5 กุมภาพันธ์ 2548 21:27 น.
ม้าก้านกล้วย
คืนนี้ ฉันจะหวาน สาบานได้
ฉันจะมีดอกไม้หลายหลายช่อ
เอามาวางข้างหัวใจใครที่รอ
ฉันจะขอ เอ่ยสำเนียง เพียงเบาเบา
จะทวงถามวันหวานที่ผ่านเลย
คราวที่เคย เฉยชา นั้นน่าเศร้า
ไม่อยากจม น้ำตาตาย ใต้ความเหงา
ขอแค่เขา เข้าใจ อภัยฉัน
จะงอนง้อ ขอโทษ ที่โกรธเคือง
จะเล่าเรื่อง ที่เก็บไว้ ในความฝัน
จะชวนชม มาลา นานาพันธุ์
ที่ฉัน ปลูกไว้ ในใจนี้
คืนนี้ฉันจะหวาน สาบานไว้
เพียงเธอไม่ โกรธเคือง กับเรื่องที่
ฉันพลั้งพลาด เผลอใจ มันไม่ดี
หวังเพียงมี เธอเท่านั้น ฉันสัญญา
ขอแค่คืนดีคืนนี้เลย
ขอแค่คุ้นเคย ขอเอ่ยว่า
ยังคิดถึงเธอเสมอมา
จากลาจากกัน นั้นโหดร้าย
รอรับเธอกลับมาดังก่อน
อ้อนวอนจากหนึ่งใจใกล้สลาย
เคืองขุ่นข้องใดให้ผ่อนคลาย
เคียงกายมาวอนหวานด้วยกันนะ
20 มกราคม 2548 22:03 น.
ม้าก้านกล้วย
เมื่อมือเธอปาดหยาดน้ำตา
เธอจะเห็นท้องฟ้านภาใส
แล้วระทมตรมต่ำ อยู่ทำไม
ปล่อยเหตุการณ์ผ่านไป อย่าใยดี
เรื่องต่างต่างผ่านมา เหมือนว่าฝัน
ซึ่งบางวันฟั่นเฟือนเหมือนภูติผี
แต่ก่อนนั้น หลายหลายวัน ก็ฝันดี
ซึ่งยังมี ปะปน เวียนวนไป
น้ำตาที่หยาดย้อม จะหลอมแกร่ง
เหมือนเหล็กแข็ง หลอมลน จนเหลวไหล
กลับคืนแข็ง คงก้อน เหมือนก่อนไฟ
ต้องเอาไปชุบน้ำ ให้ฉ่ำเย็น
ฉะนั้น น้ำนัยเนตรพร่าง
จงหยดกลางดวงฤดีที่ขื่นเข็ญ
ฤทธิแห่งอุธัจธาร ซ่านกระเซ็น
จะย้อมเย็นใจน้อง จนหมองคลาย
แล้วเงยหน้ามองฟ้า นะน้องนะ
แล้วเธอจะ เห็นไมตรี ที่เวียนว่าย
ล้นอาวรณ์ ร้อนอารมณ์ ตรมแทบตาย
ลอยสลาย ราวสลัว เพียงชั่วคืน
เมื่อพ้นผ่านห้วง ช่วงวิบาก
ยกขอบปาก ของน้อง ทั้งสองขึ้น
โน่นแสง ตะวันฉาย คลายทะมึน
จะพ้นคืน ฝันร้าย ไปแล้วนะ
12 พฤศจิกายน 2547 23:06 น.
ม้าก้านกล้วย
ตะวันรอนลางลบหลบเหลี่ยมเขา
เมื่อฉันทวงถามเหงาในเงาฝัน
ทุกกรวดทรายไม้หมู่ขึ้นคู่กัน
ดวงตะวันดวงเดิม เติมพลัง
ม้าก้านกล้วย
ตัวคนเดียวเดียวดายไปทิศเหนือ
แสงแดดเรื่อส่องทางสร้างความหวัง
อยากจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่คงยัง
รออยู่ทั้งพ่อแม่และพี่เรา
หิ่งห้อย น้อยใจ
กลับมาจูบฝอยฝนที่หล่นพราย
กลับมาว่ายแหวกหว่างสล้างเสลา
กลับมาเดินรอยทางระหว่างเศร้า
กลับมาเหงากลับมาซุกอ้อมสุขใจ
ม้าก้านกล้วย
กลับมาด้วยดวงจิตที่คิดถึง
เฝ้าคะนึงถึงด้วยใจอ่อนไหว
อีกทั้งยังเป็นห่วงหาและอาลัย
อยากซบไออุ่นความรักพักกายา
หิ่งห้อย น้อยใจ
รู้หรือเปล่าเมืองกรุงที่ยุ่งเหยิง
เหมือนสุมเพลิงโหมจริตริษยา
กลิ้งกลอกยอกย้อนจนอ่อนล้า
ต้องกลับมาชุบชีวีที่บ้านเดิม
ม้าก้านกล้วย
ก็เพราะรู้จึงล้าระอาเหลือ
ความเอื้อเฟื้อหายหดหมดคนเสริม
มีแต่คอยแก่งแย่งและซ้ำเติม
ทั้งเหิมเกริมคร่าฉุดยุดกลางกรุง
หิ่งห้อย น้อยใจ
ตะวันรอนลางลบหลบเหลี่ยมเขา
จะฝากเหงาฝากฝืนในผืนทุ่ง
จะปล่อยใจให้เปลือยเปล่าบนราวรุ้ง
ทิ้งกรุงที่กรอบกร้าน กลับบ้านเรา
ม้าก้านกล้วย
19 กันยายน 2547 11:38 น.
ม้าก้านกล้วย
จะเอ่ยพ้อต่อฟ้า ว่ารักล้น
ขอเป็นคนเคียงข้าง ยามย่างก้าว
รับทุกข์แบกเอาไว้ ในทุกคราว
และแบ่งเอา สุขให้ เมื่อใจสม
แม้นน้องเกิดเป็นนภาใส
จะตามไปเชยชิดสนิทสนม
จะเกิดเป็นนกน้อยลอยเล่นลม
คอยชื่นชมฟ้างามตามสมควร
แม้นางเป็นดอกหญ้าราคาด้อย
พี่จะคอยคลอติดจิตสงวน
จะขอเป็นลมตลบคอยอบอวล
จะพัดหวน หอบเจ้าเข้าวิมาน
เจ้ามาลาดอกดก หางนกยูง
แลสวยสูงสง่าสุขทุกสถาน
แม้หล่นแห้งแดงเข้มอยู่เต็มลาน
จึงต้องการแอบอิงยิ่งอื่นใด
ขอเป็นเขียว ใบขาบ ดอกสาบเสือ
ประสงค์เพื่อแซมแดง แซงไสว
ประกอบกล่อมแดงขาว ณ ราวไพร
ใครต่อใคร คงหลงใหล ในมนตรา
จะยอมเสริม เติมสุข ในทุกคราว
ซอมพอสาว จะแลหรู ดูสง่า
พลีเพราะรัก หลงเงา เจ้าดอกหนา
ขอดินฟ้า เป็นพยาน ผสานรัก
(ม้าก้านกล้วย)
15 กันยายน 2547 23:42 น.
ม้าก้านกล้วย
ลมแรงพัดกวาด ณ หาดทราย
ก่อนกลายเป็นมหาวาโยใหญ่
หอบฝนหล่นเย็นเป็นเม็ดใส
วาดไว้ว่าวาววามงามดั่งพลอย
ลมนั้นพัดทรายขยายมวล
กลับกวนสายฝนที่หล่นผล็อย
ฝังเศษทรายทองละอองน้อย
ล่องลอยตามฝนบนผืนฟ้า
แม้ฝนร่าเริงเพิ่งเริ่มกลั่น
เจ้านั้นกลับมีราคีฝ้า
เม็ดทรายลมวนปะปนมา
พัดพาสู่สรวงแล้วร่วงดิน
หลายใครหลายคนหวังฝนปรอย
เฝ้าคอยฝนใสใจถวิล
รองซับรับซึมไว้ดื่มกิน
ย่อมยินดีใจได้น้ำเย็น
กลับได้เม็ดฝนปนเม็ดทราย
วู่วามโวยวายเมื่อได้เห็น
โกรธฝนเทกราดสาดกระเซ็น
ชังเช่นเม็ดฝนคือมลทิน
เด็กน้อยเกิดกายในสลัม
ตัวดำย่ำเยียไปเสียสิ้น
เหยียดหยัดยึดถือว่าคือดิน
ตัดสินตราหน้าว่าชาติทราม
เกิดอีกกี่หนก็ฝนใส
ทารกเกิดใหม่ไยต้องถาม
ร้ายรูปหรือไรหากใจงาม
ค่าความเป็นคนหรือปนทราย
(ม้าก้านกล้วย)