27 พฤศจิกายน 2545 08:19 น.
ม้าก้านกล้วย
ไม่ได้เจอะเจอกันนั้นเนิ่นนาน
เหมือนเส้นทางพบพานแล้วแยกย้าย
ร่วมสร้างฝันก่อนสัมพันธ์อันสลาย
ต้องกลับกลายเป็นศตรูรู้แก่ใจ
เกลอรักหล่อนหล่อนก็ใช่ดวงใจฉัน
รักพัวพันสามเส้าเข้าใจใหม
ลังเลแล้วหล่อนมิรู้จะคู่ใคร
ต้องฟาดฟันกันบรรลัยไปข้างนึง
จับมือกันอย่างมาตรชาตินักสู้
หล่อนจะอยู่คู่เคียงเพียงที่หนึ่ง
ผู้แพ้พ่ายต้องหลีกไปไม่ดันดึง
ผู้ที่ซึ่งสมใจได้สมปอง
แบทั้งสองมือเกลอมาเปิดเผย
มาได้เลยพร้อมไต่ถามความถูกต้อง
วัดชะตาชีวิตคิดประลอง
หวังรักเดียวเกี่ยวข้องลองวัดดวง
ยืนซึมยอมสยบหลบเลียแผล
เพราะพ่ายแพ้ด้อยกว่าไม่กล้าหวง
แตกกระจายตายทั้งยืนฝีนทั้งทรวง
เหมือโดนล้วงควักไส้ไปต้มยำ
คิดว่าเกลอต้องยื่นเป็นผืนผ้า
จึงทำท่าเป็นกรรไกรหมายขย้ำ
พลาดไปแล้วแพ้หมดท่าช่างน่าขำ
เกลอดันกำ มือเป็นค้อน อ่อนแรงเลย.
(ม้าก้านกล้วย)
27 พฤศจิกายน 2545 08:18 น.
ม้าก้านกล้วย
รวงทองข้าวตั้งท้องต้องรั้งรวง
เมล็ดหน่วงรวงหนักจักต้องเหนี่ยว
ลู่ลมหนาวเหน็บนามากราวเกรียว
รอแรงเคียวเกี่ยวตวัดและฝัดฟาง
ยามนี้ข้าวโค้มอ่อนลงรอนราบ
คำนับกราบแดดดลปรนเปรอสร้าง
ระลึกคุณน้ำบ่ามาเจือจาง
ดินก็ช่างกูลเกื้อช่วยเหลือกัน
เคารพส่งส่วยพระคุณพิรุณเทพ
โพสพเสพย์ฝนฝากจากสวรรค์
จนได้ธัญญาหารตระการนั้น
ได้แพร่พันธุ์ภาคภูมิใจได้รวงทอง
อ่อนน้อมเหมือนดังว่าจะลาล่วง
ถนอมรวงทำนุราวข้าวตั้งท้อง
ก็ก้านใบหลุบรกมาปกป้อง
เพื่อเผ่าผองพันธุ์ข้าวเจ้าสุกงาม
เมื่อนาโน้มก้มสาคารวะ
สุริยะยังมิพักชักรถข้าม
ตะวันยอมอ้อมข้าวราวเกรงขาม
มิคุกคามอร่ามให้ระคายเคือง
บัดนี้ก็คงได้แต่รอคอย
จะปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์อันหรูเหลือง
ไปหล่อเลี้ยงผู้ไผทในหมู่เมือง
ให้รุ่งเรืองรุดโรจน์โภชนา
ยามนี้ข้าวโค้มอ่อนลงรอนราบ
ข้าวยังกราบอ่อนอุกทุกทิศา
แล้วมีใครใดไหมในพารา
ที่บูชาเมล็ดข้าวที่เจ้ากิน
(ม้าก้านกล้วย)
21 พฤศจิกายน 2545 08:43 น.
ม้าก้านกล้วย
เมื่อแมกไม้ไม่มีมวลม่านเมฆ
แสงสาดสางสรวงเสกส่งแสบแสน
ระริกร้อนรุมเร้ารมเราแร้น
คุคั่งแค้นคลั่งคลายคุกคามคลอน
ชุ่มชื่นชุกโชกเชื้อชิงโชยชัก
ถั่งโถมถักถากไถถึงถ่ายถอน
วังเวงเว้าวอนวันวิงวอนว่อน
เจ้าจากจรจนใจเจียนจึงจดจำ
ลมแล้งไล่ลุกลามโลมไล้ล้อม
หยอกเย้าย้อมยั้งหยามยามหยุดย้ำ
หน่ายแหนงหนาวนางหนีนี้น้อมนำ
เครียดครวญคร่ำครุ่นค้างคิดครางคอย
โอ้อกเอ๋ยอกอันอ่อนอ้อนไออุ่น
นึกนำหนุนหนักแน่นในนวลน้อย
โอดอบอวลอ่อยอิ่งอิงเอนอ่อย
เบียดบ่อยบ่อยบดบายบ่บ่ายเบน
ไม่มีมิตรเมินหมางมามัวเมา
รักระรื่นหรือรักเราราวรี่เร้น
ตริตรึกตามไตร่ตรองต้องตื่นเต้น
แปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนปลงปล่อยไป
หลุดลอยแล้วลาลับลมแล้งล่อง
รับรักรองแรมร้างรางราไร้
เกลียดกลิ่นกรุ่นกลางกลุ่มก้อนก่อนแกล้งไกล
จึงจรใจจำจากเจ้าจึงจืดจาง
(ม้าก้านกล้วย)
กลอนกลบทนี้ ชื่อว่า เอกอักษร รายละเอียดแจ้งอยู่ในลีลากลอนแล้ว มิพักต้องสาธยาย
21 พฤศจิกายน 2545 08:39 น.
ม้าก้านกล้วย
ก็นับนานที่เติบใหญ่อยู่ในโลก
พบแล้วทั้งเรื่องโศกหรือสุขสม
ทั้งเก่งกาจผงาดและพลาดล้ม
ทั้งชื่นชมทั้งชิงชังช่างโชกโชน
โลกที่มีมุมมองตั้งมากมาย
ได้ดีร้ายพลิกแพลงแผลงผาดโผน
ได้ดุดันกริ้วกะล่อนและอ่อนโยน
เคยทั้งโดนบูชาและด่าทอ
คงจะเช่นใครใครอีกหลายคน
ได้ขุดค้นเรื่อยไปมิได้ท้อ
ยังไม่ซึ้งสัจจธรรมคำว่าพอ
เลยต้องต่อสู้อยู่มิรู้ร้าง
ประสบการณ์หากปล่อยให้ลอยล่อง
ก็คงต้องเสียดายหลายหลายอย่าง
จึงขอเอาชีวิตลิขิตวาง
วงแนวทางแนวคิดชีวิตใด
จะจารึกโลกไว้ในบทกลอน
จะวิงวอนด้วยกวีนี้ว่าไว้
จะเล่าร้อยเรื่องความตามเป็นไป
จะเลื่อนไหลด้วยสัมผัสจัดบรรจง
เพื่อจารึกเพื่อปรากฏบทลิขิต
ไว้เตือนจิตยามใครจะไหลหลง
ไว้ฉุดรั้งยั้งใจให้พะวง
ไม่ให้ตกต่ำลงกว่าที่เป็น
(ม้าก้านกล้วย)
11 พฤศจิกายน 2545 15:31 น.
ม้าก้านกล้วย
โอ นี่ฉันฝันไปหรือไรหนอ
มาอยู่ต่อหน้าดาวเจ้าสูงส่ง
ละลาจากวิมานฟ้ามาแดนดง
ด้วยจำนงค์แน่วนักด้วยรักจริง
ยืนตะลึงตรึงกายไม่กล้าคว้า
เหมือนโลกเหมือนเวลาจะหยุดนิ่ง
อยากประคองดาวมาแนบมาแอบอิง
กลัวทุกสิ่งเป็นภาพลวงห่วงเหลือเกิน
ตีอกชกหัวพัลวัน
กลัวว่าฝันจึงงงงันกลั้นสะเทิ้น
กัดเม้มริมฝีปากอยากบอกเชิญ
แต่ขัดเขินไม่เคย เลยนิ่งเสีย
ไม่รับรู้แล้วว่าผ่านนานแค่ไหน
ลืมหายใจจะยืนยั้งยังอ่อนเปลี้ย
อยากกระโจนไปกอดเจ้าคลอเคล้าเคลีย
ต้องละเหี่ยด้วยว่าไม่กล้าพอ
ใคร่จะลอบสูดดมเรือนผมนาง
กลิ่นนวลปรางหอมละไมหรือไม่หนอ
แม้นได้ไออุ่นดาวพราวละออ
จะไม่ขอร้องอะไรในชาตินี้
ขัดเขินมันเขินขัดมันขัดเขิน
จะเชื้อเชิญออกไปเหมือนใจพี่
ก็อึกอักตะกุกตะกักหนักฤดี
เหมือนว่ามีก้อนตะกรุดมาอุดตัน
จะเอ่ยก็อ้ำอึ้งจึงติดอ่าง
แขนขาเก้งก้างก็กางกั้น
หันรีหันขวางอยู่อย่างนั้น
มือไม้ไพล่พันกันวุ่นวาย
ก็รักนะทรวงรักหนักเต็มอก
แต้จะยกเอ่ยอ้างอย่างไรได้
จะอ้าปากยังยากแทบอยากตาย
แล้วสุดท้าย รวมความกล้า เอ่ยว่า . เอ้อ . . .
เอ่อ . . . ทานข้าวหรือยังครับ เอ่อ วันนี้ อากาศดี นะครับ เอ่อ . . . แหม เอ่อ