16 กรกฎาคม 2546 20:32 น.
ม้าก้านกล้วย
อีกอารมณ์ที่อยากอยู่ลำพัง
อยากจะขังกายไว้ในที่เร้น
ไม่อยากพบคนหมู่มากไม่อยากเห็น
ไม่อยากเป็นเช่นลื่นล้มจมน้ำตา
เขาคงเยาะเย้ยหยันกันเยอะแยะ
คงค่อนแคะครื้นเครงเกรงต่อว่า
อารมณ์นี้มีแค่หม่นจนระอา
ขอหลบหน้าลี้เลี่ยงเพียงลำพัง
ไม่รู้เหมือนกันมันเป็นไป
เหนื่อยใจจึงจมปลักกับกักขัง
คลอน้ำตาเอ่อเหม่อภวังค์
วาดหวังแวววับกลับลบเลือน
ไร้แรงหยัดยืนฝืนไม่อยู่
หดหู่หัวใจเมื่อไร้เพื่อน
ฟูมฟายเสียขวัญเหมือนฟั่นเฟือน
หยุดเตือนสติตนสักหนนึง
ขอเก็บตัวตนไว้ก่อนใจขาด
โอกาสภายภาคหน้าถ้าคิดถึง
ยังมีเยื่อใยหวังยังตราตรึง
สักวันหนึ่งคนคร่ำครวญจะหวนคืน
อารมณ์นี้ขอปลีกตัวกลัวใจนัก
กำลังรักกำลังหวังกำลังฝืน
กำลังใจลดถอยลงคงกล้ำกลืน
ขอสะอื้นเพียงลำพังยังสับสน
(ม้าก้านกล้วย)
7 กรกฎาคม 2546 22:12 น.
ม้าก้านกล้วย
ขอบคุณวสันตฤดู
มาพร่างพรูสายใสเย็นเช่นสายฝน
ชะล้างรอยระอาล้ากมล
ให้ใจคนเช่นเราคลายเหงาหงอย
ฝนปนน้ำนัยนาเมื่อคราเศร้า
อิงแอบเอาน้ำตามาปลดปล่อย
ขอบคุณกรุ่นละอองที่ล่องลอย
ใจน้อยน้อยได้ผ่อนคลายหายระทม
แม้นมิได้สายพิรุณละมุนม่าน
ชโลมผ่านรดอุราคราขื่นขม
คงอัดอั้นตันตื้นต้องฝืนตรม
บาดจะบ่มโบยระบมตรมจนตาย
ขอบคุณฟ้าร้องคะนองคลั่ง
มาบดบังเสียงสะอื้นจนกลืนหาย
ได้กรีดร้องพ้องกรีดฟ้าพาผ่อนคลาย
กับรักร้ายละลายลงปลงกับฝน
ขอบคุณความเปียกปอนซึ่งสอนใจ
รักเมื่อไรให้เตรียมไว้ใจจะหม่น
ต้องเปียกชุ่มหนาวสะท้านรานกมล
เหมือนดังฝนสาดกระเซ็นก็เช่นกัน
และสุดท้ายขอฝากอยากขอบคุณ
รักที่ขุ่นขมขื่นตื่นจากฝัน
สร้างประสบการณ์ช้ำให้จำมั่น
ทำให้ฉันตาสว่างกลางสายฝน
(ม้าก้านกล้วยป
28 มิถุนายน 2546 22:04 น.
ม้าก้านกล้วย
ฝนเดือนหกตกหนักขึ้นทุกวัน
ฝันเฝ้าฝันถึงบ้านนาเวลาฝน
พ่อที่แก่แม่ที่เฒ่าคงเฝ้าทน
แกคงกล่นเกลี่ยเลนเป็นแปลงนา
จะมีพันธุ์ข้าวไหมไหนจะปุ๋ย
คอกไอ้ทุยใครที่ไหนจะใส่หญ้า
เพราะลูกชายหนีลำบากจากบ้านมา
เพราะหวังว่าเอาบ่าแบกแลกเงินทอง
กรรมกรกลางกรุงที่ยุ่งเหยิง
ไม่ได้เหลิงแสงสีที่มัวหมอง
เพราะจากนาอย่างหน้าน้ำตานอง
ก็ขอลองวัดชะตามาช่วงชิง
ต้องจากลาพ่อแม่มาแต่ตัว
ทั้งที่กลัวใครนินทาว่าทอดทิ้ง
ใครจะหาปลาไว้ให้แกปิ้ง
ไหนจะสิ่งเครื่องอำนวยช่วยผ่อนแรง
ฝนเดือนแปดแผดคำรามหยามน้ำหน้า
ไอ้ลูกชายชาวนามาหน่ายแหนง
ทิ้งวิถีชีวิตผิดสำแดง
มาผาดแผลงดิ้นรนบนทรากกรุง
เมืองที่วัดความเจริญด้วยเงินตรา
วัดคุณค่าที่ร่ำรวยด้วยเงินถุง
กับแค่คนเห็นสาปคราบท้องทุ่ง
ไม่อยากยุ่งเกี่ยวข้องต้องเจียมตัว
คนทางบ้านจะ อภัยให้ไหมหนอ
หนึ่งคำขอ แค่เห็นใจ ไอ้ลูกชั่ว
จะกลับนาไปไถพรวน ทั้งสวนครัว
แต่ก็กลัว เขาจะเย้ย เลยจนใจ
(ม้าก้านกล้วย)
21 มิถุนายน 2546 21:45 น.
ม้าก้านกล้วย
โอ้เจ้านกเสียงดีสาลิกา
ร้องเริงร่าเรียกคู่อยู่เจั้อยแจ้ว
ไม่อาทรร้อนใจใดใดแล้ว
ร่ำอยู่แนวป่าไพรไกลกังวาน
วันทั้งวัน เจ้านั้น กระชั้นเสียง
ส่งสำเนียงแค่เรียกร้องพ้องเพลงหวาน
ประกาศด้วยกมลทรามความต้องการ
แค่สืบสานสายพันธุ์ เท่านั้นหรือ
ฉุกสะท้านใจอ่อนสะท้อนจิต
จึงได้คิดว่าบทกลอนที่ซ่อนสื่อ
โหยแต่หารักมาปรนจนล่ำลือ
กวีคือผู้พรรณาภาษารัก
จะต่างใดกันเล่ากับเจ้านก
แค่วิหคสาลิกามาอึกอัก
แค่ร้องเล่นเป็นทำนองคะนองนัก
แค่ล้อรักคลอครวญกวนอารมณ์
สร้างสิ่งที่ดีกว่าภาษาสวย
สร้างไว้ด้วยพ้องพร่ำคำผสม
สร้างเพื่อสร้างพลังให้สังคม
สร้างอาคมสะกดใจให้ได้คิด
ประเด็นโลกโศกสุขซุกซ่อนอยู่
เตือนให้รู้แนวบันเทิงเชิงสะกิด
ติงให้ชาญฉลาดคู่รู้ชีวิต
โดยประดิษฐ์สนองสรวลสำนวนกลอน
มีรักบ้างขมบ้างอย่างเหมาะสม
มีชื่นชมชิงชังดั่งคำสอน
มีเล่นลิ้นโลเลเป็นเล่ห์หลอน
มีกลกลอนกวีกานต์มาขานคำ
(ม้าก้านกล้วย)
20 มิถุนายน 2546 22:28 น.
ม้าก้านกล้วย
ทะยานสู่โค้งฟ้าถลาร่อน
ทะยอยย้อนทวนท่องล่องเวหา
ทะเลเรืองเบื้องล่างกระจ่างตา
ทะนงกว่าปักษีที่แห่งไหน
จ้าวถิ่นจ้าวเที่ยวท่องเหนือท้องน้ำ
บ้างบินต่ำเรี่ยผืนคลื่นลมไล่
หากเจ้าอยากเหิรหาฟ้าไสว
เจ้าก็โผขึ้นไปดั่งใจฝัน
ประกาศอิสระภาพ ระนาบฟ้า
ผงาดกล้า กางปีก ฉีกกรงกั้น
ทลายขอบเขตขวางอย่างเหนือชั้น
จนหนึ่งวันผันพ้นจนมืดลง
มิยึดหลักแหล่งใดให้มีห่วง
เจ้าพ้นห้วงพันธนากว่าแรงหลง
อย่างปลอดปล่อยและเปล่าเปลี่ยวเที่ยวปลดปลง
แต่ยังคงมิขอใครให้เมตตา
เจ้าคือนางนวลนายแห่งสายชล
ผู้ดั้นด้นผู้ หลุดพ้น ผู้ค้นหา
ผู้วาดแววแจ่มใสให้โค้งฟ้า
ประกาศกล้ากลางคลื่นลมที่โถมพัด
(ม้าก้านกล้วย)