17 ธันวาคม 2544 00:43 น.
ม้าก้านกล้วย
สวัสดีค่ะพี่ศิราณีขา
หนูขอถามปัญหารักสักหน่อย
หนูชื่อจ.สวยสง่า ปัญญาน้อย
ขอถามถ้อยรักใคร่ไม่ลงตัว
มีพี่ อ. มาแอบชอบชื่นชมหนู
เป็นคนวู่ วามนักรักไปทั่ว
ชอบจะรั้น ชอบจะฝัน ชอบพันพัว
หนูจะกลัว หรือจะรัก ชักลังเล
แล้วยังมี พี่ ส. ขอเป็นคู่
เขาชอบอยู่ นิ่ง เฉย เชยปนเท่
ชอบทำขรึมชอบคำนวนชวนคะเน
ใจหนูเขว เลือกไม่ได้ ใจไม่ปลง
จะรัก อ. หรือ ส. ดีล่ะพี่
ช้ำฤดี คิดไม่ได้กลัวใจหลง
เลือกเฉยเฉยหรือดื้อรั้น มันงันงง
ช่วยตกลงใจให้ที นะพี่นะ
ตอบน้องจ. จิตใจ ใช่หรือเปล่า
พี่ขอเอา น้ำคำวางมากางกะ
ตามเหตุผลหลักธรรมตามคำพระ
ขอให้ละ เลิก อ. เลือก ส. เลย
อ. อารมณ์ ขุ่นหมอง ไม่ตรองตรึก
คิดไม่ลึก ซึ้งความตามเฉลย
ส.สติ สิดี ตามที่เอ่ย
ใครจะเคย ใช้อารมณ์ ข่มปัญญา
อารมณ์ มักไม่คิด ชีวิตคว่ำ
สตินำแน่วแน่ แก้ปัญหา
คิดให้มาก ก่อนยิ่งดี จะมีค่า
ปัญญาพาจิตใจให้ร่มเย็น
หากจะเพิ่มคบเพื่อนให้เตือนย้ำ
ล.โลภะ จะทำชีวิตเข็ญ
ม.โมหะ คบใครใจลำเค็ญ
ท.โทสะเป็นมิตรร้าย ไม่ให้คบ
สุดท้ายของคำตอบตามตรรกะ
จะชนะศตรูร้ายจะพ่ายหลบ
ต้องมี ป.ปรองดองครรลองครบ
หนูจะพบแต่ไมตรี ชีวีเจริญ
-------ม้าก้านกล้วย--------
14 ธันวาคม 2544 21:21 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนนี้คืนหนาวดาวลอยสูง
พ่อจูงลูกชายไปเริงร่า
ทุ่งว่างเวิ้งไกลสุดสายตา
ชายป่าเบื้องหน้าเพียงเงาราง
พ่อนั่งพักลูกหนุนตักนอนเขนก
ลูกยังเล็กตัวจ้อยคอยพ่อว่าง
คืนนี้มีเวลาฟ้าสว่าง
จันทร์กระจ่างกลางฟ้าจ้าแสงทอง
นอนฟังพ่อเล่านิทานตำนานดาว
แสงแววขาวดาวนายพรานนั่นแมงป่อง
นี่ดาวสิง ดาวหมี พ่วงพีลำพอง
ที่ลูกจ้อง ดาวลูกไก่ ใกล้ดาวปลา
ดาวสิบสองนักษัตรผลัดกันขึ้น
พอดึกดื่นดาวจรเข้ หันเหฟ้า
ยามค่ำโผล่แต่หัวตัวขึ้นมา
พอเวลาใกล้สว่างเอาหางนำ
คืนนี้ วิเศษ จริงจริงเหวย
ไม่เคย เห็นพ่อ พนอพร่ำ
เล่าเรื่องราว ด้วยรัก แนะชักนำ
ยุงร่ำร่ำ ทำท่ากัด ก็ปัดไล่
ลูกรับรู้ใจรักจากใจพ่อ
ร้องขอให้ดาราบนฟ้าไสว
หยุดเวลานานนานอย่าผ่านไป
อยากให้พ่อสบายใจได้เช่นนี้
พ่อเหนื่อยแค่ไหนไม่เคยบ่น
เฝ้าปรนนิบัติทำตามหน้าที่
แอบเห็นพ่อทดท้อก็หลายที
วันดีดีไม่ค่อยมีให้ได้เจอ
รู้อย่างนี้ ลูกสัญญา นะพ่อนะ
ว่าลูกจะเชื่อฟังคำพ่อเสมอ
ลูกจะไม่ดื้อ ไม่ซนซ้ำ ซุ่มซ่ามเซ่อ
ไม่ละเมอ เมามั่ว สิ่งชั่วช้า
------(ม้าก้านกล้วย)------
13 ธันวาคม 2544 21:36 น.
ม้าก้านกล้วย
จาบคาคู่สุดท้ายในทุ่งกว้าง
สร้างรังหวังว่าจะสุขสันต์
เจ้าตัวผู้เก็บหญ้าเอามาพัน
ตัวเมียนั้นถักสานวิมานฟาง
แรงน้อยน้อยค่อยค่อยก่อเป็นคอขวด
เป็นโพรงพรวดที่วางไข่มิได้กว้าง
สานสวยเกี่ยวใส่สอดไส้กลาง
รุ้งรางหลายเช้าเจ้าตั้งใจ
จากปลายกิ่งเพกาหน้าสระน้ำ
เดือนสามลมแล้งรุนแรงไล่
ยอดโยกเจ้าขืนข่มแรงลมไกว
ชอนไชเชือกเช่นเส้นฟางฟอน
ช่วยกันเพียงสองชีวิตสู้
อดสูผอมโซโต้ลมร้อน
หิวเหนื่อยก็ล่าไปหาหนอน
ซุกไซร้ซ้อนเกี้ยวกันบ้างสร้างแรงใจ
จนเดือนหกฝนสั่งรังเจ้าเสร็จ
ป้องสะเก็ดฝนเข้าเจ้าวางไข่
ตัวพ่อคอยป้องคุ้มอย่างภูมิใจ
รอลูกน้อยชีวิตใหม่เติบใหญ่มา
เจ้าทั้งคู่บุญปลูกลูกของพ่อ
ตั้งตารอให้เติบใหญ่ในภายหน้า
เป็นทายาท ทารก นกจาบคา
หวังเพียงว่าจะเผยแผ่แพร่เผ่าพันธุ์
หน้าฝนฟ้า ชาวนา มาหว่านไถ
มองไปเห็นรังสวยฉวยหุนหัน
เก็บรังฟางไปผูกไว้ใต้จันทัน
นกมันจะเป็นจะตายไม่รับรู้
นกจาบคาคู่สุดท้ายในทุ่งร้าง
อ้างว้างใจสลายไร้แรงสู้
เขาพรากลูกไปไกลได้แต่ดู
อดสูโชคชะตาล้าลำเค็ญ
------ ม้าก้านกล้วย---------
13 ธันวาคม 2544 21:36 น.
ม้าก้านกล้วย
แสงสุรีย์สีทองมองไสว
ยังหมองไปยามไล้ผิวกายเจ้า
ลมรำเพยหอมประทินกลิ่นเบาเบา
ก็อับเฉายามประชันรัญจวนนาง
ผกาสวยทั้งสามภพครบถ้วนแล้ว
ยังพ่ายแววเรียวปากโลมโฉมสล้าง
นวลโสมนวลสวยสรรจันทร์กระจ่าง
แค่นวลปรางเฉิดฉายก็อายเอิน
ตาเนื้อทรายสวยด้วยสมทรง
มิอาจส่งแววแข่งด้วยแรงเขิน
แววเนตรนงรามงามเหลือนเกิน
ดังเช่นเชิญ มณีลอย พลอยพิไล
ลำหับ - รจนาลือว่าเลอ
พบเธอต้องคงต้องนั่งร้องให้
เตียวเซี่ยน ไซซี ที่ใครใคร
ยกว่างาม เกินใครใครยังพ่ายน้อง
กิ่งหลิวก้านเรียวเพรียวสลวย
ยังขวยยามเธอเพลินเดินทอดน่อง
นวลว่านวลเนื้อเนียนลำเทียนทอง
ยังมิผ่อง เท่ากนก ดรรชนี
ไม่หวังจะได้ชมจะได้เชย
จึงเฉยเฉยไม่ฝันไปไกลกว่านี้
งามเจ้างามเกินไป เกินใจพี่
รู้ตัวดีว่าฝันไกลเกินไปแล้ว
12 ธันวาคม 2544 20:38 น.
ม้าก้านกล้วย
เจ้าหมาป่า ลาจร ดอนลำดวน
ต้านระทม ลมหวล ทวนลมหนาว
หลากละลาน กร้านใน ฤทัยร้าว
สุดจะเหงา จำลา มาร้างเรือน
เดินดงเรื่อยมาหาแหล่งนอน
เหนื่อยแรงอ่อนทดท้อเพราะไร้เพื่อน
ขาดคู่ใจ ในพนา ชะตาเตือน
จนได้เยือนหยุด ณ ถิ่น มอดินแดง
ป่าคูณดอกเหลืองหรูดูร่มรื่น
พักสักตื่นพอเริงร่าน้ำตาแห้ง
จะค่อยคล้อยคลาไปเมื่อได้แรง
พอรุ่งแจ้งวันใหม่ก็ไปแล้ว
ยังมีหมู่มดดำประจำดง
เห็นหมาป่าแปลกพงบรรจงแผ่ว
เกิดศรัทธาเลื่อมใส ใจแน่แน่ว
ปรึกษาแล้ววอนขอร้องต่อฟ้า
ด้วยบุญดล กุศลส่ง จงเสกสั่ง
บันดาลตั้งพรชัย ให้หมาป่า
เป็นครูสอนปัดเขลาเบาปัญญา
เก่งวิชารักษาตนฝึกฝนกาย
เปิดสำนักตักศิลาว่าด้วยศาสตร์
วิชาปราชญ์เวชศาสตร์ราษฎร์ทั้งหลาย
ล้วนล่ำลืออื้อสลอนขจรขจาย
ต่างมุ่งหมายพบหมอเพื่อขอยา
หมาป่าเจ้าหมายใจพเนจร
กลับยอมอ่อนใจประจำทำการกล้า
เป็นแพทย์ใหญ่เชี่ยวชาญการรักษา
แต่ใจล้า คิดถึงถิ่นแผ่นดินเนาว์
ได้แต่พร่ำลำนำกลอนกวี
ปลอบใจที่ห่างบ้านห่างเรือนเหย้า
นึกถึงคืน คิดถึงฝันวันเก่าเก่า
จึงขอเอาเพียงเพลงบรรเลงระบาย
-------ม้าก้านกล้วย----------