21 พฤศจิกายน 2545 08:43 น.

นับนึก ในหน้าหนาว

ม้าก้านกล้วย

เมื่อแมกไม้ไม่มีมวลม่านเมฆ
แสงสาดสางสรวงเสกส่งแสบแสน
ระริกร้อนรุมเร้ารมเราแร้น
คุคั่งแค้นคลั่งคลายคุกคามคลอน
ชุ่มชื่นชุกโชกเชื้อชิงโชยชัก
ถั่งโถมถักถากไถถึงถ่ายถอน
วังเวงเว้าวอนวันวิงวอนว่อน
เจ้าจากจรจนใจเจียนจึงจดจำ
ลมแล้งไล่ลุกลามโลมไล้ล้อม
หยอกเย้าย้อมยั้งหยามยามหยุดย้ำ
หน่ายแหนงหนาวนางหนีนี้น้อมนำ
เครียดครวญคร่ำครุ่นค้างคิดครางคอย
โอ้อกเอ๋ยอกอันอ่อนอ้อนไออุ่น
นึกนำหนุนหนักแน่นในนวลน้อย
โอดอบอวลอ่อยอิ่งอิงเอนอ่อย
เบียดบ่อยบ่อยบดบายบ่บ่ายเบน
ไม่มีมิตรเมินหมางมามัวเมา
รักระรื่นหรือรักเราราวรี่เร้น
ตริตรึกตามไตร่ตรองต้องตื่นเต้น
แปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนปลงปล่อยไป
หลุดลอยแล้วลาลับลมแล้งล่อง
รับรักรองแรมร้างรางราไร้
เกลียดกลิ่นกรุ่นกลางกลุ่มก้อนก่อนแกล้งไกล
จึงจรใจจำจากเจ้าจึงจืดจาง

(ม้าก้านกล้วย)

กลอนกลบทนี้ ชื่อว่า เอกอักษร รายละเอียดแจ้งอยู่ในลีลากลอนแล้ว มิพักต้องสาธยาย				
21 พฤศจิกายน 2545 08:39 น.

ปณิธาน กวี

ม้าก้านกล้วย

ก็นับนานที่เติบใหญ่อยู่ในโลก
พบแล้วทั้งเรื่องโศกหรือสุขสม
ทั้งเก่งกาจผงาดและพลาดล้ม
ทั้งชื่นชมทั้งชิงชังช่างโชกโชน
โลกที่มีมุมมองตั้งมากมาย
ได้ดีร้ายพลิกแพลงแผลงผาดโผน
ได้ดุดันกริ้วกะล่อนและอ่อนโยน
เคยทั้งโดนบูชาและด่าทอ
คงจะเช่นใครใครอีกหลายคน
ได้ขุดค้นเรื่อยไปมิได้ท้อ
ยังไม่ซึ้งสัจจธรรมคำว่าพอ
เลยต้องต่อสู้อยู่มิรู้ร้าง
ประสบการณ์หากปล่อยให้ลอยล่อง
ก็คงต้องเสียดายหลายหลายอย่าง
จึงขอเอาชีวิตลิขิตวาง
วงแนวทางแนวคิดชีวิตใด
จะจารึกโลกไว้ในบทกลอน
จะวิงวอนด้วยกวีนี้ว่าไว้
จะเล่าร้อยเรื่องความตามเป็นไป
จะเลื่อนไหลด้วยสัมผัสจัดบรรจง
เพื่อจารึกเพื่อปรากฏบทลิขิต
ไว้เตือนจิตยามใครจะไหลหลง
ไว้ฉุดรั้งยั้งใจให้พะวง
ไม่ให้ตกต่ำลงกว่าที่เป็น

(ม้าก้านกล้วย)				
11 พฤศจิกายน 2545 15:31 น.

ทางช้างเผือก(ภาคเผชิญหน้า)

ม้าก้านกล้วย

โอ นี่ฉันฝันไปหรือไรหนอ
มาอยู่ต่อหน้าดาวเจ้าสูงส่ง
ละลาจากวิมานฟ้ามาแดนดง
ด้วยจำนงค์แน่วนักด้วยรักจริง
ยืนตะลึงตรึงกายไม่กล้าคว้า
เหมือนโลกเหมือนเวลาจะหยุดนิ่ง
อยากประคองดาวมาแนบมาแอบอิง
กลัวทุกสิ่งเป็นภาพลวงห่วงเหลือเกิน
ตีอกชกหัวพัลวัน
กลัวว่าฝันจึงงงงันกลั้นสะเทิ้น
กัดเม้มริมฝีปากอยากบอกเชิญ
แต่ขัดเขินไม่เคย  เลยนิ่งเสีย
ไม่รับรู้แล้วว่าผ่านนานแค่ไหน
ลืมหายใจจะยืนยั้งยังอ่อนเปลี้ย
อยากกระโจนไปกอดเจ้าคลอเคล้าเคลีย
ต้องละเหี่ยด้วยว่าไม่กล้าพอ
ใคร่จะลอบสูดดมเรือนผมนาง
กลิ่นนวลปรางหอมละไมหรือไม่หนอ
แม้นได้ไออุ่นดาวพราวละออ
จะไม่ขอร้องอะไรในชาตินี้

ขัดเขินมันเขินขัดมันขัดเขิน
จะเชื้อเชิญออกไปเหมือนใจพี่
ก็อึกอักตะกุกตะกักหนักฤดี
เหมือนว่ามีก้อนตะกรุดมาอุดตัน
จะเอ่ยก็อ้ำอึ้งจึงติดอ่าง
แขนขาเก้งก้างก็กางกั้น
หันรีหันขวางอยู่อย่างนั้น
มือไม้ไพล่พันกันวุ่นวาย
ก็รักนะทรวงรักหนักเต็มอก
แต้จะยกเอ่ยอ้างอย่างไรได้
จะอ้าปากยังยากแทบอยากตาย
แล้วสุดท้าย รวมความกล้า เอ่ยว่า  . เอ้อ  . . .  
 เอ่อ . . . ทานข้าวหรือยังครับ  เอ่อ วันนี้ อากาศดี นะครับ   เอ่อ . . . แหม เอ่อ 
				
11 พฤศจิกายน 2545 08:34 น.

ข้าวปล้อง . . . .หายไป

ม้าก้านกล้วย

ข้าวใหม่กำลังเหลืองเรืองดั่งทอง
แต่ข้าวปล้องน้องพี่หนีไปไหน
นาปรังกำลังกล้าเริ่มนาใหม่
แต่ดวงใจของข้ามาร้างรอน
เคยเป่าปี่ปล้องข้าวให้เจ้าฟัง
เคยเคียงนั่งหลังทุยลุยแดดร้อน
เคยแอบอิงไอรักหนุนตักนอน
เด็ดใบบอนมาบังใบให้ร่มเย็น
จู่จู่เจ้าก็จาก อยากต่อว่า
มาหนีหน้าไปไหนไม่ให้เห็น
ตะโกนกู่เรียกหาน้ำตากระเซ็น
เจ้ามาเร้นหลบพี่ชายหายห่างเหิน
คงลืมเพลงปี่ข้าวปล้องเคยร้องคลอ
คงลืมตอซังข้าวเหงาสะเทิ้น
คงลืมเคียวเกี่ยวรวงห่วงเหลือเกิน
คงเพลิดเพลินอยู่ที่ไหนจึงไม่มา
ต้นข้าวทอดถอดปล้องต้องตั้งรวง
ข้าวยังห่วงนายังคอยละห้อยหา
ทุยยังพ้อรักพ่ายอยู่ท้ายนา
เมื่อเจ้ามาจากไปน้อยใจนัก
ข้าวใหม่ในทุ่งทองต้องเก็บเกี่ยว
ข้าคนเดียวเคียวพะวงคงจะหัก
จะเก็บกำไปให้ใครเมื่อไร้รัก
ปล่อยเป็นปลัก แปลงร้าง เพราะนางลืม
(ม้าก้านกล้วย)				
8 พฤศจิกายน 2545 11:39 น.

ทางช้างเผือก(ภาคฝันสลาย)

ม้าก้านกล้วย


ดาวดวงหนึ่งตรึงไว้ในสำนึก
หากรู้สึกว่าต่ำต้อยด้อยค่านัก
จึงไม่กล้าเอ่ยให้ใครได้รู้จัก
เกรงเป็นเพียงแค่ทึกทักรักน้อยนิด
ก็เจ้าสูงเกินไปในฟ้าฟาก
ก็เจ้าไกลกันมากไม่อยากผิด
ก็เพราะตรมลำพังฝังความคิด
จึงหักรักหักจิตไม่คิดรัก
แค่โบกมืออำลาดาราจรัส
เพียงสลัดฝืนฝันอันหน่วงหนัก
ฝากความคิดถึงไปไกลยิ่งนัก
แค่รู้จักก็เจียมใจไม่พยศ
จะหวังดาวหรือไรไม่เจียมจิต
ใครก็คิดหยามเย้าเราเสียหมด
วอช่อฟ้าหลังหรูดูงามงด
หาญเทียมรถหลวงราชชาติคางคก
จึงไม่คิดหวังดาวเจ้าแวววาด
สวยสะอาดค้างหาวราวกนก
ดินต้อยต่ำเพียงแค่คิดจิตระทก
ดาวไม่ตกจากฟ้ามาเชยชิด
แค่โบกมือตัดบั่นสัมพันธภาพ
หวังเพียงทราบความหลังที่ฝังจิต
ดินค่าด้อยตัดรักหักชีวิต
ขอแค่คิดถึงดินบ้าง . . .หวังเพียงรัก

 ม้าก้านกล้วย
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

มิมีดาวดวงใดไกลเกินเอื้อม
แลระเลื่อมตรึงในใจแน่นหนัก
ฟ้าใดเล่าจะกว้างไกลเกินใฝ่รัก
หัวใจนี้กว้างนักรักยังตาม

หากแม้ดาวดวงน้อยนั้นผลอยร่วง
ดินจะห่วงบ้างใหมใคร่ขอถาม
หมดแรงแสงสวยสดไร้งดงาม
เพียงมาตามหารักคืนยังผืนดิน

เป็นเพียงกรวดก้อนหม่นหล่นจากหาว
ใช่เป็นดาวดังก่อนวอนถวิล
สักคำเถิดว่ารักหากได้ยิน
แม้สูญสิ้นทุกสิ่งไร้ไม่หวั่นเลย

jeminine
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
  บัดนั้น เชิด

สนานใดไหนเท่าดาวเยือนหล้า
จากฟากฟ้ามาฟากฝั่งดั่งดาวเอ่ย
โชคของดินต่ำร้ายชายเชยเชย
ยอมสังเวยชีพนี้พลีเพื่อดาว
จะพาเธอถากถางทางวิบาก
สร้างวิมานจากซากจากดินด้าว
จะปลูกแตงแฟงฟักถั่วฝักยาว
จะหว่านข้าวขาวหอมยอมตรากตรำ
จะพาชมผลไม้ในแหล่งสวน
จะเชิญชวนล่องไร่ให้ชื่นฉ่ำ
จะก่อกองไฟฟ้อนอ้อนลำนำ
จะพาดำผุดว่ายในสายธาร
จะให้เป็นดาวใจให้แสนสุข
จะปลอบปลุกด้วยเพลงบรรเลงหวาน
จะทัดโสตด้วยมาลีที่เบิกบาน
จะโปรยหว่าน กลีบผกา มาพร่างพรม

บัดนั้น โอด กาเหว่า

ยินกาเหว่า โหยหวน ยวนย้ำเตือน
ฝันฟั่นเฟือน สะดุ้งตื่น ชื่นกลับขม
ดาวยังลอยเด่นดาวให้เฝ้าชม
ได้แต่ก้มหน้ารับกับชะตา
ทางช้างเผือกยังลอยเกินสอยสูง
ดาวยังรุ่งกระพริบพร่างอยู่กลางฟ้า
ฝันไปเองว่าสวรรค์นั้นเมตตา
แต่ดารายังลอยไกลไม่ปรานี
วิมานดินสร้างรอ ก็คงร้าง
ถากและถางนาไร่ไว้เต็มที่
เผยอสูงเกินไปไม่เข้าที
กล้าดี ไฉนจึง จะดึงดาว


(ม้าก้านกล้วย)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟม้าก้านกล้วย
Lovings  ม้าก้านกล้วย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงม้าก้านกล้วย