26 พฤษภาคม 2551 20:52 น.

โจ๋ซ่ากับสี่ขาตัวป่วน(2)

ยักษ์ใหญ่ใจดี

สติผมดับวูบไปครู่หนึ่ง แต่พอรู้สึกตัวก็เจ็บไปทั้งตัว จนทพยาบาลลำเลียงผมขึ้นรถพยาบาลพร้อมก้อย เธอเรียกผมตลอดเวลา ผมอยากจะตอบแต่เพราะเลือดคั่งอยู่ที่คอเลยพูดไม่ได้มากนัก
เจ้าหมาเป็นไงมั่ง  ผมถามด้วยเสียงกะท่อนกะแท่น

ตาบ้า ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ก้อยตอบน้ำตาคลอเบ้า
 
ถ้าเกิดกูตายไป ห้าม.ก่อเรื่องที่ไหน..อีกรู้มั้ย ผมรู้ดีว่าก้อยเป็นผู้หญิงเลือดร้อนยิ่งกว่าผู้ชาย แต่เรื่องทะเลาะวิวาทยังไงผู้หญิงก็เสียเปรียบ ยิ่งถ้าไม่เป็นวิชาป้องกันตัวแล้วยิ่งแล้วใหญ่

อย่าพูดอย่างนี้สิ แกตายไปแล้วใครจะเป็นพิธีกรงานกีฬามหาลัยล่ะ

นี่แก เห็นงานสำคัญกว่าชีวิตคนเรอะ เสียงผมเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ง่วงเหลือเกิน เจ็บไปทั้งตัว ถ้าเกิดหลับไปอย่างนี้จะสบายกว่ามั้ยนะ เสียงก้อยและจนทพยาบาลคนอื่นที่กำลังปั๊มหัวใจผมดูสับสนฟังไม่รู้เรื่องไปหมด เอาเถอะ ชาติหน้าขอเกิดมาสบายๆกว่านี้หน่อยและกัน 

แกมันเด็กไม่รู้จักโตเลยน้า เสียงลึกลับผ่านหูผมก่อนที่จะหมดสติไป

ใครวะเด็กไม่รู้จักโต!!  ผมลุกโพล่งขึ้นมาหาเจ้าของเสียง เอ๊ะ ว่าแต่นี่เรายังไม่ตายหรือเนี่ย ดูไปรอบๆ ห้องพยาบาลนี่หว่า วินาทีต่อมาก้อยโดดเข้ากอดผม

โอ๊ยๆ ยัยก้อย เจ็บๆๆๆ

ฮือๆ ปัง ตาบ้า!! อย่าทำให้เป็นห่วงนักได้มั้ย!! จริงสินะ เธอเห็นผมโดนรถชนกระเด็น แถมดูท่าเฝ้าผมมาตลอดเลยนี่นา

เออ โทษทีนะ ผมกล่าวพร้อมลูบหัวก้อยเบาๆ

ก็แกเล่นหมดสติไปสามวันเลยนี่นา เข้าห้องICUตั้งสองวันติด ตายก็ไม่แปลกแล้ว ยัยนี่แช่งเรอะ

นั่นน่ะสิ ปกติโดนชนขนาดนั้นตายคาที่ไปแล้ว ไม่รู้คุณหมอโผล่มาจากไหน ทั้งผมและก้อยสะดุ้งโหยง

ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้ผมรีบกล่าวขอบคุณพร้อมไหว้

เออ อย่างเธอนี่โชคดีมากนะ ถึงรอดมาได้ก็ไม่น่าฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ อย่างนี้สักอาทิตย์ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วละ ผมไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรอดมาได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว พอคุยกับหมอสักพักก็ออกไป คำถามแรกที่ผมถามก้อยคือ

เออ เจ้าหมาน้อยละ แทนคำตอบ ก้อยอุ้มมาข้างๆผมบนเตียง ท่าทางมันยังไม่รู้เรื่องที่มันทำให้คนอื่นเกือบตาย มันเลียหน้า กัดจมูกอย่างมันเขี้ยว

ไอนี่ จับทำหมาตุ๋นซะดีมะ ผมพูดติดตลก

ท่าทางมันจะชอบแกนะ ก้อยจับมันไปอุ้ม

เออ ปล่อยไว้ก็ไม่ได้ แต่จะพูดยังไงให้ที่บ้านรับเลี้ยงเจ้านี่ละ

เดี๋ยวชั้นไปช่วยเอง ความจริงเรื่องคราวนี้ชั้นก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย ก้อยพูดอย่างอายๆ

ยัยนี่ เป็นผู้หญิงกับเค้าเป็นด้วยเรอะ

ปั่บ!! ยัยก้อยเอาช่อดอกไม้ที่ใช้เยี่ยมผมฟาดหน้าผมเต็มๆ 
ตาบ้า หายปุ๊บปากเสียปั๊บเลยนะ เธอพูดพร้อมแลบลิ้นใส่ 

เดี๋ยวทำอะไรให้กินนะ อืมยัยก้อยทำตัวน่ารักก็เป็นนี่หว่า เฮ้ย คิดไรฟะเนี่ย

พอยัยก้อยออกจากห้องไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เรานี่ก็แมวเก้าชีวิตเหมือนกันแฮะ ถึงจบไม่สวยแต่รอดมาได้ครบ32นี่โชคดีสุดๆ

คิดว่าแกรอดได้เพราะใครกันหา.!!

เสียงลึกลับนั่นอีกแล้ว เป็นเสียงเดียวกับที่ผมได้ยินก่อนหมดสติไป ผมหันไปมา ก้มดูใต้เตียง ไม่มีใครอยู่นี่หว่า

ทางนี้ เจ้าบ้า เสียงดังข้างหลังผม พอขวับไปก็เจอหมาสามหัวรอตไวเลอร์ท่าทางน่ากลัว ทั่วตัวมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด ท่าทางผ่านการต่อสู้มาเยอะ

สัตว์ประปลาดพูดได้!! ผมพูดพร้อมถอยกรูดข้างหลังโดยอัตโนมัติ

หนอยไอนี่ จับกินซะดีมั้ยนี่ หัวนึงพูดขึ้น แต่มันช่วยลูกเราไว้นาหัวที่สองแย้ง  ว่าไงล่ะท่านหัวหน้า

เอาน่าใจเย็นๆก่อน จู่ๆปรากฏตัวอย่างนี้เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นและ โดยเฉพาะเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่น่ะ
หนอย พอไม่พูดหน่อยเดียวทำข่มเชียวนะ ใครวะเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ผมพึมพำอย่างฉุน ทันใดนั้นเอง เจ้าหมาสามหัวก็กระโดดเข้ามาคร่อมผม

ไอเด็กนี่ เห็นว่าช่วยลูกเราหน่อยเดียวเลยไว้ชีวิตนะนี่ อย่าสำคัญผิดนะเว้ย พวกข้าเอาแกลงนรกได้ทุกเมื่อ

เอาล่ะ โดดงานมานานๆไม่ดีแน่ เดี๋ยวท่านมัจจุราชเล่นงานเอา หัวที่ดูท่าทางอาวุโสที่สุดพูดขึ้น ความจริงน่ะ แกตายไปแล้ว แต่เพราะพวกเราขอท่านมัจจุราชไว้ แกเลยรอดมาได้

อย่างนี้นี่เอง ท่านมัจจุราชใจดีกว่าที่คิดแฮะ

แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะเว้ย แกต้องช่วยงานของนรก เก็บวิญญาณบนโลกไปส่งให้พวกเรา
เก็บวิญญาณหรอ?? ผมถามอย่างงงๆ

พูดง่ายๆ แกต้องคอยเก็บวิญญาณพวกถึงฆาตน่ะ แล้วก็ส่งให้เรา ง่ายๆใช่มั้ยล่ะ

แล้วถ้าปฏิเสธล่ะ อุตส่าห์ฟื้นมาทั้งที ทำไมต้องมีเรื่องยุ่งด้วยวะ ผมคิด

ถ้างั้นแกก็ไปกับเราเดี๋ยวนี้เลย เจ้าหมาสามหัวพูดเรียบๆ

มัดมือชกนี่หว่า

หัวที่1 ความจริงท่านมัจจุราชขาดคน.อุ๊บ หัวที่สองเจ้าบ้า พูดงั้นแล้วเราจะขู่เจ้าหนูนี่ทำไมล่ะ หัวที่สามถอนหายใจ  เนี่ยเรอะ จุดประสงค์ที่แท้จริง

ไม่มีทางเลือก หวังว่าคงไม่ยากเกินไปนะ ผมพูดหน่ายๆ

เออ คล้ายๆงานทวงหนี้น่ะแหละ ว่าแต่แกจะเป็นที่รังเกียจของคนๆอื่นนะถ้าทำงานนี้ รับได้ใช่มั้ย ยังไงผมก็เพื่อนน้อยอยู่แล้ว นอกจากป้อมและก้อย ผมก็ไม่มีใครที่จะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนอีก ผมตกลงอย่างว่าง่าย

อืม

งั้น ก่อนอื่น ขอแนะนำคู่หูของเจ้า คู่หู? ถ้าทำงานอย่างงี้ก็ต้องคู่กับยมทูตน่ะสิ หรือจะเป็นแบบอิจิโกะเรื่องBleachหว่า ไม่เลวเหมือนกันแฮะ

คิดอะไรอยู่เจ้าบ้า คู่หูอยู่ตรงหน้าแกแล้วไม่เห็นเรอะ หือ ที่อยู่ตรงหน้าผมก็มีแต่เจ้าลูกหมาที่แทะมือผมเล่น

เจ้าเปี๊ยกเนี่ยนะ ผมถามงงๆ ทันใดนั้นเอง เจ้าลูกหมาขยายร่างกลายเป็นสามหัวอย่างรวดเร็ว ตัวมันใหญ่กว่าเจ้าสามหัวอีกตัวที่คุยกันที่ผ่านมาซะอีก ผมถอยกรูดด้วยความตกใจ

ป๊ะป๋า ทำอะไรอยู่ มามี้โกรธใหญ่แล้วนะ อ้อ พ่อลูกกันหรอกเรอะ

หัวที่สาม(อาวุโสสุด)ทำไงได้ ช่วงนี้งานเยอะประชุมบ่อย. หัวแรกที่ K9นรกอาบอบนวด(เจ้าบ้า)

ว่าแต่ป๊ะป๋า ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยอะ สามหัวตัวลูกหันมาทางผม เฮ้ยอย่ามองด้วยสายตางั้นสิฟะ

เจ้าเด็กบ้า จะกินคนที่เพิ่งช่วยแกไว้เรอะ ขอแนะนำ นี่คือ เจ้าบอม เจ้าบัน เจ้าบีตัวเดียวกันแล้วยังมีตั้งสามชื่ออีกเรอะ ส่วนพวกเรา สองหัวที่เป็นลูกน้องข้า หวังเฉา หมาฮั่น ข้า ท่านเปา

ชื่ออะไรของมันฟะ ผมคิด

ถ้าจะโทษก็ไปโทษคนเขียนโน่น ท่านเปาบอกเซ็งๆ ก็จริงแฮะ พระเอกอย่างตูทำไมต้องชื่อปังด้วยฟะ

ปกติเจ้าต้องตายไปแล้ว แต่ข้าใช้พลังชีวิตต่อให้เจ้าชั่วคราว เพื่อให้เจ้าอยู่ได้เหมือนคนปกติ เจ้าต้องรวมร่างกับลูกข้า รวมร่าง ให้รวมร่างกับเจ้าหมาสามหัวนี่น่ะนะ

ไม่ต้องห่วง ในเวลาปกติลูกข้าจะหลับอยู่ในร่างลูกหมา แต่พอถึงเวลางานลูกข้าจะออกโรงเอง

ป๊ะป๋า ทำไมผมต้องทำงานกับมนุษย์ด้วยอะ
 
หุบปาก!! เจ้าก่อเรื่องเองแท้ๆ ยังมีหน้ามาบ่นอีกเรอะ!! เจ้าบอม บัน บี(ต่อไปนี้ขอเรียกเจ้าบ้าสามหัว)เงียบ

เอาละ ต้องกลับไปเฝ้าประตูนรกแล้ว ทำงานด้วยกัน ดีกันด้วยล่ะ ขอเตือนไว้อย่างนึง พลังชีวิตของเจ้าทั้งสองเชื่อมต่อกันอยู่ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป อีกฝ่ายซี้อย่างไม่ต้องสงสัย พูดจบ ท่านเปา หวังเฉา หมาฮั่นหายเข้าไปในกำแพง เจ้าบ้าสามตัวพูดขึ้นมาว่า

ทำงานกับเด็กอย่างแกน่ะเรอะ ทำไมซวยอย่างนี้วะ

รู้งี้ปล่อยให้โดนรถทับไปซะก็ดีผมพูดเซ็งๆ

ให้ตายสิ ใช้ร่างนี้บนโลกอยู่ได้แค่สามนาทีซะด้วย เห็นทีต้องกลายเป็นเจ้าหมาน่อยอีกละเป็นอุลตราแมนรึไงฟะ  ทันใดนั้นเอง เจ้าบ้าสามตัวก็กลับกลายเป็นลูกหมาตัวจ้อยเหมือนเดิม

             ผมเงียบไปครู่นึง ทันใดนั้นยัยก้อยเข้ามาพร้อมถุงพะรุงพะรังหอบแฮกๆ

แกไปหาของกินถึงธิเบตรึไงฟะ

ผัวะ!! เสียงรองเท้าปาหน้าผม นี่สิ ยัยก้อยที่ผมรู้จัก

คนอุตส่าห์หวังดี หนอย สาวน้อยพร้อมลุยเต็มที่

เฮ้ยๆ คนป่วยนะเว้ย เพลาๆหน่อย

ชิ ถ้าไม่ติดว่าป่วยแกตาย ไม่น่าเชื่อภายในวันเดียวผู้หญิงสามารถเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้ ช่างน่ากลัวจริงๆ

ก็แหม กลัวว่าแกไม่มีอะไรจะกินไง ทำอย่างกะตูอยู่ทั้งอาทิตย์งั้นละ ขืนพูดไปผมตายแน่ๆ

เอาละ แกสบายดีฉันก็สบายใจ หายเร็วๆนะจ๊ะ พูดจบเธอขอตัวกลับมหาลัย ผมอึ้งไปพักนึงเพราะเห็นเธอเช็ดน้ำตาขณะพูด ดูแล้วคงร้องไห้มาตลอดก่อนที่ผมจะฟื้นแหงๆ ทำเพิ่อนเสียใจได้แบบนี้ เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ ความง่วงเริ่มจู่โจมผม หลับซะหน่อยดีกว่า รอดตายมาได้แต่เจอทั้งเรื่องสามสหายท่านเปากับเรื่องช่วยงานเจ้าบ้าสามหัวอีก ขอให้ตูฝันไปทีเถอะ ผมคิดก่อนที่จะหลับไป				
25 พฤษภาคม 2551 06:25 น.

โจ๋ซ่ากับสี่ขาตัวป่วน(1)

ยักษ์ใหญ่ใจดี

"ไอป๊อก เมิงได้งานส่วนที่กูให้ไปหายังวะ"
         ผมเรียกป้อมด้วยชื่อนี้เพราะมันชอบเล่นไพ่ป๊อกเด้งเป็นชีวิตจิตใจ บวกกับความที่มันคออ่อน ชอบดื่มแต่หลับคาวงเหล้าก่อนใครเพื่อน 

"ไอห่า กูบอกกี่ทีละอย่าเรียกยังงี้ ไอปังคุง" 

"เวนกูชื่อปังปอนด์ดีๆ ตั้งแต่มีรายการขำกลิ้งลิงกับหมากกูกลายเป็นลิงเลยหรอวะ" 

"ก็ดีไม่ใช่หรอเมิง ได้ดังไง(ไม่ดีโว้ย) เออเดี๋ยวคืนนี้กูส่งงานทางเมล์ให้มึงละกัน เนี่ยเดี๋ยวเข้าห้องสมุดแล้ว"  

"ให้เสร็จนะโว้ย อย่าไปเด้งตามวงไพ่หรือป๊อกตามวงเหล้าอีกละ" ผมเตือนมันเพราะทำงานกลุ่มกะมันทีไรส่งงานคาบลูกคาบดอกทุกที

"เออ"

      มันตอบสั้นๆแกมรำคาญ ส่วนผมต้องเตรียมทำpower  pointใส่ข้อมูลที่ทุกคนเตรียมมาให้ บางครั้งก็ผมก็ลากคนในกลุ่มมาช่วยกันคิดว่าจะนำเสนอรายงานยังไงดี แต่คราวนี้ผมทำเอง ซึ่งก็ดีไปอีกอย่าง ไม่ต้องเถียงกับใคร  ใช้ความคิดตัวเองตามสะดวก เสียอย่างเดียวถ้าเกิดเจ๊งขึ้นมาก็โดนคนเดียว

"ปังคุง!!" เสียงอันทรงพลังที่ทำให้ทุกคนรอบๆหันมามองด้วยความตกใจ ก้อยน่ะเอง เธอมีดีกรีเป็นถึงดาวหาลัย ตอนมีงานอะไรเธอดูสง่างามมากๆจนผู้ชายทั้งมหาลัยหลงใหล แต่ช่วงเวลาปกติธรรมดาน่ะเหรอ เธอก็จะใส่แว่นตาหนาเตอะ ผูกผมเปียเป็นเด็กกะโปโลจนไม่มีใครจำเธอได้เท่านั้น

"ยัยก้อย ห้องสมุดนะเว้ย"  ผมกระซิบเบาๆ

"เออโทดทีๆ ว่าแต่ปัง หมู่นี้นายนี่ดูหล่อ ป๊อบปูล่าจริงนะเนี่ย"

"มีอะไรก็ว่ามา" ผมตอบห้วนๆ

"แหม พูดกับสาวน้อยน่ารักอย่างงี้ได้ยังไงเนี่ย"  พร้อมทำท่านางเอกร้องไห้

"ใครวะสาวน้อยน่ารัก"

"เพราะปากแกเป็นยังงี้น่ะซิถึงไม่มีใครมาจีบน่ะ" เธอพูดพร้อมบิดหูผม

"โอ๊ยๆ ก็แกเล่นพูดดีก่อนแล้วต้องมีไรให้ช่วยทุกทีนี่หว่า"

"เออ ใช่สิ แกช่วยเป็นพิธีกรงานกีฬามหาลัยปีนี้ให้หน่อยสิ"

"จะบ้าเรอะ เอาคนหน้าตางั้นๆอย่างกูไป งานล่มพอดี"

"ก็รุ่นพี่ที่เป็นพิธีกรคราวนี้ดันทำรถล้มอะดิ คนอื่นก็ไม่กล้าเป็นกัน"

"แล้วมาขอกูเนี่ยนะ กลัวคนเค้าจะหัวเราะขำกลิ้งกันน่ะสิ" ที่ผมพูดยังงี้ก็เพราะเวลาภาคบริหารหรือเอกไปเที่ยวนอกสถานที่ ผมต้องโดนลากไปพูดอะไรซักอย่างให้รุ่นพี่รุ่นน้อง อาจารย์ฟังทุกที แล้วไม่รู้เป็นยังไง ขำทุกรอบ

"เออนั่นแหละ คนดูจะได้สนใจไง ไม่แน่อาจดังก็ได้นะ"

"ไม่สน แค่นี้เค้าก็นึกว่าเป็นหลวงพี่เท่งคนใหม่แล้ว" ผมพูดพร้อมลุกหนี

"ทำไม ทำไมเธอไม่รับผิดชอบกันบ้างเลย" เธอพูดพร้อมดึงขาผม น้ำตาคลอเบ้า ตอนนี้ใครที่ไม่ได้ยินคำสนทนาที่ผ่านมาอาจมองผมเป็นผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องแล้วทิ้ง เธอพูดดังจนคนรอบข้างเริ่มซุบซิบสงสัยกัน

"เฮ้ย ยัยบ้า คนอื่นจะคิดว่ายังไงเนี่ย" ผมกระซิบ

"ถ้าแกไม่ยอมชั้นก็ไม่ปล่อย" เธอกระซิบตอบ พร้อมยิ้มชั่วร้าย

"ช่วยไม่ได้ " ผมถอนหายใจอย่างเศร้าๆ

"เย้" เธอกระโดดโลดเต้นดีใจ ผิดจากเมื่อกี้หน้ามือเป็นหลังเท้า

"ยัยสตอเอ๊ย" ผมพูดงุบงิบเบาๆ

ผัวะ!!! เสียงรองเท้าลอยมากระทบหัวผม ยัยก้อยจอมแก่นคงได้ยินที่ผมนินทาเมื่อกี้ จากนั้นหรอ ผมกับก้อยทะเลาะกันจนหมายังอาย แถมยังโดนบรรณารักษ์ไล่ออกจากห้องสมุดอีก

"ขอดีๆ ก็ไม่เป็นยังงี้หรอก" ผมพูดเซ็งๆ

 เธอหันขวับมา "แล้วขอดีๆ แกเคยยอมซะที่ไหนล่ะ"

ผมกับเธอส่งสายตาอำมหิตหลายวิ

"เอ่อ  รุ่นพี่ปังคุง ใช่มั้ยคะ"

"ใครวะ!! เรียกอยู่ได้ว่าปังคุง เดี๋ยวพ่อจับหมก........  "ผมโพล่งออกไปด้วยความโมโหพร้อมหันกลับไปมอง ตายละวา รุ่นน้องนี่นา สงสัยเมื่อกี้คงทำให้เธอกลัวแหงๆ

"เอ่อ โทดทีๆ พอดีทะเลาะกับยัยม้าดีดกะโหลกพร้อมชี้ไปยังก้อย(ผัวะ!!) ว่าแต่น้องรู้จักพี่ได้ไงหรอ

"พอดีพี่ป้อมเค้าให้มาหาพี่น่ะค่ะ พี่เค้าบอกว่าพี่ปังคุงช่วยได้  ว่าแล้ว นอกจากก้อยและป๊อกจะมีใครอีกที่เรียกผมแบบนี้

"ว่าแต่ มีอะไรหรอ" ผมถามด้วยความสงสัยว่าไอป๊อกมันหาเรื่องอะไรให้อีก

"งี้ดๆ" เสียงลูกหมาที่เธอถือมาอยู่ที่ถุงผ้าข้างหลัง

"อย่าบอกนะว่าให้พี่เลี้ยงน่ะ" ผมชักสังหรณ์ไม่ดี

"ค่ะ" เธอตอบซื่อๆ ตูว่าแล้ว ผมคิด

"คืองี้นะ"ผมถอนหายใจ ตอนนี้พี่พักอยู่ที่....อ๊อก"  "บ้านพี่ปังคุงเค้ากว้างจะตาย  ลูกหมาตัวเปี๊ยกแค่ตัวเดียวไม่เป็นไรหรอกจ้า" ยัยก้อยกระทุ้งสีข้างผมด้วยศอกกจนจุก

"คืองี้" ผมพูดพลางกุมสีข้างตัวเอง คือพี่เป็นโรคภูมิแพ้น่ะ สัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าใกล้พี่ไม่ได้เลย"

"งั้นหรือคะ" สาวน้อยพูดเศร้า "หนูเจอมันถูกทิ้งระหว่างทางมามหาลัย ที่บ้านหนูก็เลี้ยงไม่ได้ เพื่อนๆก็ไม่มีใครยอมรับเลี้ยง คงต้องปล่อยที่เดิม" ทันใดนั้นเจ้าลูกหมาตัวน้อยขนปุกปุย หูตั้ง (พันธ์ทางหรือไงหว่า)ก็วิ่งออกมาจากในถุง วิ่งคลอเคลียสาวน้อย ก้อย แล้วก็ผม ให้ตายสิ อย่าทำให้ใจอ่อนได้มั้ย ผมคิด

"ว้าย น่ารักจัง " ก้อยพูดอย่างตาเป็นประกาย

"งั้นแกก็เลี้ยงมั้ยล่ะ" ผมพูดพลางโล่งใจว่าจะได้ผลักภาระ

"บ้าเรอะ ที่บ้านชั้นมีแมวอยู่แล้ว ขืนเอาเจ้าเปี๊ยกไปเลี้ยงมีหวังโดนฟัดตายตั้งแต่วันแรกแล้ว" ก้อยพูดหน่ายๆ " มีแต่แกนั่นแหละที่พอจะเลี้ยงมันได้

"ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ" ผมชักเริ่มหมดความอดทน แต่ก่อนที่จะพล่ามอะไรต่อผมก็เจอสายตาเว้าวอนของสองสาวกับอีกหนึ่งตัว

."นะคะ พี่" สาวน้อยกุมมือผมไว้ ไม่อยากบอกเลยแต่ว่าน้องคนนี้ตรงสเปคทุกอย่าง สวยๆ ใสๆ อย่างงี้ถ้าได้เป็นแฟน ตำนานหนุ่มโสดตลอดยี่สิบปีของผมจบลงอย่างสวยงามแน่นอน

"ก็ช่วยไม่ได้นะ เอาเป็นว่าพี่จะรับเลี้ยงเจ้าเปี๊ยกนี่ละกัน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนพี่ขอ......"

ปี๊นๆ เสียงแตรรถเก๋งคันงามที่เพิ่งจอดข้าง " โทดทีน้องปูเป้ พี่มาสายไปนิดนึงน่ะน่ะจ้ะ" "แหมพี่พาน มาช้าจังเลย" น้องปูเป้ของพี่พานที่ว่าหันมาทางผม "ขอบคุณมากๆเลยค่ะ พี่ปังคุงใจดีจัง"

"อือ" ผมตอบอย่างผีตายซาก ฝันสลายน่ะสิ

"ไอปัง แกยังคบกับยัยก้อยเด็กกะโปโลอยู่อีกเรอะ" ที่พานพูดอย่างงี้ก็ไม่แปลก นอกจากผมแล้วก็ไม่มีใครอีกที่มองเห็นทั้งสองด้านของก้อยเหมือนอย่างผม

"เรื่องของกู" ผมตอบแบบไปที ผมกับก้อยก็เหมือนเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม ไม่ได้คิดอะไรกัน ไอพานมันเป็นเสือผู้หญิงด้วย เจอมันแต่ละทีควงสาวไม่ซ้ำหน้า
แถมยังตัดหน้าผมไปหลายรอบ เอาเหอะ ผู้หญิงที่หลงคารมอย่างมันก็นับว่าฉลาดน้อยเต็มทน

ผัวะ!!! เสียงรองเท้าของเด็กกะโปโลที่ว่าลอยมาโดนเต็มๆหน้าหล่อๆของพานจนเลือดกำเดาไหล

"ยัยเด็กบ้า!! อยากมีเรื่องใช่มั้ย!!"

"กะโปโลแล้วมันหนักส่วนหัวของพ่อเมิงรึไงฟะ  ไอแมงดา**word band by system** เอ๊ย" ก้อยพูดพร้อมง้างหมัดเข้าใส่

"เอาน่าๆ ไอพานมีเรื่องกับผู้หญิงไม่ดีนะเฟ้ย ก้อยแกก็เหมือนกัน หัดเป็นกุลสตรีหน่อย" ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันผมปล่อยไปแล้ว มันดี

"อย่าเ_อก!!" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน ทีงี้สามัคคีกันเชียวไอพวกนี้ ผมคิด

"แก อย่านึกว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่กล้านะเว้ย" พานเหวี่ยงหมัดเข้าใส่

"พล่อก" ไม่ใช่เสียงหมัดของพาน แต่เป็นของผมที่สวนมันจนล้มคลุกฝุ่น

"ไอปัง!! ทำไรของแกวะ!" พานมองตาขวาง

ผมลากคอมันขึ้นมา "เดี๋ยวนี้เมิงกล้าต่อยผู้หญิงหรือไงวะ แล้วจะให้กูอยู่เฉยรึไง"
 ไอพานไม่พูดอะไร เดินกลับไปที่รถ

"อย่าให้กูเจออีกรอบนะเว้ย เมิงโดนพวกกูยำเละแน่ !!รู้มั้ย กูลูกใคร!!.

"ไอห่านี่ พ่อตัวเองยังจำไม่ได้แล้วใครที่ไหนจะจำให้เมิง" ผมพูดติดตลก

"ไม่ตลกนะมึง" พานพูดทิ้งท้ายก่อนบึ่งรถออกไป

"ปัง..." ก้อยพูดเสียงเศร้าๆ

"ยัยบ้าเอ๊ย เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ ทีนี้ทั้งกูและมึงได้หนีหัวซุกหัวซุนแน่ๆ"  ผมพูดพลางเขกหัวก้อยเบาๆ

"ขอโทษจริงนะๆ" ก้อยกล่าวเสียงน้ำตาคลอ หลายครั้งที่ก้อยชอบก่อเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เริ่มรู้จักกันแล้ว แล้วผมก็ต้องช่วยแก้ทุกที

"ยัยบ้า" ผมดึงหัวก้อยมาซบไหล่ ทันใดนั้นเอง เจ้าลูกหมาที่วิ่งซนไปเรื่อยๆโดยไม่มีใครมองวิ่งไปทางถนนใหญ่  เสียงแตรรถบีบไล่ แต่มันกลัวจนตัวสั่น ไม่ขยับไปไหน

"ทำไงดีละปัง" ก้อยกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

"ก็ต้องช่วยน่ะสิ จะยอมให้มันโดนรถทับเรอะ" ผมพูดพร้อมวิ่งไปที่ถนน
ไอเจ้าเปี๊ยกเอ๊ย ไม่ทันไรก่อเรื่องซะแล้ว โชคดีที่มันไม่ขยับไปไหน แต่ปัญหาก็คือรถที่พลุกพล่านอย่างนี้จะไปช่วยมันยังไง แต่ก็ต้องไปช่วย พูดไปแล้ว ผมขยับเข้าไปหาช้าๆพลางหลบรถที่ผ่านไปมา อีกนิดเดียว ใกล้ถึงแล้ว  แต่เจ้าหมาดันหนีผมเรียกมันก็ไม่มา เอาไงดีฟะ อยู่นานๆแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ทันใดนั้นผมตัดสินใจตะครุบตัวมันจนได้ แต่เมื่อหันกลับมาเมื่อนั้นเอง

โครม!!!! ร่างผมลอยละลิ่ว ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น พร้อมเสียงกรีดร้องของก้อย

"ปังงงงงง.....................!!!!!!!!!!!!"				
24 พฤษภาคม 2551 07:35 น.

นี่หรือ คือรัก

ยักษ์ใหญ่ใจดี

เคยเป็นอย่างผมบ้างมั้ยคับ ทุกวันรอจนดึกให้คนที่ตัวเองชอบออนเอ็ม ถ้ามีโอกาสก็โทรหา แกล้งทำเป็นคุยธุระ แต่ความจริงคิดถึง แม้ว่าความเป็นจริงจะแค่ฟังเธอบ่นเท่านั้นเองก็พอใจละ แม้ว่าครั้งล่าสุดโทรไปฟังน้ำเสียงดูเหมือนรำคาญแต่ว่าก็ยังหาโอกาสคุยรอบหน้า ค่าโทรหมดไปเยอะ(ที่หมดไม่ใช่อะไรหรอก ก็เธอเล่นมิสคอลมาแล้วให้ผมยิงกลับ เท่านั้นละ ฟังเธอบ่นกระจาย- -") พยายามที่จะแง้มดูความในใจเธอหลายหนเหมือนกัน แต่ก็เหมือนเข้าถ้ำเสือดีๆนี่เอง(เจอเสืออาจน่ากลัวน้อยกว่า) ที่ผ่านมาผมไม่กล้าที่จะรักใครจริงจังนะเพราะเห็นตัวอย่างคนอกหักหรือคนที่ถูกหลอกใช้เพราะความรักมาก็เยอะ เพราะเป็นอย่างนี้ตอนนี้ผมอาจยังไม่รู้จักรักแท้จนได้มาเจอเธอคนนี้ก็ได้				
21 พฤษภาคม 2551 07:30 น.

หนุ่มขี้อายกับยัยตัวแสบ

ยักษ์ใหญ่ใจดี

ผมก็รู้จักกับพี่คนนี้เกินครึ่งปีแล้วมั้ง อายุเกินกว่าผมปีนึง ผม25 ตอนนี้ สาเหตุที่ชอบเค้าก็คือเป็นคนที่ยิ้มสวยเวลายิ้มนะ พูดตรง ไม่ค่อยปิ   ดบังด้วย ช่วยเหลือผมบ่อย โดยคุณพี่เค้ามักจะระบายปัญหาที่ทำงานหรือปัญหาใ    ห้ผมฟังเสมอ แต่ปํญหาก็คือ พี่เค้าคิดกับผมเป็นแค่น้องชาย หรือคนที่รู้จักไม่ได้มากไปกว่านั้น บางครั้งผ มก็น้อยใจเหมือนกันนะ อุตส่าห์รับฟังทุกอย่าง คอยให้กำลังใจ  ช่วยเหลือเอาใจใส่ทุกอย่างแต่กลับเป็นได้แค่นั้น รู้ว่าหวังผลตอบแทนมันไม่ดี   แต่ก็อยากเป็นคนที่พี่เค้าไว้ใจ เป็นคนสนิทเหมือนกัน ที่แย่กว่านั้นคือ    เค้ามีคนที่ตามจีบเค้ามาก่อนตั้ง3ปีแล้ว เราดันมาทีหลัง แถมยังมาสนิทกับเราอีก เฮ้อ ถ้าเลือกคนที่ชอบก็ต้องเสียเพื่อน ถ้าเลือกเพื่อนก็ต้องเสียคนที่ชอบ เลือกยากจริงๆ ช่วงนี้ผมเป็นนถึงขนาดรอรอพี่เค้าออนเอ็มดึกๆได้ทุกวัน  วันไหนไม่ได้คุยนอนไม่หลับ เคยบอกๆว่าจะจีบแต่โดนตัดบทตั้งแต่เริ่มแรกเลย   กลัวเหมือนกันถ้าบอกว่าชอบไปตรงๆเค้าจะหายไปจากชีวิตผมเลยมั้ย แต่ไม่บอกก็ไม่รู้จะโดนใครงาบไป ไม่รู้เหมือนกันว่าโชคดีรึเปล่าที่เจอผู้หญิงคนนี้ คนที่ทำให้ใจเหงาๆผมหวั่นไหว เจ็บปวด และมีความสุขได้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟยักษ์ใหญ่ใจดี
Lovings  ยักษ์ใหญ่ใจดี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟยักษ์ใหญ่ใจดี
Lovings  ยักษ์ใหญ่ใจดี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟยักษ์ใหญ่ใจดี
Lovings  ยักษ์ใหญ่ใจดี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงยักษ์ใหญ่ใจดี