7 พฤศจิกายน 2545 14:23 น.

ทางช้างเผือก(ภาคตัดพ้อ)

ม้าก้านกล้วย

ม้าก้านกล้วย 
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ท้องฟ้าที่ไร้จันทร์คืนวันนี้
ใยยังมีแสงนวลล้วนสว่าง
ฉงนใจจึงมองไปในฟ้ากว้าง
พลันก็พบแถบทางอันพร่างพราว
พาดขวางกลางนภาเวลาค่ำ
บนฟ้าดำดึกดื่นรื้นรอยขาว
กระจุกจุดดารารางเป็นทางยาว
สุกสกาวกว่ากลุ่มดาวที่วาววับ
ทางช้างเผือก ลอยเด่น เป็นแถบสวย
สว่างด้วย แสงขาว ราวประดับ
เกล็ดเพ็ชรแก้ว พราวกระพริบ ระยิบระยับ
ตรึงประทับ ใจกระทั่ง ทรุดนั่งมอง
นึกถึงนวนิยายโศก
ผู้ลาโลกทั้งยังรักหักทรวงหมอง
สัญญาก่อนจากลาน้ำตานอง
จะขอครองคู่นิรันดร์บนชั้นฟ้า
เกษียรสมุทรฤามีที่นัดพบ
ฉันขาดครบคู่ฤดีที่ครวญหา
รอนคู่ร้างใครไร้เมตตา
จะไปหาคนรออยู่เป็นคู่รัก
ขอหลับฝันจะท่องทางช้างเผือกขาว
เผื่อมีสาวสวยสะพรั่งมานั่งดัก
เผื่อพบเนื้อคู่ของตนคนที่รัก
เผื่อรู้จักคนรักฉันนั้นเป็นใคร


+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

Jeminine

เธอจะมองเห็นฉันใหมในคืนหนาว
ด้วยดวงดาวนับล้านร้อยคอยส่องแสง
ดาวดวงเดิมในคืนก่อนเริ่มอ่อนแรง
เกินแข่งแสงรัศมีที่วาวแวว

ตรงโค้งขาวดาวพร่างทางช้างเผือก
ดุจด้ายเชือกร้อยแสงเป็นแท่งแถว
สะบัดพริ้วริ่วร่ายไกลเป็นแนว
วับวาวแววบนฟ้ากว้างพริบพร่างพราย

ด้ายสีแดงเส้นน้อยที่ร้อยเกี่ยว
ใครคนเดียว คนนั้น ที่ฉันหมาย
จะพาเขา ก้าวข้ามทาง ห่างแสนไกล
มาพบใจ ใครคนนี้ ที่เฝ้ารอ...

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

ม้าก้านกล้วย

ดาวดวงหนึ่งตรึงไว้ในสำนึก
หากรู้สึกว่าต่ำต้อยด้อยค่านัก
จึงไม่กล้าเอ่ยให้ใครได้รู้จัก
เกรงเป็นเพียงแค่ทึกทักรักน้อยนิด
ก็เจ้าสูงเกินไปในฟ้าฟาก
ก็เจ้าไกลกันมากไม่อยากผิด
ก็เพราะตรมลำพังฝังความคิด
จึงหักรักหักจิตไม่คิดรัก
แค่โบกมืออำลาดาราจรัส
เพียงสลัดฝืนฝันอันหน่วงหนัก
ฝากความคิดถึงไปไกลยิ่งนัก
แค่รู้จักก็เจียมใจไม่พยศ
จะหวังดาวหรือไรไม่เจียมจิต
ใครก็คิดหยามเย้าเราเสียหมด
วอช่อฟ้าหลังหรูดูงามงด
หาญเทียมรถหลวงราชชาติคางคก
จึงไม่คิดหวังดาวเจ้าแวววาด
สวยสะอาดค้างหาวราวกนก
ดินต้อยต่ำเพียงแค่คิดจิตระทก
ดาวไม่ตกจากฟ้ามาเชยชิด
แค่โบกมือตัดบั่นสัมพันธภาพ
หวังเพียงทราบความหลังที่ฝังจิต
ดินค่าด้อยตัดรักหักชีวิต
ขอแค่คิดถึงดินบ้าง . . .หวังเพียงรัก

(ม้าก้านกล้วย)				
7 พฤศจิกายน 2545 10:09 น.

ทางช้างเผือก

ม้าก้านกล้วย

ท้องฟ้าที่ไร้จันทร์คืนวันนี้
ใยยังมีแสงนวลล้วนสว่าง
ฉงนใจจึงมองไปในฟ้ากว้าง
พลันก็พบแถบทางอันพร่างพราว
พาดขวางกลางนภาเวลาค่ำ
บนฟ้าดำดึกดื่นรื้นรอยขาว
กระจุกจุดดารารางเป็นทางยาว
สุกสกาวกว่ากลุ่มดาวที่วาววับ
ทางช้างเผือก ลอยเด่น เป็นแถบสวย
สว่างด้วย แสงขาว ราวประดับ
เกล็ดเพ็ชรแก้ว พราวกระพริบ ระยิบระยับ
ตรึงประทับ ใจกระทั่ง ทรุดนั่งมอง
นึกถึงนวนิยายโศก
ผู้ลาโลกทั้งยังรักหักทรวงหมอง
สัญญาก่อนจากลาน้ำตานอง
จะขอครองคู่นิรันดร์บนชั้นฟ้า
เกษียรสมุทรฤามีที่นัดพบ
ฉันขาดครบคู่ฤดีที่ครวญหา
รอนคู่ร้างใครไร้เมตตา
จะไปหาคนรออยู่เป็นคู่รัก
ขอหลับฝันจะท่องทางช้างเผือกขาว
เผื่อมีสาวสวยสะพรั่งมานั่งดัก
เผื่อพบเนื้อคู่ของตนคนที่รัก
เผื่อรู้จักคนรักฉันนั้นเป็นใคร

(ม้าก้านกล้วย)				
6 พฤศจิกายน 2545 08:53 น.

สวย ซ่อน พิษ

ม้าก้านกล้วย

ธรรมชาติสรรค์สร้างและวางบท
ไว้เป็นกฏเกณฑ์บังคับกำกับว่า
สรรพสิ่งสวยงามตามนานา
แต่ทว่าพึงสังวรมักซ่อนพิษ
กุหลาบสวยสดสีจะมีหนาม
คู่ความงามมีภัยแฝงแทงสะกิด
ไม่ระวังต้องระบมคมแผลงฤทธิ์
คงต้องติดบ่วงบาดอาจระกำ
มธุรสเลิศหวานปานน้ำสรวง
ผึ้งทั้งปวงปกป้องต้องล่วงล้ำ
แผดพิษเหล็กไนหวงหน่วงกระหน่ำ
เจ็บจนจำจึงได้ลิ้มชิมรสหวาน
แม้แต่บัวเบ่งบานนั้นว่าหอม
ชวนแมลงไต่ตอมห้อมล้อมร่าน
ใต้ใบหลบกบเขียดมาหาอาหาร
แมลงเหลิงเริงสราญพานต้องตาย

เธอเอง ก็คง จะเช่นกัน
งามเฉิดฉันท์ปานจันทร์อันเฉิดฉาย
คงเคลือบแฝงแอบฤทธิ์พิษอันร้าย
ชวนให้ชายที่หลงเพ้อต้องเผลอตัว
เธอสวยเสียจนชายลืมหายใจ
ลืมว่าอาจซ่อนภัยในสลัว
หวานลาวัณย์จนฉันนั้นนึกกลัว
อาจเผลอตัวเผลอใจไปหลงรัก
ก็ดูดูเธอก็ไร้ไม่เดียงสา
หรือว่ามารยาสาวราวสูงศักดิ์
หลอกให้เราหลงไหลจนใจภักดิ์
แล้วค่อยหักอกให้ตายในภายหลัง

หรือว่าเธอนิสัยดีบริสุทธ์
ใสประดุจฝนใสรินไหลหลั่ง
ระแวงเกินระแวงไกลไปกระมัง
ก็อยากหวังให้เธอหวานไร้มารดำ
สรุปแล้ว ตกลงว่า . . . จะรักเธอ
แม้สุดท้ายจะต้องเจอกับความช้ำ
ยอมเลือกสุขก่อนต้องหมองต้องระกำ
เธอจะทำ ร้ายอะไร ตามใจแล้ว

(ม้าก้านกล้วย)				
1 พฤศจิกายน 2545 09:35 น.

หวังจันทร์....

ม้าก้านกล้วย

ตะวันลาจากฟ้าใหญ่ไปนานแล้ว
เหลือเพ็ญแก้วกลางโพยมมาโลมหล้า
แสงยวงเย็นยวนเย้าเศร้าวิญญา
สว่างวาวราวว่านภาเรือง
พนานี้ร่มรางกลางเพ็ญพริ้ง
จักจั่นหริ่งกริ่งกราวราวเล่าเรื่อง
ปล่อยอารมณ์ปลิวปล่าวเหงาเนืองเนือง
ฝันถึงเมืองสิวิไลซ์ที่ไกลนัก
มิได้หวังสรวงสวรรค์บรรจถรณ์
ฟ้าอมรเป็นอย่างไรไม่รู้จัก
แค่อยากไปกรีดกรายไปทายทัก
ว่าเพ็ญพักตร์ใยจึงงามอร่ามองค์
อย่าว่าแต่ชาวป่าอย่างข้าเลย
เมื่อจันทร์เผยโผล่ฟ้ามาลุ่มหลง
กระไรได้กระต่ายป่าประสาดง
ยังพะวงงงภวังค์นั่งชมเดือน
เพ็ญเรี่ยเรี่ยยอดไม้คล้ายซ้อนเร้น
ราวหยอกเย้ากระเซ้าเล่นเฉกเช่นเพื่อน
กระต่ายเหม่อชะเง้อแง้แลก็เหมือน
จะเอื้อมเดือนกลางฟ้ามาครอบครอง
กระโดดเต้นเป็นบ้าจะคว้าจันทร์
ชิงประชันฉวยฉากกระชากช้อน
ล้มคว่ำคะมำหงายฟูมฟายฟอน
จนเหนื่อยอ่อนระอาล้าจึงล่าถอย
เพ็ญยังไม่ใยดีไม่มีจิต
ที่จะคิดเห็นใจกระต่ายน้อย
กลับหนีจากกระจ่างจ้าเลิศฟ้าลอย
แม้จะสอยก็สูงส่งคงไม่ถึง
มานั่งนึกเปรียบข้าเหมือนบ้ารัก
ด้อยศักดิ์ราวกระต่ายพ่ายแพ้ซึ่ง
จันทรางามกลางฟ้าคว้าคำนึง
สูงเกินฝันฉะนั้นจึงไม่ดึงดัน
(ม้าก้านกล้วย)				
30 ตุลาคม 2545 13:27 น.

เป็นไป ในลมหนาว 3

ม้าก้านกล้วย

เมื่อเย็นเยียบเหยียบย่ำพร่ำพรมหล้า
เมื่อนภาสว่างใสไร้ปกป้อง
ไม่มีเมฆาขาวเข้ารับรอง
แสงแรงของสุริยากล้าเหลือเกิน
จะเป็นหมอกจางจางกางกั้นไว้
จะเป็นเมฆปุยใหญ่ไม่สะเทิ้น
กักกั้นกรองแดดจ้าเพื่อพาเพลิน
ยามเจ้าเดินชมไพรในหน้าหนาว
แม้นใจนางลางลองต้องการรู้
ว่าพี่ผู้พึงถนอมยอมเพื่อสาว
ว่าพี่เพ้อเฟ้อเฟื่องเพียงเรื่องราว
เสมือนบ่าวตามติดคิดรับใช้
เหมือนทาสเรือนเบี้ยเตี้ยต่ำศักดิ์
แค่หลงรักยังยอมพลีชีวิตได้
เหมือนมดผึ้งภมรพวกปลวกมอดไม้
ยอมพลีกายถวายร่างเพื่อนางพญา
เป็นไปได้เป็นให้ในทุกสิ่ง
แม้ความจริงเพียงเพ้อฝันหวั่นผวา
เพราะตรอมตรมตามลมพร่างพรมมา
หรือเพราะว่า คิดถึง จึงเลื่อนลอย
(ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย