15 กันยายน 2547 01:59 น.

จันทร์ลวง (กลอนกล มัดหญ้า ผูกพยนต์)

ม้าก้านกล้วย


๑
หลงจันทร์อันกระจ่าง
เด่นกลางนภาสวย
เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย
โสมช่วย รตีสาง

ห่างไกลใคร รึ รู้
โฉมตรูดูสว่าง
เล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง
ไหววาง ณ กลางฟ้า

ใช่แสงแห่งอนงค์
ยวนหลงองค์สง่า
แฝงแสงสุริยา
ส่งมาสะท้อนนวล

เปรียบเช่นจะเล่นเงา
ฉวยเอากระเซ้าสรวล
ทรงกลดสลดรวน
จิตครวญล้วนรูปทอง

กี่ใคร นะได้คิด
พลั้งจิตติดสนอง
เจ้าจันทร์พลันลำพอง
ผยองคะนองหาว

ควรแค่ นพเคราะห์
ฤาเหมาะจะเกราะกร้าว
ด้อยค่ากว่าแม้ดาว
แสงขาวก็แสงตน



๒
คิดขวยหลงจันทร์อันกระจ่าง 		
แลสล้างเด่นกลางนภาสวย		
งามนัก เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย	
กลางอัมพรโสมช่วย รตีสาง		

กลกระจ่างห่างไกลใคร รึ รู้		
เสมือนว่าโฉมตรูดูสว่าง			
คลี่ขยายเล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง	
กลไกไหววาง ณ กลางฟ้า		

แสร้งว่าใช่แสงแห่งอนงค์		
ไห้หวนยวนหลงองค์สง่า		
กลับแกล้งแฝงแสงสุริยา			
สาดส่อง  ส่งมาสะท้อนนวล		

เย้ายวนเปรียบเช่นจะเล่นเงา		
เรียกร้องฉวยเอากระเซ้าสรวล		
ปล่อยปลดทรงกลดสลดรวน		
ร้อยฤทธิ์จิตครวญล้วนรูปทอง		

โปรดตรองกี่ใคร นะได้คิด			
ปวดร้าวพลั้งจิตติดสนอง		
หลงเงาเจ้าจันทร์พลันลำพอง		
แสดงตน ผยองคะนองหาว
		
คู่คราวควรแค่ นพเคราะห์		
ดิ่งดลฤาเหมาะก็เพราะกร้าว		
ผู้น้อยด้อยค่ากว่าแม้ดาว		
สว่างแรงแสงขาวก็แสงตน		





๓
หลงจันทร์อันกระจ่าง . . . . . . . คิดขวย
เด่นกลางนภาสวย. . . . . . . แลสล้าง
เพ็ญพักตร์ลักษณ์สำรวย. . . . . . .  งามนัก นอแข
โสมช่วย รตีสาง. . . . . . . กลางอัมพร

ห่างไกลใคร รึ รู้. . . . . . . กลกระจ่าง
โฉมตรูดูสว่าง	. . . . . . . เสมือนว่า
เล่ห์คลุม เพราะหลุมพราง. . . . . . . คลี่ขยาย
ไหววาง ณ กลางฟ้า. . . . . . . กลไก

ใช่แสงแห่งอนงค์. . . . . . . แสร้งว่า
ยวนหลงองค์สง่า. . . . . . . ไห้หวน
แฝงแสงสุริยา	. . . . . . . กลับแกล้ง
ส่งมาสะท้อนนวล. . . . . . . สาดส่อง  สว่างพราย

เปรียบเช่นจะเล่นเงา. . . . . . . เย้ายวน
ฉวยเอากระเซ้าสรวล. . . . . . . เรียกร้อง
ทรงกลดสลดรวน. . . . . . . ปล่อยปลด
จิตครวญล้วนรูปทอง. . . . . . . ร้อยฤทธิ์

กี่ใคร นะได้คิด. . . . . . . โปรดตรอง
พลั้งจิตติดสนอง. . . . . . . ปวดร้าว
เจ้าจันทร์พลันลำพอง. . . . . . . หลงเงา
ผยองคะนองหาว. . . . . . . แสดงตน สว่างวาว

ควรแค่ นพเคราะห์. . . . . . . คู่คราว
ฤาเหมาะก็เพราะกร้าว. . . . . . . ดิ่งดล
ด้อยค่ากว่าแม้ดาว. . . . . . . ผู้น้อย
แสงขาวก็แสงตน. . . . . . . สว่างแรง



มัดหญ้าผูกหนึ่งผู้. . . . . . .  พยนต์
กลตั้งเป็นตัวตน. . . . . . .  ขันธ์ห้า
กลสองส่อไส้ปน. . . . . . .  มรรคแปด
กลครบจบจึงว่า. . . . . . .  สุภาพ สดับเสียง

(ม้าก้านกล้วย)				
11 สิงหาคม 2547 17:14 น.

นิทาน พื้นถนน รถยนต์ และ แม่กา

ม้าก้านกล้วย

มา จะกล่าว เรื่องราว ที่เล่าสู่
ถึงหนึ่งผู้ ประมาท ผู้พลาดพลั้ง
เผลอละโมบ โลภปลื้ม ลืมระวัง
จนต้องฝัง ร่างลง ตรงสิ้นใจ
โอ้ เอ๋ย แม่กา เจ้าหากิน
เจ้าโบยบิน โผลง ตรงทางใหญ่
มีซากศพ กลบดิน ด้วยสิ้นใจ
ทิ้งไว้ ไร้ผู้ จะดูแล
หนังเนื้อกรังกรัด อัดกันแน่น
ผืนแผ่น แบน ตะแร๊ด แต๊ด แต๋
ชุ่มเลือด เหือดย้อย ลอยเป็นแพ
เหลือไว้แค่ กลุ่นฉุน และฝุ่นควัน
เจ้ากาแก่ แม่ลูกอ่อน ขย้อนเหยื่อ
ให้พอเผื่อ ลูกเจ้ามาก จึงบากบั่น
เนื้อหนัง มังสา หามานั้น
แบ่งปัน หลายชีวิต ติดพันธะ
จิกแซะ แทะทึ้ง ดึงกระชาก
ลอกลาก เคี้ยวคาย หงายผงะ 
กระชั้นฉาก กระชากฉวย ด้วยมานะ
ตะกรุมตะกละ คุ้นเคย เลยลืมตน
โอ้ เอ๋ย แม่กา น่าเศร้าใจ
เจ้าคือศพต่อไป ในถนน
เส้นทางที่สร้างไว้ให้รถยนต์
กระชากชน กระโชกชีพ ด้วยรีบร้อน
ซากร่าง กรังรอ ผู้ต่อไป
ถนนใหม่ ย้ำยอก ยังหลอกหลอน
ศพที่ถูกรถชนบนทางจร
เชิงตะกอน ยางมะตอย ร้อยชีวิต
(ม้าก้านกล้วย)				
10 สิงหาคม 2547 20:10 น.

จากวันนั้น

ม้าก้านกล้วย

จากวันนั้น นับวันนี้   กี่ปีแล้ว
รุ้งเผยแวว  แล้วสลาย  กระจายเกลื่อน
ความรัก....หวัง......วันข้างหน้า....เริ่มพร่าเลือน.......
กลับกลบเกลื่อนกลางกมล ปนน้ำตา
จากรอยเจ็บ เหน็บลึก รู้สึกช้ำ
เข้าครอบงำ เงาหมอง ต้องโหยหา
ความหม่นหมาง เมินเฉย เหมือนเอ่ยลา
ช่างชินชา ช่ำชอง ครองแต่ช้ำ
คิดถึงวัน รุ้งราง ระหว่างใจ
คิดถึงใคร คนก่อน รอนระส่ำ
คิดถึงทาง ร่วมเดิน เพลินลำนำ
คิดถึงคำ อำลา น่าน้อยใจ

จากวันนั้น ถึงวันนี้ ไม่กี่เหงา
รุมรบเร้า เร่งร่ำ น้ำตาไหล
รักหลุดลอย ไขว่คว้า ทว่าไกล
จะอย่างไร ความหวัง ก็ ยังฝัน

จากวันนี้ ไปอีกนาน สมานแผล
ยังแน่วแน่ ใจตรึง ถึงความฝัน 
เมื่อสายรุ้ง ร้อยฟ้า มาหากัน
วันที่ฉัน สมฤดี เมื่อมีเธอ

				
24 กรกฎาคม 2547 23:59 น.

วันที่ฉันฝึกงาน โรง.บาลบ้า

ม้าก้านกล้วย

วันที่ฉัน ฝึกงาน โรง,บาลบ้า
พบแต่คนแปลกหน้า บ้าทั้งนั้น
บ้างก็นั่ง ร้องให้ ได้ทั้งวัน
บ้างก็ฝัน เลื่อนลอย คอยความหวัง
ฉันได้พบ ลุงชรา บ้าเป็นหมอ
เอาแต่ขอ ตรวจคนไข้ ใกล้ม้านั่ง
ดูวิธีตรวจอาการผ่านหูฟัง 
แม้รุงรัง ก็ คลับคลัาย พอใกล้เคียง
สมควรศรัทธาน่าเชื่อถือ
ผายมือเชิญให้นั่งแล้วฟังเสียง
ทั้งปอด ทั้งหัวใจคอยไล่เลียง
แกหวังเพียงตรวจอาการผู้ผ่านมา

ฉันสนใจเลยให้ลุงแกตรวจ
แกขมวด คิ้วย่น แล้วบ่นว่า
สอนอะไรในสำนึกนักศึกษา
ทุกสถา-บันสมัย-ไม่ได้ความ
ความคิดทุกนิสิต ล้วนบิดเบือน
ฉาบเปื้อน อวิชา น่าเหยียดหยาม
เฉยเมย เสวยสุข แล้วลุกลาม
ไถ่ถาม แต่เงินตรา บ้า. . ทุกคน
มีบ้างไหมที่จะละสบาย
พลีกายด้วยสำนึกเพื่อฝึกฝน
เอาวิชามารับรอง แก่ผองชน
เพื่อหลุดพ้น โรคา พยาธิ
เป็นแพทย์เป็นนางฟ้าพยาบาล
ทำงานเพียงเห็นเป็นปิติ
ตั้งใจใฝ่หาสมาธิ
เอาวิ  ชา ช่วย ด้วยการุณ
ข้าก็แค่ คนแก่ แค่คนบ้า
เอือมระอา ความเป็นไปของวัยรุ่น
หวังเรียนรู้วิชา เพื่อหาทุน
ไม่สนบุญ ไม่สนใจ ไม่เมตตา
ฉันอึ้ง ซี้งซับ ด้วยรับทราบ
ก้มกราบ คำคม ของคนบ้า 
ลุงหมอ เหมือนช่วย ด้วยเยียวยา
หยอดตา ย้อมใจ ให้มั่นคง

วันที่ฉันฝึกงาน โรง,บาลบ้า
กลับได้ยา ขนานดี ที่สูงส่ง
เรียนเพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์
ต่อไป ฉันคง ไม่หลงตน
ฉันจะใช้ วิชา ด้วยสามารถ
ฉันจะวาด ความหวัง ตั้งแต่ต้น
ฉันจะมุ่ง ช่วยเหลือ เพื่อผองชน 
ฉันจะทน ทุกลำบาก มากกว่านี้ 

(ม้าก้านกล้วย)				
21 กรกฎาคม 2547 18:24 น.

คำแรก ของลูก

ม้าก้านกล้วย

แม่ คือคำแรกที่ลูกเรียก
ด้วยสำเหนียกคำนึงถึงความรัก
อุ่นอ้อมแขน ทั้งสอง แม่ป้องปัก
นอนหนุนตักพักหลับ สดับเพลง
โอ้ ว่า วัด เอ๋ย วัดโบสถ์
ปลูกข้าวโพด ข้าวก่ำ พ่อคร่ำเคร่ง
เจ้าขุนทอง ไปปล้น คนเขาเกรง
ร้องบรรเลง กล่อมเจ้า เข้านิทรา
ร้อยพัน คำคล้อง แม่ร้องบอก
ร้อยระลอก พันทำนอง แม่ร้องหา
ร้อยอุ้ม พันอ้อม แม่ยอมล้า
ร้อยน้ำตา พันครั้ง ยังงอแง
กว่าจะเปลี่ยน หนึ่งกำเริบ มาเติบใหญ่
ผันวัย จากทารก ในอกแม่
ก้าวกล้า ไกลออกไป ไม่เหลียวแล
สักแม้ วินาที ไม่มีนึก

แม่ คือคำสุดท้ายที่ไห้หา
พอพลาดท่า พลั้งตน จนรู้สึก
เถลิงโลภ ครอบงำ ถลำลึก
 มิสำนึก แม้สักนิด คิดจะรั้น
นั่งทอดถอนใจในเรือนจำ
เริ่มร่ำร้องหาว่าแม่ฉัน
แม่จะขายไร่นามาประกัน
คนสำคัญ แน่แท้ คือแม่ตน

(ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย