้าแน่ๆ พูดตรงๆก็คือได้ตายแน่ว่างั้นเถอะ ส่วนเรื่องตาลุงเหลาเหย่นั่นไว้ให้พวกข้าจัดการเอง'ง่วงด้วย เมื่อยด้วย แต่ห้ามหลับ ทำไมถึงซวยยังงี้ฟะ
วันนั้นทั้งวันผมต้องแข็งตาเรียน ซดกาแฟไปหลายถ้วย ถึงบ้านหลับเป็นตาย ความนึกคิดสุดท้ายของผมคือ จะมีอะไรแย่กว่านี้มั้ยเนี่ย เสียงสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาในหัวผมก่อนหลับเป็นเสียงของ
เจ้าบ้าสามหัว บอกว่า 'นี่มันเพิ่งจะเริ่มเว้ย' สติผมดับวูบไปอย่างรวดเร็วเพราะความเมื่อยล้าของร่างกาย