ริ้นริ้น พิลาป ร่ำ ใยฤาเจ้า สะอื้นเศร้าโศกใด ขอให้เฉลย อกนี้ อุ่นนี้ พี่มิเคย สุดฤทัยให้เชย ให้ชิดชม หวานเจ้าหวาน รำพัน หรรษาสุข อ้อนซุก อกขลุก ปลุกเสพสม ช้อนเอวองค์อ่อน รอนอารมณ์ เนินพนมปทุมนางช่างยวนเย้า อิงแอบไออุ่นละมุนละม่อม จุมพิตถนอม ปรางน้อง ละอองเฉลา ประโลมโนมนวลเกลี้ยงเพียงแผ่วเบา ประเทียบเนาว์ประทับนัยแม้วายวาง ปะทะถากผากผาชะง้าเงื้อม ละลิ่วเลื่อมละโลดล่องผ่องสล้าง ซุกไซร้แทรกชำแรกเบิกเพิกไพรพราง เคว้งคว้าง เลื่อนรุดฉุดประดี พายุคลั่งตั้งเค้าเข้าโพยพัด ลมตระบัดฟาดโหมโถมเต็มที่ แทบถลาล้มทรุดหลุดชีวี ตั้งใจเข้มเต็มที่จะโบกบิน มั่นใจเรียมเถิดเจ้าเฝ้าตระกอง ปกป้องน้องข้ามสีทันดรสิ้น สู่ทิพยละหานวิมานอินทร์ ไปพบจินตนาการอันหวานล้ำ หลับเถิดอ้อมกอดพี่คืนนี้จะป้อง คอยปลอบน้องปลาบปลื้มจนดื่มด่ำ จะขับกล่อมบรรเลง เพลงลำนำ พูดซ้ำซ้ำจากใจรักจากใจจริง -------(ม้าก้านกล้วย)---------------
ค่ำแล้ว คืนนี้ คืนที่หวาน เสร็จจากงานเหนื่อยกร้านสักเพียงไหน เพียงได้คุยกับจอมขวัญ ตื้นตันใจ ได้นั่งใกล้ ได้หยอกเอิน เพลินฤดี ชาวบ้านนาอย่างอ้าย บ่ได้วาดหวัง จะมีสินมั่งคั่ง ดั่งเศรษฐี รวยมั่งอดมั่งประทังชีวี พอได้มี เงินสินสอด จะกอดจอง อ้ายมาเอิ้น ดีดซึง เล่นแคนซอ เป่าหลอดอ้อ เป็นเพลงรัก ตระหนักสนอง ตระเวนแอ่ว ลงข่วง หาปวงผู้ปอง มาหยุดที่น้อง เจ้านี้ ที่อ้ายรัก เจ้าทอผ้า ผืนสวย เกล้ามวยผม ตาคม ผิวนวล หอมหวลยิ่งนัก จ่ายผญา แจกไป ศรใจจะปัก น้องก็ตัก น้ำใส ส่งให้เฮา นางเอยสาว งามขนาด ปานวาดแต้ม คือจันทร์แย้ม ปานจัก สลักเสลา เพียงเห็นหน้า ดั่งบ้า เหมือนว่าเมา หลงรักเจ้า หมดใจแน่ แต่แรกเจอ สัญญา ปีนี้ จะแข็งขัน เพียรหมั่นเก็บเงินไม่เพลินไม่เผลอ ปีหน้าจะหอบ ทองเต็มขัน ไปหมั้นเธอ รออ้ายเด้อ น้องสาวหล้า จะมาดอง - - - (ม้าก้านกล้วย) - - -
(กลอนเก้า) จริงหรือเปล่านะ เขาว่าพระพรหม ส่งกามเทพ ท่าน ลงมาบันดาลใจคนให้รักกัน ลงมาบันดาลฝันให้โลกวิไล แล้วท่านใยทำไม ไม่มาแถวนี้ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ตรงไหน รักของเราเขาถึงเฉยผ่านเลยไป รักของเราเขาถึงไม่สนใจใยดี หรือว่า กามเทพ หลงเริงโลกกว้าง ที่วิจิตรพิศสล้างพร่างฉวี เหตุคงเพราะโลกวิไลเกินไปล่ะซี กามเทพหลงแสงสีฤดีระเริง หรือว่าศรศิลป์ที่ท่านเคยใช้ เกิดขาดตลาดไป ไม่ใช่จะเหลิง แหล่งผลิตโดนระเบิดกระเจิดกระเจิง สงสัยเพิ่งกักตุน จึงหมุนไม่ทัน หรือว่ากามเทพ องค์นี้มือใหม่ ขาดความชำนาญนัย ไม่ค่อยขยัน แอบไปหลบไปนอน พักผ่อนกลางวัน จึงไม่มาพาฉัน สมฝันสมรัก ไม่เอาแล้ว ไม่ขอ ไม่รอท่านแล้ว ประท้วงท้าตั้งแถว เป็นปฏิปักษ์ ปิดถนน ตั้งข้อเรียกร้องข้องรัก ถ้าไม่มาทัก ทายกัน กลับบ้านไปเลย จะไม่รอโชคช่วย อำนวยให้สม จะไม่ยอมระทม นั่งตรมเฉยเฉย ถ้าสนใจใคร จะตั้งใจเข้าไปทักเลย แล้วจะเอื้อนเอ่ยคำรักจากใจ ออกไปพลัน จะสมหรือจะทรุดฉุดรั้งไม่อยู่ ก็ให้ได้รู้ ว่าเรา ทำเองทั้งนั้น จะได้ไม่ท้อ ไม่ว่า ชะตากีดกั้น เพราะเป็นที่เราเองนั้น บันดาลให้เป็น /--(ม้าก้านกล้วย)------
จะร่ายลิลิตบรรเลง อ่านโองโคลงเพลง ประโดกประโดยโอยอวย สอนน้องเขียนกลอนวอนช่วย ตามคำอำนวย ว่าด้วยโหราพยากรณ์ อันสิทธิการิยา สุธรรมมะตา โบราณว่ามาแต่ก่อน ทำนายตามบทตามกลอน ท่านว่าท่านสอน ดูคนดูที่โวหาร นิสัยผิวสันดาน เขียนโคลงโองการ ก็ได้ดั่งใจให้เป็น ผู้แรกเขียนกลอนโคลงเค้น วรรคคำจำเป็น สัมผัสจัดลงตรงตัว ตามฉันทวิธีทั่ว กาพย์กลอนย้อนยั่ว ทำนายให้ดั่งใจนึก ทายว่าเป็นคนตรองตรึก ดังเช่นวฤก เห่าหอนโวหารโหยหวน เป็นคนเจ้าหลักการล้วน นักปราชญ์ถี่ถ้วน สมควรนั่งท่าว่าเมือง ผู้สองโวหารฟุ้งเฟื่อง ไม่ลงวรรคเรื่อง คำเขื่องต่อว่าท้าทาย เสียดสีอารมณ์คมร้าย ดูเหมือนดังไม้ เก็ดร่ายโวยวายว้าวุ่น ทายว่าอารมณ์หมกมุ่น มองโลกโศกขุ่น ขาดความอบอุ่นในใจ เหมือนคนชราล้าไร้ ลูกหลานห่างไกล ระบายลงในคำกลอน ผู้สามลำนำเว้าวอน เสียงสอดออดอ้อน เหมือนตอนอกหักรักห่าง เปรียบมโนทำนำทาง แลดูอ้างว้าง สิ้นทางจะเยียวยาไข้ ทายว่าเป็นคนอ่อนไหว ทุกข์ขมตรมไหม้ อ่อนอกอ่อนใจรำพัน จะง้อจะงอนจะงัน อึดอัดขัดขั้น ตัดตันสินใจไม่ลง ผู้สี่มิเล่าเรื่องรัก ลุ่มหลงปลงนัก แต่มักเริงร่ายลุ่มหลง อ้างฟ้าอ้างดินดาวดง อ้างจันราทรง กลดกลางคัคนัมพร ทายว่าเชี่ยวชาญบัญชร เป็นครูผู้สอน ผู้ให้ในทุกทิศา ชำนาญเชิงชาญนานา เจ้าชู้ผู้กล้า มักมีภรรยามากมาย ผู้ห้าเก่งกล้าท้าทาย ด่าโลกเรียงราย เขียนกลอนด้วยร่ายลหุ ธนรัฐซัดประทุ กักกั้นชันชุ ระอุระอาคารม ทายว่าเป็นคนอกตรม หมองไหม้ไส้ขม ปากกับใจไม่ตรงตาม เป็นคนที่โดนมองข้าม ขัดข้องต้องห้าม มักถูกห้ามปรามเรื่อยไป ผู้หกเขียนกลอนขำขัน สนุกได้ทั้งวัน มุ่งมั่นเล่าฝันแสนไกล มีหวังตั้งอยู่ในใจ อารมณ์สดใส คล้ายดังผีเสื้อปีกสวย ทายว่าเป็นคนสำรวย คิดอ่านฉาบฉวย ด้วยมองโลกในแง่ดี ไม่จริงไม่จังชีวี ทดท้อพอที มิบากบั่นบุกเบิกงานพยากรณ์นี้ มิได้ใช่เช่น ว่าให้ดูเป็น ฤาให้เห็นดี แต่จารลำนำ เพราะทำฉะนี้ เป็นหลักวิธี การเรียนเขียนกลอน ให้รู้ดูเอา เขาบอกเขาสอน นักเขียนเข้าซ่อน ลีลาไว้ใน แต่ละนายนาม ทำตามเงื่อนไข ตั้งจิตคิดไว้ เขียนอย่างไรกัน จากนั้นจึงร่าย เขียนได้ตามนั้น ทุกบททุกบรรณ จึงได้ดั่งจินต์ ร้อยพันบทเติม เช่นเดิมทั้งสิ้น เขียนเป็นนิจสิน รู้สิ้นถ้วนทาง -(ม้าก้านกล้วย)-
นั่งใจเหงา หดหู่ อยู่ในบ้าน ลูกหลาน หายหน้า มาเหินห่าง พ่อกับแม่ แก่เฒ่า เหงาอ้างว้าง อยู่อย่าง ห่อเหี่ยว เปล่าเปลี่ยวใจ วันแม่ แม่เจ้า ก็เฝ้าแต่ ชะเง้อชะแง้ รอลูกว่า จะมาเมื่อไหร่ ไม่พลั้งไม่เผลอ เหม่อแล แม้เงาไกลไกล จนสิ้นวัน ผ่านไป ก็ไม่เห็นมา วันพ่อ ในมุมมอง ของผู้พ่อ กรยอ ขอสรรเสริญ ชนม์พรรษา ก็แค่วันนี้ วันที่ ห้าธันวา ก็แค่รู้ว่า วันพ่อหลวง ของปวงชนไท แต่พ่อคนนี้ คิดถึงเจ้า เท่าชีวิต ไม่ได้คิด ว่าวันนั้น จะเป็นวันไหน พ่อห่วงลูก ร้อนหรือหนาว เจ้าทำอะไร เหนื่อยไหม ท้อมั้ย ไม่ได้ข่าวดี พวกเจ้า เติบใหญ่ ในวัยฉกรรจ์ ล้วนทำงาน กันทั้งนั้น ในวันนี้ จะอย่างไร ยังเป็นลูก ของพ่ออยู่ดี หวังใจ ตั้งฤดี ให้ลูกก้าวไกล แม้ไม่สอน ก็เคยนำ ให้ทำตาม คอยห้ามปราม เรื่องเลวร้าย ไม่กรายใกล้ ผิดชอบชั่วดี ตอกย้ำ ให้จำไว้ เมื่อเจ้าได้ ดีกว่าพ่อ พอใจแล้ว ---(ม้าก้านกล้วย)-----