29 มิถุนายน 2547 03:08 น.
ม.ปณิธาน
เดินป่าฝ่าดงลึก
ไม่เคยนึกย่อท้อทน
มุ่งสู่ภูเบื้องบน
ถึงจุดหมายที่ปลายทาง
เดินผ่านริมรางธาร
ข้ามสะพานที่ทอดขวาง
หินซ้อนซ่อนจัดวาง
กลางสายน้ำวารีริน
เดินลอดขอนไม้ล้ม
ต่างต้องก้มเกือบติดดิน
แว่วเสียงป่ายลยิน
กิ่งไม้หักเหมือนทักทาย
เดินข้ามขอนไม้พาด
เอนลงลาดรับแดดฉาย
ไม้ใหญ่ยืนเรียงราย
เหมือนรอรับกับตะวัน
เดินผ่านป่าหญ้าคา
ลมพัดมาพาหนาวพลัน
ยอดหญ้าโอนอ่อนอัน
เอนเอียงซ้ำตามลมพา
เดินขึ้นเนินมรณะ
หยุดชั่วขณะ ณ เชิงผา
หันมองย้อนลงมา
ลาเบื้องล่างสู่ลานสน.
29 มิถุนายน 2547 03:00 น.
ม.ปณิธาน
ลาแล้วลาลานสนบนภูสวย
ลาไปด้วยใจภักดิ์รักภูผา
ลาลำธารใสเย็นเคยเล่นมา
ลาดอกหญ้ายอดงามยามไหวเอน
คงคิดถึงท้องทุ่งหญ้าป่ากว้าง
ไอหมอกจางน้ำค้างพรมบนใบเห็น
ไอแดดอุ่นยามสายให้คลายเย็น
คงเหลือเป็นเพียงภาพตราบเท่านาน
คงคิดถึงสายลมโหมแรงพัด
โบกสะบัดส่งเสียงสำเนียงขาน
ฝากสายลมผ่านป่าเอ่ยลาลาน
ฝากกับกานท์กลอนไว้ในกวี
ไม่ลืมวันเหนื่อยเหน็ดระเห็จหา
สิ่งงามตางามใจในแดนนี้
ความอ่อนล้าอ่อนแรงที่เคยมี
สายวารีไหลล้างให้จางไป
ไม่ลืมคืนนั่งหนาวดูดาวเด่น
ประกายเป็นระยับเหมือนจับได้
ฟังเพลงป่าบรรเลงครื้นเครงใจ
นั่งผิงไฟไออุ่นกรุ่นควันฟืน
ลาแล้วลาสนสามใบงามเด่น
ลาความเย็นยะเยือกจนเกินทนฝืน
ลาไปแล้วใช่ลาลับคงกลับคืน
ขึ้นมายืนอีกครั้งดังตั้งใจ.
29 มิถุนายน 2547 02:58 น.
ม.ปณิธาน
ภูสอยดาวดาวเด่นพราว
สุกใสสกาว
ระยิบระยับราตรี
สนสามใบมั่นคงมี
ตระหง่านงามดี
เป็นหลักปักฐานบนภู
ลมหนาวพัดผ่านยืนดู
หนาวเหน็บทุกอณู
ทั่วร่างสรรพางค์เกินทน
จันทร์สาดแสงส่องทั่วหน
ฟากฟ้าเบื้องบน
ลงสู่เบื้องล่างงามตา
มองผ่านความมืดในพนา
สูดกลิ่นไอป่า
เงายอดหญ้าพลิ้วปลิวปลาย
จดจำค่ำคืนไม่คลาย
เดือนดาวพร่างพราย
เรียงร้อยถ้อยคำเตือนตน.