23 มิถุนายน 2545 11:41 น.
ม้าก้านกล้วย
ครั้งมาเมืองชายแดนแผ่นดินตราด
ครั้นเมื่อพลาดหลงเพ้อละเมอถึง
คราวเมื่อพบสบพักตร์ตระหนักซึ้ง
คราเมื่อถึงเมืองตราดพิลาสบุรี
ต้องชะงักใจงงจนหลงไหล
ต้องเผลอใจรักใคร่ไม่อาจหนี
ต้องตะลึงพึงพิศอิถสตรี
ต้องฤดีต้องตากว่าแดนใด
สาวเอยสาวงามน้ำใจดี
ตรึงตราตราดนี้มิลืมได้
นางร่วมล่องแพขนพยนต์ใหญ่
ร่วมอาบไอวิไลในเกาะช้าง
เส้นทางลัดเลาะตามเกาะแก่ง
ทะเลครามเว้าแหว่งอยู่เบื้องล่าง
งามเจ้างามจนสองตามิกล้าวาง
เจ้างามอย่างหญิงสาวชาวทะเล
ผิวขำเนียนขลับรับเส้นผม
ตาคมหวามเอวองค์ทรงเสน่ห์
หอมกลิ่นเจ้าทวนลมจัดพัดใจเพ
จนรวนเรหลงไหลไม่รู้ตัว
ราวสาวตราดกวาดใจพี่ไปสิ้น
ราวยุพินกระชากใจไปจากขั้ว
คงจะลาจากไปได้เพียงตัว
เพราะใจมัวติดตามเจ้าเหมือนเงารัก
(ม้าก้านกล้วย)
17 มิถุนายน 2545 11:15 น.
ม้าก้านกล้วย
ความรักพาฉันมา
ไม่รู้ตัวหรอกว่าเริ่มเมื่อไหร่
ก็เพลินเพลินเลยเดินเรื่อยเรื่อยไป
ไม่รู้ใจว่าทำไมอยู่เหมือนกัน
มามองแค่หลังคา
ไม่รู้ตัวหรอกหนาคล้ายว่าฝัน
ยิ้มให้ฟ้าก็ดังว่ายิ้มให้กัน
แค่ยิงฟันกับรั้วบ้านปานว่าเจอ
เห็นโคมไฟที่หน้าประตูบ้าน
เห็นเป็นหน้าดวงมาลย์มายืนเหม่อ
เห็นเสาไฟคล้ายเจ้าฝืนยืนละเมอ
เห็นหน้าต่างง้างเผยอเหมือนเธอเชิญ
ไม่เห็นใครอีกแล้วในคืนนี้
ด้วยไมตรีปีนขึ้นไปไม่ขัดเขิน
ม่านแกว่งไกวเหมือนคว้าไขว่ให้เพลิดเพลิน
จึงย่องเดินบนบ้านเธอราวเหม่อลอย
ก็แค่มาเยี่ยมเยือน
หวังเป็นเพื่อนเสมือนมิตรคิดใช้สอย
ผ่านห้องนอนเตียงนาง รองร่างน้อย
ก็ปลดปล่อยใจไปคล้ายเคียงกัน
หัวเตียงตั้งเงินไว้สองแสน
ใจแม้นซื่อตระหนักรักมั่น
เชื่อว่าเธอจงใจให้เงินนั้น
จึงหยับมันกลับไปด้วยใจรัก
เพชรทองตั้งมากมาย
ขอหยิบฉวยด้วยหมายคงมั่นหนัก
ตุ้มหูงามเพชรล้อมหมู่ดูน่าลัก
เพราะพี่ภัก- ดีเจ้า จึงเอาไป
(ม้าก้านกล้วย)
14 มิถุนายน 2545 17:00 น.
ม้าก้านกล้วย
เหล่าเสืออาศัยในป่าลึก
ล้วนคึกหมายคุกคามตามวิสัย
หาเหยื่อโดยลอบล่าอาฆาตไล่
เพื่อจะได้มังสามากัดกิน
เสือหนึ่งพ่วงพีมีแรงกล้า
เที่ยวท่องหาอาหารในย่านถิ่น
มีเก้งกวางนานาให้หากิน
มีซากสินมากมายไม่ตรอมตรม
วันนี้จะจับกวางท่าทางโทน
ก็ผาดโผนกระโชกชักกระชั้นข่ม
ตะคอกครางขามขู่อยู่ครึกขรม
หมายจะล้มภักษามาลิ้มรส
กวางจึงกระโจนไปอย่างใจหวั่น
ดิ้นรนพลันตระหนกเต้นเป็นรันทด
บัดดลก็ลี้หายไปจนหมด
เสือจึงอดล่ากวางอย่างตั้งใจ
หมู่เสืออื่นนั้นมันโห่ฮา
ร้องว่าเสือเขลาไม่เอาไหน
แค่กวางธรรมดาล่าไม่ได้
แล้วจะเอาอะไรใส่ท้องกัน
เสือใหญ่จึงว่า ข้าลองเล่น
โดดเต้นไล่กวางอย่างขบขัน
มิได้หมายจริงจังตั้งใจมั่น
เสือมันล่ามิได้ไม่ตายนะ
แต่เจ้ากวางเหล่านั้นมันต้องหนี
สุดชีวี เต็มที่ ไม่มีละ
หากทำเล่นหวังโดนเข่นเป็นขยะ
ก็คงจะชีพวายกลายเป็นเนื้อ
เสือกับกวาง หวังผล คนละสิ่ง
เหมือนที่วิ่ง ความตั้งใจ ต่างไปเผื่อ
วิ่งเพียงหา อาหารเห็น เช่นอย่างเสือ
หรือวิ่งเพื่อ รอดชีวา ดังว่ากวาง
(ม่านแมกไม้)
12 มิถุนายน 2545 18:36 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนเหงา ยามฝนเศร้า สาดกระหน่ำ
ฟ้ามืดดำ ม่านหม่น จนใจหมอง
ละอองฝน ปนน้ำตา เปื้อนหน้านอง
ฟ้าร้อง แข่งใจโหย โรยระทม
กบเขียด ครางเคียง เสียงสะอื้น
เมฆทะมึน เหมือนมา พาใจขม
แมกไม้โยก โบกไกว ดั่งใจตรม
จนต้องก้ม หน้านิ่ง ยิ่งกว่าช้ำ
เพราะวันที่ พบรักหวาม ท่ามกลางฝน
เช่นได้ค้น พบวัน ปลื้มที่ดื่มด่ำ
ประคองคู่ เคี่ยงร่าง กลางฝนพรำ
และถ้อยคำ ที่พร่ำฝาก รักจากใจ
ถนอมรัก เฝ้าสนอง สองใจฝัน
ข้ามคืน ผ่านวัน อันแจ่มใส
ชวนชม ทิวา ประภารำไพ
แลนับดาว พราววิไล ในราตรี
จนเมื่อรัก กลับสลาย ในสายฝน
วันนั้นฝน หล่นหลั่ง อย่างคืนนี้
ต้องรับรู้ เรื่องราว ร้าวฤดี
เพราะเธอมี ฝันใหม่ กับใครอีกคน
ไม่เหลือแล้ว ทั้งใจ ไม่มีใครแล้ว
เหมือนแก้ว แตกสลาย กลางสายฝน
ไม่อาจรอง รับหยาดใส ใส่กมล
ด้วยหลั่งล้น ท่วมระทม จมน้ำตา
(ม้าก้านกล้วย)
9 มิถุนายน 2545 19:33 น.
ม้าก้านกล้วย
เจ้าเจียมใจ เจ้าไร้ค่า ประดับดิน
ไม่เคยหวัง ถวิล จะชมฟ้า
เพราะรู้ตัว เจ้าเป็น เช่นดอกหญ้า
ไม่เคยฝัน สูงกว่า พนาไพร
ลมรำเพย พัดมา เพียงโชยแผ่ว
กระทบดอก หญ้าแล้ว เจ้าหวิวไหว
ลมก็ยก ยอเยิน เพลินกระไร
จะพัดพา เจ้าไป ให้ลอยฟ้า
เพียงลมแผ่ว มิเพียงพอ จะสั่นคลอน
ให้ใจเจ้า โอนอ่อน ผ่อนผวา
ลมก็โหม ประโลมร่ำ คำนานา
จึงแกร่งเกลียว พายุมา พาเจ้าไป
เพราะแรงกล่อม แรงกล้า ของพายุ
เพราะมุ่งมุ มานะ จะผลักไส
เจ้าจึงหลุด สลัด พลัดขั้วใบ
ล่องลอยไกล ไปถึงดาว ที่เจ้าปอง
เจ้าสูงแล้ว ดอกหญ้า สูงกว่าดิน
เจ้าโบยบิน ล้ำฟ้า พาละล่อง
เจ้าเหลิงโรจน์ เริงไล่ ใจลำพอง
เจ้าลืมเผ่า พงผอง พสุธา
ไกลเหลือเกิน ที่เจ้า ไปจากดิน
แม้ลมสิ้น แรงประคอง ต้องจากฟ้า
ขอเจ้าจง ลงประทับ ประดับนา
เป็นดอกดิน ดอกหญ้า ควรค่าไพร
(ม้าก้านกล้วย)