26 มกราคม 2545 21:21 น.
ม้าก้านกล้วย
แล้งแล้วสิหนาเวลานี้
ฝนที่เคยสาดก็ขาดหาย
ใบไม้ทึบหนาแน่นก็แคลนคลาย
ปลิวไหวไปตามลมที่รุนแรง
ดินชุ่มชุกหญ้าเมื่อหน้าฝน
ป่นเป็นผงบ้างแยกแตกระแหง
ปลาน้อยในบ่อกว้างดั่งโชคแกล้ง
กลับรวมแอ่งแห้งขอดขาดชีวา
ยามเด็กเคยพากันไปช่วย
ถุงบ้างถังด้วยช่วยกันคว้า
ตักกุ้งช้อนหอยหาปูปลา
เอามาปล่อยไปในลำน้ำ
นกยางนกกรอดคงจะเกลียด
ไปบังเบียดแหล่งล่าอาหารค่ำ
มาจับจิกกินกระดี่ทีละคำ
เป็นประจำวัฏจักรวัฏจร
เกษตรคงหยุดพักตระหนักเหนื่อย
เคยทำกินอยู่เรื่อยฤดูก่อน
วัวควายอ้วนพีมีคอกนอน
บ้างก็มีลูกอ่อนก่อนฝนมา
เดือนอ้ายข้าวหอมเต็มยุ้งฉาง
ข้าวโพดข้างฟ่างกำลังกล้า
ค้างบวบอวบหนักผักคะน้า
ถั่วฝักยาวปลายนาช่างน่ากิน
แล้งก็แล้งแต่ฝนไกลใช่ใจแล้ง
ดอกจานแดงส้มสวยช่วยเสริมศิลป์
มั่งมีแม้นิดหน่อยค่อยปันกิน
ใช่จะสิ้นสายสัมพันธ์กันเพราะจน
ต่างทำต่างอยู่รู้หน้าที่
บ้านนั้นเรือนนี้มิขัดสน
มีเหลือเผื่อปันกันทุกคน
ล้วนตั้งตนในสันโดดไม่โรจน์ลอย
-(ม้าก้านกล้วย)-
25 มกราคม 2545 22:04 น.
ม้าก้านกล้วย
ไม่นึกว่าเมื่อมาถึงผักไห่
จะทำหัวใจหล่นไว้ที่นี่
อุตส่าห์กลั้นมั่นใจตั้งหลายปี
พบคนดีครั้งเดียวเหลียวตาแล
สาวผักไห่สมคำล่ำลือมา
ว่าโสภาจนหลายชายชะแง้
งามประพิมนิ่มนวลชวนชายแล
งามแม้ยามเฉยนิ่งยิ่งกว่างาม
สุดจะหาถ้อยทำมาพร่ำชม
ผาดก็คมยิ่งพิศยิ่งเพริดพร่าง
นวลเจ้านวลกว่าจันทร์อันกระจ่าง
ทุกท่วงทีท่าทางช่างบรรจง
เป็นลูกหลานผู้พิทักษนักรบไท
ชวนใจพี่ชายให้ไหลหลง
จะฝากตัวฝากหัวใจให้อนงค์
จะตกลงปลงใจให้เพียงเธอ
จะร่วมสร้างสถานวิมานดิน
จะอยู่กินสร้างทำสม่ำเสมอ
จะเหนื่อยยากสักเท่าไรจะไม่เพ้อ
เพื่อเธอยอมพลีไว้ทั้งใจกาย
ไม่นึกว่าเมื่อมาถึงผักไห่
จะหยุดใจหยุดโลกโศกทั้งหลาย
สัญญาจะรักมั่นมิเสื่อมคลาย
ยอมตายอยู่ผักไห่ไม่ผันแปร
(ม้าก้านกล้วย)
25 มกราคม 2545 18:43 น.
ม้าก้านกล้วย
นางเอย เจ้านางสร้างดอกหมาก
เหมือนถูกกระชากดวงใจกลับ
บากหน้ามาเยือนแต่เลือนลับ
ครั้นจะกลับขบวนคืนก็ขืนใจ
จึงกำหนดจิตหยุดคิดครวญ
แม้นเหล่าล้วนที่มามิทรงใฝ่
มิเพียงพอพระราชหฤทัย
จะขอกลั้นใจตายในลำน้ำ
ว่าพลางนางยอมพระทัยขาด
โอ้อนาถชาตามาตรมต่ำ
พระนางสิ้นไปไม่ขาดคำ
เกิดมืดดำอาถรรพ์ทาบทราบถึงวัง
บัดเมื่อภูวดลได้สดับ
เรื่องกลับกลายจนสายพระเนตรหลั่ง
รุดเสด็จออกมาจากหน้าวัง
ก็เกินรั้งการณ์ใหญ่ได้เสียแล้ว
จึงทรงโทมนัสทเวศร์สลด
ทรงประณตเพียงร่างพระนางแก้ว
พระพี่ยาวางใจเกินไปแล้ว
จึงเสียแก้วตาพี่ไปไกลเกินครอง
จึงสั่งการให้ไททั้งหล้า
จึงสักการะกิตติยากึกก้อง
จึงสร้างวัดจัดอาลัยในข้างคลอง
จึงเรียกตามพระนางน้องพระนางเชิง
(ม้าก้านกล้วย)
25 มกราคม 2545 18:43 น.
ม้าก้านกล้วย
นางมาเพื่อสัมพันธ์สองประเทศ
ข้ามเขตอาณาจักรเพราะรักมั่น
ยอมแรมรอนเภตรามานานวัน
ยอมบากบั่นเพราะมั่นคงจำนงค์ใจ
พระนางเจ้าหญิงสร้อยดอกหมาก
ทรงตรากตรำข้ามทะเลใหญ่
เป็นธิดาเจ้ากรุงจีน ณ ถิ่นไกล
ยอมยาตรามาไทยใต้โองการ
มาเป็นพระราชะมเหสี
เพื่อสร้างมิตรไมตรีสองสถาน
ยอมลาแผ่นดินแม่แม้ชั่วกาล
ยอมมาสร้างตำนานอโยธยา
จนนางมาถึงฝั่งป่าสัก
เพราะตระหนักจึงรออยู่ดูทีท่า
รอกองทูตกรุงศรีอยุธยา
จะแต่งกองออกมารับพระนาง
เพื่อจะเหยียบแผ่นดินอย่างสมเกียรติ
มิให้ใครมาเหยียดมาหม่นหมาง
มาถึงแล้วมิใช่ใครทิ้งขว้าง
เพียงเพราะนางมาเพื่อสร้างสัมพันธ์
แต่อาจเป็นกรรมบังตาราชาคณะ
กลับปล่อยปละขบวนเรือเรื้ออย่างนั้น
มิแจ้งความนัยไปไม่แจ้งจรรย์
องค์ราชันย์กลับมิทราบกำหนดการ
กลับตรัสว่าหากองค์มิลงมา
ก็ให้รอเภตราอยู่ที่ย่าน
จนเสร็จภาระลุล่วงการ
จึงจะไปเตรียมงานการต้อนรับ
(ม้าก้านกล้วย)
25 มกราคม 2545 01:40 น.
ม้าก้านกล้วย
สุคติเถิดวิญญาณ จงเสพย์วิมาน สถิตย์สถานอันสม
ร่างบรรพะจะบรรทม อย่างรื่นอย่างรมณ์ ในร่มสุขาวดี
อโยธยาธานี จะเป็นฉะนี้ ไปกี่ร้อยพันเวลา
จะยังเป็นราชปุรา อยุธยา คือเมืองแห่งความทรงจำ
ธานีที่สาปสูญ ให้อาดูรเกินจะกลั้น
เพ้อพาน้ำตากลั่น ด้วยว่าหวั่นคละครั่นใจ
ระทึกยามศึกศก จิตตระหนกตะเลงไล่
ร่ำร่ำโลหิตไท ที่สาดใส่ทั้งพารา
บุกเข้าเผากำแพง ศาสตราแทงโถมข่มฆ่า
ล้างอโยธยา พันธนาเชลยชน
องค์พระประติมา มันล่าไล่เอาไฟลน
ลอกทองสนองสนธิ์ แล้วก็ขนไปสังเวย
บุรีมลั่งเรือง จึงขัดเคืองแค่ลงเอย
ร้อยหวายขายเชลย เมืองที่เคยเทียมวิมาน
ลงกองเป็นอิฐกร่อน คุควันร้อนรนละหาน
ซากวังทรงสถาน เป็นเถ้าถ่านตะกอนกอง
ปืนใหญ่กระหน่ำยิง ว้าวุ่นวิ่งตะโกนก้อง
พลัดพ่อพรากพี่น้อง แม้ลูกหลานก็ผลาญพล่า
จนไร้ราชารัฐ เอกทัศน์ที่ร้างรา
กลับกลบลบพารา ซ่อนในป่าพุทราหนาม
เลือนลางจนจางหาย นครไทยกลายโทรมทราม
ปุจฉาที่โถมถาม ใครจะตามมาตอบเติม
นครที่วิไล แต่แล้วใยไร้ฮึกเหิม
มิต่อกรเผดิม ปราบริปูผู้รุกราน
แม้นเหตุที่เกิดนั้น อยู่ในปัจจุบันกาล
จะมีใครใจหาญ ขึ้นต่อต้านดำรงไทย
ข้าน้อยเพียงหนึ่งนี้ ขอตั้งปณิธานไว้
รุกรานมาเมื่อไร หนึ่งศพขวางทางเดินทัพ
(ม้าก้านกล้วย)