17 มีนาคม 2545 17:02 น.
ม้าก้านกล้วย
หล่นละลิ่วลอยลมลงจากขั้ว
มาเกลือกกลั้วกราดกล่นบนดินด้าว
เมื่อลมแล้งพัดสะท้านผ่านหนหาว
คงถึงคราวผลัดใบไล่ชรา
เพราะร้อนรนดลใจในระแหง
ใบจึงแห้งกรอบเกรียมเตรียมถลา
ยอดยังหยุดชื่นชูรู้เวลา
แล้วโรยราร่วงละล่องต้องแรมร้าง
ผลัดเพื่อผลิพลัดพรากจากเพื่อเกิด
รอวสันต์อันจะเพลิดจะเพลินพร่าง
รอฝนใหม่ในวันพรุ่งวันรุ้งราง
เพื่อจะสร้างพงไพรให้เขียวคืน
จึงต้องยอมปลดปลงลงจากขั้ว
ยอมแลกตัวให้ต้นใหญ่ยังได้ชื่น
ยอมร่วงโรยโปรยปรายบนพ่ายพื้น
ยอมกล้ำกลืนสลัดใบไปตามลม
เป็นดุจคำภีร์ของชีวิต
ที่ลิขิตแทนคำพร่ำผสม
เก่าไปใหม่มาคือคารม
ยอมระทมแลกเถลิงระเริงสราญ
เคยพบเห็นสิ่งใหม่ใหม่มาไม่น้อย
ได้เรียงร้อยเรื่องราวมาเล่าขาน
ได้เก็บเกี่ยวเจนจบประสบการณ์
ได้ผันผ่านดีร้ายมากมายนัก
พลันชราเป็นได้เพียงใบแก่
รออยู่แค่คืนวันก้านนั้นหัก
โรยจากฟ้าลาจากต้นที่ตนรัก
ลงมาพักและสลายกลายเป็นดิน
(ม้าก้านกล้วย)
12 มีนาคม 2545 19:40 น.
ม้าก้านกล้วย
หนอนบุ้ง ขนคัน อันรุงรัง
เกาะกลุ่มรั้ง บนยอดไม้ ใต้ใบเขียว
ขยายย่าง ขยับขยุก ขนลุกเกรียว
แขยะเขี้ยว ขย้ำยอด กัดกรอดกิน
ขมวดมวน ม้วนใบ ด้วยไยยาว
ขนขาว หม่นเหลือบ เขมือบหมิ่น
ขม้ำเอา เขย่าขย่ม ตัดจมวิ่น
ใบบางบิ่น ขมีขมัน มันไม่เว้น
เกิดกับก้อน กระจุก ขยุกไข่
และโตใหญ่ เป็นหนอน แอบซ่อนเร้น
ธรรมชาติ สรรค์สร้าง อย่างที่เป็น
ใครที่เห็น ก็ถอยห่าง อย่างหวั่นกลัว
รังเกียจว่า หนอนตะกละ ขยะแขยง
ขยาดว่า ขนแข็ง กำแหงชั่ว
มีฤทธิ์คัน อันตราย ทำร้ายตัว
ยิ่งยุ่งเหยิง เยี้ยยั้ว น่ากลัวนัก
แล้ววัน ที่รอ ก็มาถึง
หนอนบุ้ง ซึ่งใครเดียด รังเกียจหนัก
จะห่อหุ้ม ร่างกาย ด้วยใยชัก
แล้วจะพัก ผาดแผลง เพื่อแปลงตน
กลับกลาย เป็นผีเสื้อ ปีกสวยงาม
บินตาม ตอมผกา น่าฉงน
เคยกัดกิน ยอดใบ ชอนไชชน
จนยอดหม่น ใบเกรียมกุด ดุจทำลาย
ครั้งเมื่อเป็น แมลงสวย เจ้าช่วยเหลือ
ได้กูลเกื้อ แพร่ผสม ผสานสาย
ผีเสื้อช่วย แพร่พันธุ์ อันมากมาย
ได้หลากหลาย เผ่าพืช ดาดดื่นดง
(ม้าก้านกล้วย)
10 มีนาคม 2545 19:40 น.
ม้าก้านกล้วย
ไทรงาม
ยืนต้นท่ามกลางพนามานานนัก
กิ่งที่ไกวลมโยกย้ายค้ายจะหัก
แต่ยังปักหลักปรังฝังรากราย
ใบอ่อนแทงยอดเรียวสีเขียวอ่อน
ใบแก่กร่อนกรอบแดงแห้งสลาย
ละล่องตามลมโรยดูโปรยปราย
ผสานสายรากย้อยห้อยระยาง
ไทรเอย
คงผ่านกาล ล่วงเลย ฤดูร้าง
นานกว่านับ เนื่องกว่าเนิ่น เกินกว่าอ้าง
หลายร้อยรุ้งรุ่งรางพาดขวางไพร
ต้นกว้างกว่าอ้อมแขน จะโอบออบ
เขตขอบกิ่งก้านสะท้านไหว
ยื่นยาวระย้าเกินกว่าไกล
ระบัดใบกว่าร้อยพันอันบดบัง
ไทรย้อย
คงมิเคยถูกปล่อยให้สิ้นหวัง
เพราะวิหคสกุณามารวมรัง
อาศัยใบบังร่มไทรพราง
ลูกไม้ได้เป็นอาหารนก
ลูกยิ่งดกยิ่งเซ็งแซ่แต่ฟ้าสาง
เหล่ารวงรังร้อยแหล่งจะแต่งวาง
เพื่อสานสร้างเผ่าพันธุ์บรรดานก
(ม้าก้านกล้วย)
9 มีนาคม 2545 18:28 น.
ม้าก้านกล้วย
กระหน่ำสิ่วลงลายในไม้สัก
แปงเพราะฮักเชิงสรรค์งานแห่งศิลป์
บ่ได้คิดเงินตราหรือหากิน
เพราะเฮายินดีจักสลักเสลา
เฮาเก็บงำไม้ซุงที่ทรุดโทรม
แกะเป็นช้างงาโง้มบนง่อนเหงา
แกะฝูงกวางลางลอยบนดอยเงา
สยายเขาสลางคมสรมคำ
เฮาบ่ใช่ผู้ก่นผู้โค่นป่า
เฮาฮักษาเศษซากถากกระหน่ำ
เอาท่อนไม้ตอเก่าเอามาทำ
ให้งามล้ำเลอค่ากว่าเศษไม้
เป็นสล่าแปงไม้บ่ใช่ยาก
ครั้นตัวหากเพียรยะก็จะได้
มาสืบสานประเวณีที่สูญไป
เปลวกนก ลายไท อย่าได้ลืม
กระหน่ำสิ่วลงลายให้อ่อนช้อย
บรรจงร้อยเรียงงานปานว่าปลื้ม
บรรจงซึ้งศิลป์สานปานด่ำดื่ม
บรรจงยืมท่าทางอย่างช่างครู
จากเศษตอพอตอกลอกสลัก
ราวจักหล่นฟ้าลงมาหรู
ค่าที่ด้อยกลับล้ำค่าว่าควรคู่
ไม้จึงดูสูงค่ายิ่งกว่าไม้
(ม้าก้านกล้วย)
8 มีนาคม 2545 16:04 น.
ม้าก้านกล้วย
เหลืองเจ้าเหลืองเรืองรองกว่าทองเหลือง
แลประเทืองทุ่งทองยามล่องแล้ง
ระย้าย้อยห้อยสลวยระรวยแรง
เป็นพุ่มแผงแพพอกเจ้าดอกคูณ
ยามที่เขียวพฤกษ์ไพรสลายลาง
เจ้ากลับกางช่อชูดูอบอุ่น
ชลอร้อนชรอนล้ามิอาดูร
คอยเพิ่มพูนทดแทนในแดนดง
ดอกที่สวยลออย้อยช่อสวย
งดงามด้วยโอฬารพาลจะหลง
ละลานตาละลานใจให้พะวง
งามเจ้าคงคุณค่าเกินกว่าคำ
มิอาจร่ายหมื่นพันอันจะเทียบ
มิอาจเปรียบเปรยไว้ให้ดื่มด่ำ
เพราะพร่างพราวกว่าพรรณาหามาพร่ำ
เพราะเลิศล้ำ วิไล เกินใดจะปาน
ธรรมชาติสร้างเจ้ามา คงค่าไพร
ยามที่แล้งเกินไปใจหยาบกร้าน
เจ้าจะชูช่ออ่อนรอนใจหาญ
จนสราญใจรมณ์ชมเจ้าเพลิน
เจ้าคือแหล่งอาศัยใช้ร่มเงา
ให้นกกามาเนาแทนเขาเขิน
ให้ภมรผึ้งป่ามาหยอกเอิน
แล้วเชิญชมชิมลิ้มเกสร
เหลืองเจ้าคูนดอกเหลืองเจ้าเรืองรอง
ค่าสูงยิ่งกว่าแท่งทองของหน้าร้อน
เป็นขวัญคู่อีสานกว่ากาลก่อน
ให้ดงดอน คงคูณ พูนพิไล
(ม้ากานกล้วย)